ยางรถยนต์ เป็นอุปกรณ์ส่วนควบหลักของรถยนต์ที่สำคัญมากอย่างหนึ่ง เพราะต้องทำหน้าที่ทั้งการรับน้ำหนักตัวรถทั้งหมด รับแรงกระแทก ช่วยลดการสั่นสะเทือน บังคับทิศทางการเคลื่อนที่ของรถ ทำให้รถเคลื่อนที่และหยุดรถ ที่สำคัญคือต้องให้ความปลอดภัยกับผู้ขับขี่ด้วย เมื่อยางรถเป็นชิ้นส่วนที่ต้องรับภาระหนักอย่างนี้แล้ว จึงจำเป็นอย่างมากที่จะต้องหมั่นตรวจเช็คยางรถให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานอยู่เสมอ ซึ่งนอกจากจะต้องตรวจเช็คเกี่ยวกับแรงดันลมยาง อาการยางบวม ยางสึก ยางรั่วซึมแล้ว อายุของยางก็เป็นสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ผู้ขับขี่ควรรู้ด้วยเช่นกัน เพราะเมื่อรู้ว่ายางใกล้หมดอายุแล้วก็จะได้หาโอกาสไปเปลี่ยนยางชุดใหม่ได้ทันท่วงที อันเป็นการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงอุบัติเหตุที่มีสาเหตุจากยางชำรุดเสียหายระหว่างขับขี่นั่นเอง
แนะนำวิธีตรวจเช็ค ยางรถยนต์ ทำเองได้ไม่ยุ่งยาก
โดยปกติแล้วยางรถจะมีอายุการใช้งานอยู่ที่ 2-5 ปี หรือประมาณ 30,000 – 40,000 กิโลเมตร แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับลักษณะของการใช้งานด้วย ถ้าหากใช้งานรถยนต์เป็นประจำทุกวัน หรือบรรทุกสิ่งของหนัก อายุการใช้งานของยางก็จะสั้นลง แต่การจอดทิ้งไว้นาน ๆ ก็ใช่ว่าจะช่วยยืดอายุของยางรถได้ เพราะถ้าไม่เคลื่อนไหวเลย ส่วนที่ถูกกดทับนาน ๆ ก็เสื่อมหรือเสียหายได้เช่นกัน ดังนั้นถ้าอยากแน่ใจว่ายางรถยังอยู่ในสภาพที่ใช้งานได้อย่างปลอดภัย ก็สามารถตรวจเช็คยางรถด้วยตนเองได้ง่าย ๆ โดยใช้วิธีดังต่อไปนี้
- ตรวจเช็คบริเวณหน้ายาง เพราะทุกครั้งที่รถเคลื่อนที่ไปมานั้นหน้ายางต้องสัมผัสกับผิวถนนอยู่ตลอดเวลา ถ้าหากบริเวณหน้ายางมีร่องรอยการหลุดร่อน แตก หรือแยกออกจากกัน ก็อาจจะเป็นสาเหตุทำให้ยางแตกหรือยางระเบิดขณะขับขี่ อันจะนำมาซึ่งอุบัติเหตุต่าง ๆ บนท้องถนนได้ ดังนั้นควรรีบเปลี่ยนยางใหม่ทันทีเพื่อความปลอดภัย
- ตรวจเช็คบริเวณแก้มยาง เนื่องจากแก้มยางเป็นจุดที่ค่อนข้างบอบบางกว่าบริเวณอื่น อีกทั้งยังทำหน้าที่รับน้ำหนักรถและลดแรงกระแทกเมื่อขับผ่านหลุมบ่อ ถ้าหากแก้มยางมีอาการบวมหรือมีรอยปริแตกก็ควรเปลี่ยนยางใหม่ทันที เพราะยางบวมหากเกิดขึ้นที่บริเวณแก้มยางจะถือได้ว่ามีความอันตรายต่อการใช้งาน เสี่ยงยางแตกหรือยางระเบิดขณะขับขี่ได้ อาการยางบวมสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น สไตล์การขับขี่ ขาดการดูแลเอาใจใส่ ยางหมดอายุ ปล่อยให้ลมยางอ่อนเป็นประจำ ยางรถได้รับการกระแทกอย่างรุนแรง หรือแม้แต่การบรรทุกสิ่งของที่หนักเกินไปก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ยางบวมได้
- ทุกครั้งที่ยางเกิดการรั่วซึมให้ตรวจเช็คตำแหน่งที่เกิดการรั่ว โดยตำแหน่งที่ไม่แนะนำให้ทำการปะคือบริเวณแก้มยางหรือขอบยาง เพราะเมื่อทำการปะแล้วใช้งานไปได้สักระยะก็จะกลับมารั่วซึมได้เช่นเดิม หากนำไปบรรทุกหนักหรือขับขี่ด้วยความเร็วสูงก็อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุตามมาได้ ดังนั้นหากยางรั่วซึมบริเวณแก้มยางหรือขอบยาง ควรไปให้ศูนย์บริการเปลี่ยนยางใหม่เลยจะดีกว่า
- เช็คความลึกร่องดอกยาง ยางรถส่วนใหญ่จะมีสัญลักษณ์แถบนูน ๆ พาดขวางไว้ตรงร่องดอกยาง เรียกจุดนี้ว่า “สะพานยาง” เป็นจุดที่ใช้สำหรับตรวจเช็คว่าดอกยางยังมีความลึกเพียงพอเหมาะกับการใช้งานได้ตามปกติมากน้อยแค่ไหน หรือถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนยางใหม่แล้วหรือยัง ถ้าดอกยางสึกจนลดลงมาถึงระดับสะพานยางแล้ว ก็แสดงว่าควรเปลี่ยนยางชุดใหม่ได้แล้ว หรือวัดด้วยเครื่องมือวัดความลึกร่องดอกยาง ต้องลึกไม่น้อยกว่า 1.6 มม. ความลึกร่องดอกยางที่ลดลงส่งผลกระทบโดยตรงต่อประสิทธิภาพการรีดน้ำและการควบคุมรถยนต์
- เมื่อต้องเปลี่ยนยางใหม่ ควรดูวันผลิตของยางแต่ละเส้น โดยให้เลือกยางที่มีอายุไม่เกิน 3-6 เดือนนับจากวันผลิต หรือจะเลือกยางเก่าเก็บที่ผลิตภายใน 1-2 ปีก็ได้ เพราะมีประสิทธิภาพในการใช้งานไม่แตกต่างกันมาก ส่วนเหตุผลที่ควรเลือกยางใหม่เพราะมีประสิทธิภาพในการใช้งานที่ดีเยี่ยม ช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนที่มีสาเหตุมาจากยางรั่วหรือยางแตกระหว่างขับขี่ได้
ปัจจัยที่ทำให้ยางรถเสื่อมเร็ว
เมื่อใช้งานยางรถไปนาน ๆ ก็จะเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา ดังนั้นผู้ขับขี่จึงจำเป็นที่จะต้องนำรถเข้าตรวจเช็คสภาพ ยางรถยนต์ ที่ศูนย์อย่างน้อยปีละครั้ง เผื่อว่าเจอปัญหาในจุดใดก็จะได้แก้ไขหรือให้ช่างเปลี่ยนยางใหม่ได้ทันท่วงที นอกจากนั้นผู้ขับขี่ยังควรรู้เกี่ยวกับปัจจัยที่ทำให้ยางเสื่อมสภาพเร็วเอาไว้ด้วยเพื่อจะได้หาทางหลีกเลี่ยงต่อไป เช่น
- สภาพอากาศสามารถส่งผลต่อการเสื่อมสภาพของยางเร็วขึ้นหรือช้าลงได้ อย่างเช่น ถ้าหากขับขี่ในสภาพอากาศที่ร้อนจัดเป็นประจำ จะทำให้ยางรถเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
- ยางรถสามารถเสื่อมสภาพได้จากสภาพถนน ถ้าหากขับขี่บนพื้นถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อ พื้นถนนขรุขระ หรือขับขี่บนพื้นต่างระดับเป็นประจำ จะทำให้ยางสึกหรอเร็วขึ้นและอายุการใช้งานสั้นลง
- สไตล์ในการขับขี่มีผลต่อการเสื่อมสภาพของยางรถ หากชอบขับขี่รถด้วยความเร็วสูง ออกตัวแรงหรือชอบเบรกกะทันหัน จะทำให้ยางสึกหรอและเสื่อมสภาพเร็วขึ้น อายุการใช้งานสั้นลง ดังนั้นการเปลี่ยนพฤติกรรมในการขับขี่จะช่วยยืดอายุการใช้งานของยางให้ยาวนานขึ้นได้
การขับขี่รถจะปลอดภัยได้ก็ต้องอาศัยยางรถที่มีประสิทธิภาพ ดังนั้นคนใช้รถจึงควรศึกษาวิธีการเช็คยางรถเบื้องต้นด้วยตัวเองเอาไว้ เพราะเมื่อรู้วิธีแล้วต่อไปก็จะสามารถตรวจเช็คสภาพยางเองได้ง่าย ๆ เช่น การวัดระดับลมยางให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ดูการสึกหรอของยาง การตรวจหาจุดรั่วซึม บวม หรือปริแตก หากพบยางเสื่อมสภาพควรรีบเปลี่ยนใหม่ทันทีไม่ควรฝืนใช้ต่อ เพราะอาจจะนำมาซึ่งอุบัติเหตุที่ร้ายแรงได้
ที่มาข้อมูล: vgrouphonda
Comments 1