ช่วงเปิดเทอมแบบนี้ พ่อแม่และผู้ปกครองที่มีลูก ๆ หลาน ๆ อยู่ในวัยที่ต้องไปโรงเรียนต่างก็ขะมักเขม้นอยู่กับการตระเตรียมสิ่งของจำเป็นต่าง ๆ ให้เด็กนำติดตัวไปโรงเรียน ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์การเรียน, กล่องข้าวกลางวัน รวมถึง กระติกน้ำเด็ก ซึ่งกระติกน้ำนี้มีความสำคัญมาก เพราะนอกจากจะทำให้เด็กมีน้ำดื่มเพียงพอต่อการบริโภคในหนึ่งวันแล้ว ยังช่วยลดความเสี่ยงเรื่องโรคติดต่อในเด็กลงไปได้อีกด้วย
แต่ถึงอย่างนั้น กระติกน้ำที่วางขายอยู่ตามท้องตลาดก็มีด้วยกันหลายแบบ การเลือกซื้อจึงต้องใช้ความละเอียดรอบคอบเพื่อให้ได้กระติกน้ำที่มีคุณภาพ ปลอดภัยต่อการใช้งาน ซึ่งวันนี้เราก็มีวิธีเลือกกระติกน้ำของเด็กมาฝากกัน
วิธีเลือก กระติกน้ำเด็ก ให้ปลอดภัยต่อการใช้งาน
เนื่องจากกระติกน้ำเป็นของใช้ส่วนตัวที่เด็กต้องพกติดตัวไปโรงเรียนหรือพกติดตัวเวลาออกไปเที่ยวนอกบ้าน เพื่อให้สามารถดื่มน้ำหรือเครื่องดื่มสำหรับเด็กอย่างน้ำผลไม้หรือนมได้อย่างสะดวกโดยไม่ต้องใช้ปะปนกับคนอื่น ดังนั้น นอกจากเรื่องความสวยงามแล้ว การเลือกกระติกน้ำจึงต้องคำนึงถึงหลายปัจจัยอย่างดังต่อไปนี้
- วัสดุที่ใช้ผลิต กระติกน้ำสำหรับเด็กมีทั้งที่ผลิตจากพลาสติก, อะลูมิเนียม, สแตนเลสสตีล และแก้ว แต่ที่นิยมใช้กันแพร่หลายมักจะเป็นกระติกน้ำพลาสติก เนื่องจากมีราคาค่อนข้างถูก หาซื้อง่าย มีลวดลายให้เลือกหลากหลาย แต่หากต้องการเลือกใช้กระติกน้ำพลาสติกควรตรวจสอบให้แน่ใจว่ากระติกน้ำที่เลือกไร้สาร BPA ซึ่งเป็นสารเคมีอันตราย เมื่อสัมผัสกับความร้อนจะเจือปนกับของเหลวเข้าสู่ร่างกาย เป็นอันตรายต่อสุขภาพในระยะยาว ส่วนวิธีตรวจสอบให้สังเกตตรา “BPA-Free” ที่ข้างกระติก
- น้ำหนักของกระติก แน่นอนว่าคงไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากให้ลูกแบกสัมภาระเยอะ ๆ ไปโรงเรียนโดยไม่จำเป็น ดังนั้นจึงควรเลือกใช้กระติกที่มีน้ำหนักเบา ส่วนมากจะผลิตจากพลาสติก แต่หากต้องการกระติกที่แข็งแรง เก็บอุณหภูมิได้ดี ควรเลือกใช้กระติกอะลูมิเนียม แต่ก็ต้องแลกกับราคาที่แพงขึ้นอีกพอสมควร และพยายามหลีกเลี่ยงกระติกแบบสแตนเลส เนื่องจากมีน้ำหนักมาก
- ความจุของกระติก ขนาดและความจุของกระติกควรเพียงพอที่จะบรรจุน้ำดื่มให้เด็กดื่มนอกบ้านได้ภายในหนึ่งวัน หากเป็นการให้เด็กพกไปใช้ที่โรงเรียนหรือพกติดตัวไปเที่ยวนอกบ้านแบบไปเช้าเย็นกลับก็ควรอยู่ระหว่าง 350 – 650 มิลลิลิตร หากความจุน้อยกว่านั้นเด็กอาจดื่มได้ไม่เพียงพอ แต่หากมากกว่านั้นก็จะทำให้หนักเกินไป
- ดีไซน์ของกระติก แน่นอนว่ารูปทรงของกระติกน้ำมีผลต่อความสะดวกในการพกพา กระติกน้ำสำหรับเด็กควรมีรูปทรงเหมาะกับเด็ก สามารถหยิบจับได้ถนัดมือ หากเป็นกระติกที่มีหลอดดูดน้ำในตัวก็จะยิ่งเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน แถมยังช่วยรักษาความสะอาดเพราะไม่ต้องเปิดฝาเวลาดื่มน้ำ
วิธีทำความสะอาด กระติกน้ำ แบบหมดจด!
การทำความสะอาดกระติกน้ำเด็กสามารถทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับวัสดุของกระติกและระดับความสกปรกของกระติก ซึ่งพ่อแม่/ผู้ปกครองควรเลือกวิธีทำความสะอาดให้เหมาะสมเพื่อให้เด็ก ๆ ได้ใช้งานกระติกน้ำที่สะอาดและปลอดภัย
- ทำความสะอาดด้วยน้ำยาล้างจาน การใช้น้ำยาล้างจานหรือน้ำยาล้างขวดนมเด็กถือเป็นวิธีการทำความสะอาดขั้นพื้นฐานที่สุด สามารถใช้ได้กับกระติกทุกประเภททั้งพลาสติก, อะลูมิเนียม, สแตนเลส และแก้ว เพียงเทน้ำยาล้างจานลงในขวด 2 – 3 หยด แล้วเติมน้ำอุ่น ปิดฝาและเขย่าขวดให้น้ำยาแตกตัว จากนั้นเทน้ำออก ใช้แปรงหรือฟองน้ำถูด้านในกระติกให้ทั่ว เสร็จแล้วล้างด้วยน้ำเปล่า นำไปผึ่งลมให้แห้งก่อนใช้งาน
- ทำความสะอาดด้วยน้ำส้มสายชู การใช้น้ำส้มสายชูถือเป็นวิธีสุดคลาสสิกอีกวิธีหนึ่ง เพียงเติมน้ำส้มสายชูและน้ำเปล่าปริมาณครึ่งต่อครึ่ง ปิดฝาแล้วเขย่า 2 – 3 ครั้ง แล้วทิ้งไว้ประมาณ 1 คืน จากนั้นให้ล้างกระติกด้วยน้ำอุ่น เสร็จแล้วตากให้แห้งก่อนนำมาใช้งาน วิธีนี้เหมาะกับกระติกสแตนเลสที่มีคราบสกปรกหรือกลิ่นไม่พึงประสงค์ที่น้ำยาล้างจานธรรมดาล้างไม่ออก
- ทำความสะอาดด้วยเบกกิ้งโซดา ผสมเบกกิ้งโซดาหนึ่งช้อนชาในกระติกน้ำ แล้วทิ้งไว้ประมาณ 1 คืน จากนั้นล้างด้วยน้ำอุ่น เสร็จแล้วนำไปผึ่งลมให้แห้งก่อนใช้งาน วิธีนี้เหมาะสำหรับกระติกอะลูมิเนียมและกระติกสแตนเลสที่มีคราบเชื้อราที่ทำความสะอาดได้ยาก
แนะนำ กระติกน้ำเด็ก แสนน่ารัก ปลอดภัยต่อการใช้งาน
สำหรับกระติกน้ำที่เรานำมาแนะนำกันในวันนี้มีหลากหลายขนาดและดีไซน์ เหมาะกับการใช้งานทั้งพกไปโรงเรียนหรือพกไปเที่ยวนอกบ้านช่วงวันหยุด และที่สำคัญคือทุกรุ่นผลิตจากวัสดุที่ได้มาตรฐาน ปราศจากสารเคมีอันตราย ปลอดภัยต่อการใช้งาน 100% ส่วนจะมีรุ่นไหนกันบ้างต้องลองไปติดตามกันเลย
1. Super Lock
กระติกน้ำสำหรับเด็กความจุ 1.5 ลิตร ผลิตจากพลาสติกไทรทัน (Tritan) แข็งแรงทนทานกว่าพลาสติกทั่วไป ปราศจากสาร BPA ที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ทนอุณหภูมิได้ตั้งแต่ -20 – 80 องศาเซลเซียส ด้านในกระติกมีหลอดซิลิโคนแบบนิ่ม พร้อมฝาปิด มีช่องแยกสำหรับเทน้ำได้ ด้านข้างกระติกมีขีดบอกปริมาณ ช่วยให้ใช้งานสะดวก ตัวกระติกมีน้ำหนักรวมเพียง 283 กรัมเท่านั้น พกพาสะดวก
2. Richell AXSTARS
กระติกน้ำสำหรับเด็กความจุ 450 มิลลิลิตร ผลิตจากพลาสติกไทรทัน คุณภาพสูง ปลอดภัยจากสาร BPA ตัวกระติกเป็นแบบใส ตกแต่งด้วยลวดลายดอกไม้และปราสาท ดูสวยงามน่าใช้ ทนความร้อนได้สูงสุด 90 องศาเซลเซียส ด้านบนกระติกมีหลอดซิลิโคนระบบสุญญากาศ ช่วยเรื่องป้องกันการสำลัก และยังมีช่องแยกสำหรับดื่มน้ำ เหมาะสำหรับให้เด็กพกไปโรงเรียน
3. FOXSUR
กระติกน้ำสำหรับเด็กความจุ 620 มิลลิลิตร ผลิตจากพลาสติกพีวีซีแบบใส มีปลอกซิลิโคนลายการ์ตูนห่อหุ้มอย่างดี พร้อมสายสะพาย ใช้งานสะดวก ด้านบนกระติกมีฝาเปิด-ปิด เพียงแค่กดปุ่มตรงกลาง ด้านในฝามีหลอดซิลิโคนสำหรับดูดน้ำ นอกจากนี้ยังแถมสติ๊กเกอร์ลายการ์ตูนให้เด็ก ๆ สามารถตกแต่งกระติกเองได้ตามใจชอบอีกด้วย
4. Diller Tritan Flask
กระติกน้ำสำหรับเด็กความจุ 350 มิลลิลิตร ผลิตจากพลาสติกไทรทันแบบใส ปราศจากสาร BPA ไม่มีกลิ่นพลาสติก ทนอุณหภูมิตั้งแต่ -10 – 90 องศาเซลเชียส ด้านบนกระติกมีฝาแบบปุ่มกด เมื่อเปิดฝาแล้วจะเจอหลอดซิลิโคนสำหรับดูดน้ำ สามารถนำหลอดออกเพื่อดื่มน้ำแบบไม่ใช้หลอดได้ ปุ่มเปิดฝาเปิดดื่มง่ายด้วยมือเดียว ไม่รั่ว ไม่หก
ทั้งหมดนี้คือสาระความรู้เกี่ยวกับ กระติกน้ำเด็ก ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ หวังว่าจะช่วยให้ทุกคนสามารถเลือกกระติกน้ำที่ปลอดภัยและเหมาะกับลูก ๆ หลาน ๆ ของตัวเองได้ แต่ไม่ว่ากระติกน้ำจะมีประโยชน์มากแค่ไหน สิ่งสำคัญคือการดูแลรักษาความสะอาดอย่างสม่ำเสมอหลังใช้งาน เพื่อป้องกันไม่ให้กระติกน้ำเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคและสิ่งสกปรกต่าง ๆ ที่อาจส่งผลต่อสุขภาพของเด็กได้
ที่มาข้อมูล: bestreview , theasianparent , momandbaby