กริ่งประตู ถือเป็นสิ่งประดิษฐ์สุดคลาสสิคที่มีมานานกว่าร้อยปี มันถูกประดิษฐ์ขึ้นโดยช่างชาวสก็อตแลนด์ กลไกของมันในยุคแรก ๆ แสนจะเรียบง่าย ใช้เพียงเชือกผูกไว้กับกริ่งให้แขกผู้มาเยือนดึงเชือกเพื่อให้กริ่งส่งเสียงดัง ต่อมาจึงถูกพัฒนาเป็นการใช้ระบบไฟฟ้าผ่านสายไฟ และในปัจจุบันกริ่งได้ถูกพัฒนาไปถึงขั้นไม่ต้องมีสายไฟใด ๆ ให้เกะกะเป็นกริ่งแบบไร้สายที่ใช้การเชื่อมต่อผ่านสัญญาณ Wi-Fi หรือสัญญาณเชื่อมต่อระยะสั้น ซึ่งกริ่งแบบไร้สายที่วางขายอยู่ในปัจจุบันมีให้เลือกมากมายหลากหลายแบบ ทำให้หลายคนถึงกับเลือกไม่ถูก ดังนั้น วันนี้เราจึงมีเทคนิคการเลือก กริ่งไร้สาย ที่ใช้งานกับประตู และแนะนำ กริ่งไร้สาย 5 รุ่นยอดนิยม ไปดูกันว่าหากจะซื้อต้องเลือกอย่างไร และมีรุ่นไหนน่าสนใจบ้าง
กริ่งไร้สาย คืออะไร ใช้งานอย่างไร?
กริ่งไร้สายก็เหมือนกับกริ่งไฟฟ้า คือเป็นอุปกรณ์สำหรับให้แขกผู้มาเยือนกดเรียกเจ้าของบ้าน ส่วนใหญ่มักจะติดอยู่ที่หน้าประตูบ้านเพื่อความสะดวกในการใช้งาน แต่จะมีความสามารถหลากหลายกว่ากริ่งไฟฟ้า เพราะกริ่งไร้สายบางรุ่นมาพร้อมเซ็นเซอร์จับความเคลื่อนไหวพร้อมระบบแจ้งเตือนการบุกรุก บางรุ่นมีกล้องพร้อมจอภาพเพื่อให้เจ้าของบ้านทราบได้ทันทีว่าใครกดกริ่งโดยที่ไม่ต้องเปิดประตู ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของเจ้าบ้านและสมาชิกภายในบ้าน
ส่วนการติดตั้งก็ง่าย คือไม่จำเป็นต้องเดินสายไฟให้ยุ่งยาก ใช้เพียงถ่านไฟฉาย หรือการชาร์จแบตเตอรี่ก็สามารถใช้งานได้ยาวนาน โดยตัวกริ่งจะทำงานคู่กับตัวรับสัญญาณที่ต้องเสียบปลั๊กไฟภายในบ้าน และเนื่องจากเป็นการทำงานแบบไร้สาย ทำให้ผู้ใช้สามารถถอดตัวกริ่งไปติดตั้งตรงไหนของบ้านก็ได้ ขอเพียงแค่อยู่ในรัศมีที่ตัวรับสัญญาณสามารถรับสัญญาณได้ ซึ่งระยะรับสัญญาณส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 50 – 300 เมตร กริ่งแบบไร้สายได้รับความนิยมใช้ในบ้านที่มีผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วยอัมพาต เพื่อใช้กดเรียกเมื่อผู้ป่วยต้องการความช่วยเหลือฉุกเฉิน ถือเป็นอุปกรณ์สารพัดประโยชน์ที่ควรมีไว้ติดบ้าน
วิธีเลือก กริ่ง ให้เหมาะกับบ้านของตัวเอง
กริ่งไร้สาย ที่วางขายอยู่ตามท้องตลาดปัจจุบันมีด้วยกันหลายรุ่นหลายยี่ห้อ บางรุ่นอาจมีฟังก์ชันเสริม เช่น มีกล้อง, ลำโพง, จอภาพ, ระบบจับความเคลื่อนไหว, ระบบแจ้งเตือนการบุกรุก ฯลฯ การเลือกซื้อจึงควรเริ่มจากสำรวจความต้องการของตัวเองว่าต้องการกริ่งที่มีฟังก์ชันอะไรบ้าง รวมถึงพิจารณาจากปัจจัยเสริมต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
- แหล่งพลังงาน กริ่งไร้สายมีด้วยกัน 2 แบบ คือ ตัวรับสัญญาณจะต้องเสียบเข้ากับปลั๊กไฟบ้าน ส่วนตัวกริ่งจะใช้ถ่านไฟฉายขนาดต่าง ๆ และแบบที่ทั้งตัวรับและตัวกริ่งใช้ถ่ายไฟฉายหรือแบตเตอรี่ที่ชาร์จได้ ซึ่งข้อดีของแบบแรกคือตัวรับสัญญาณจะใช้งานได้ต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด (ยกเว้นไฟดับ) แต่ข้อเสียคือตัวรับสัญญาณจะต้องเสียบปลั๊ก ส่วนนี้คือข้อจำกัดเรื่องพื้นที่ติดตั้ง ส่วนข้อดีของแบบที่สองคือ ใช้งานได้ยืดหยุ่นกว่า สามารถย้ายที่ติดตั้งได้ง่ายดาย เพราะไม่ต้องง้อปลั๊กไฟ แต่ข้อเสียคือต้องหมั่นเช็คถ่าน หรือแบตเตอรี่บ่อย ๆ ว่าพลังงานหมดแล้วหรือยัง
- ความทนทาน แน่นอนว่ากริ่งประตูบ้านไร้สายย่อมต้องติดอยู่บริเวณหน้าประตูบ้านซึ่งมีโอกาสเจอทั้งแดดและฝนทุกวัน ดังนั้นก่อนเลือกซื้อควรตรวจสอบกริ่งรุ่นนั้น ๆ ว่ารองรับค่า IP (ระดับการป้องกันน้ำและฝุ่น) ระดับใด สามารถป้องกันน้ำได้มากน้อยแค่ไหน เพราะกริ่งบางรุ่นก็ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ทนน้ำทนความชื้นมากนัก
- การรับสัญญาณ กริ่งไร้สายแต่ละรุ่นมีระยะการส่งสัญญาณมากน้อยแตกต่างกัน ก่อนเลือกซื้อจึงควรเช็คให้แน่ใจว่ากริ่งรุ่นนั้น ๆ สามารถรับ-ส่งสัญญาณได้ไกลแค่ไหน เช่น 40 เมตร, 100 เมตร หรือ 300 เมตร ยิ่งกริ่งรับ-ส่งสัญญาณได้ไกลมากแค่ไหน ความชัดเจนของสัญญาณก็มากขึ้นเท่านั้น
- เสียงของกริ่ง ส่วนใหญ่แล้ว กริ่งแต่ละรุ่นมักจะมีเสียงให้เลือกใช้งานค่อนข้างหลากหลาย แต่จะแตกต่างกันที่ลักษณะของเสียง ก่อนเลือกซื้อจึงควรอ่านรายละเอียดของสินค้าว่ามีเสียงให้เลือกกี่แบบ เพื่อให้ได้เสียงกริ่งที่ชอบใจที่สุดมาใช้งาน
แนะนำ 5 กริ่งไร้สาย น่าใช้
สำหรับกริ่งไร้สายที่เรานำมาแนะนำกันในวันนี้มีถึง 5 รุ่นจาก 5 แบรนด์ดัง ซึ่งแต่ละรุ่นนอกจากจะทำหน้าที่เป็นกริ่งประตูแล้ว ยังมีฟังก์ชันการทำงานให้เลือกใช้อย่างหลากหลาย คู่ควรมีไว้ติดบ้านเพื่อความสะดวกสบาย ไปดูกันเลยว่ามีรุ่นไหนบ้าง
1. PAYDAY DAYTECH
กริ่งประตูไร้สายระบบสัมผัส ประกอบด้วยตัวรับสัญญาณแบบเสียบปลั๊ก 1 ตัว และกริ่งแบบใส่ถ่านไฟฉายจำนวน 2 ตัว ใช้งานได้ทั้งในร่มและกลางแจ้ง รองรับมาตรฐานป้องกันน้ำระดับ IP44 ระยะการรับ-ส่งสัญญาณไกลสุดถึง 300 เมตร มีเสียงกริ่งให้เลือกถึง 36 เสียง เช่น เสียงเตือนฉุกเฉินสำหรับผู้สูงอายุ, เสียงเพลงแจ้งเตือนสำหรับเด็ก ฯลฯ สามารถปรับระดับเสียงกริ่งได้ถึง 3 ระดับ ตั้งแต่ 0 – 110db
2. Myhome24
กริ่งประตูไร้สายขนาดกะทัดรัดที่มาพร้อมตัวสัญญาณและกริ่งแบบใส่ถ่ายไฟฉายขนาด AAA จำนวน 2 ก้อน ช่วยให้สามารถย้ายที่ติดตั้งได้อย่างอิสระไม่ต้องง้อปลั๊กไฟ ตัวกริ่งมีระยะรับ-สั่งสัญญาณไกล 10 เมตร เหมาะสำหรับใช้งานในห้องคอนโดหรือหอพักทั่วไป มีเสียงกริ่งให้เลือกถึง 36 แบบ และด้วยความที่ตัวกริ่งมีขนาดเล็ก จึงสามารถให้ผู้สูงอายุ หรือเด็กเล็กพกติดตัวไว้กดเรียกขอความช่วยเหลือเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินได้อย่างสะดวก
3. Smatrul Doorbell
กริ่งประตูไร้สายดีไซน์สวยงามทันสมัย มาพร้อมตัวรับสัญญาณแบบเสียบปลั๊ก และตัวกริ่งที่ไม่ต้องใส่ถ่านไฟฉาย มีระยะการรับ-ส่งสัญญาณไกลสุด 150 เมตร มีเสียงกริ่งให้เลือกถึง 58 เสียง ปรับระดับเสียงได้ 4 ระดับ ความดังเสียงตั้งแต่ 0 – 100db ตัวกริ่งรองรับมาตรฐานป้องกันน้ำระดับ IP44
4. XML-Solar
กริ่งไร้สายระบบโซลาร์เซลล์ ประกอบด้วยตัวรับสัญญาณแบบเสียงปลั๊กที่มีไฟ LED แสดงสถานะ และตัวกริ่งที่มีแผงโซลาร์เซลล์สำหรับชาร์จไฟจากแสงอาทิตย์ในตัว จึงไม่ต้องใช้ถ่าน มีระยะการรับ-ส่งสัญญาณไกลสุด 50 เมตร เหมาะสำหรับใช้ในคอนโด หรือหอพักทั่วไป มีเสียงให้เลือกมากถึง 52 เสียง ปรับระดับเสียงได้ 4 ระดับ
5. CACAZI
กริ่งประตูแบบไร้สาย มาพร้อมตัวรับสัญญาณแบบเสียบปลั๊ก และตัวกริ่งแบบใส่ถ่านไฟฉาย ระยะรับ-ส่งสัญญาณไกลสุดถึง 300 เมตร ตัวรับสัญญาณ 1 ตัวสามารถเชื่อมต่อกับตัวกริ่งได้สูงสุดถึง 4 ตัว มีเสียงกริ่งให้เลือกใช้งานถึง 60 เสียง สามารถปรับระดับเสียงได้ 5 ระดับ ความดังเสียงตั้งแต่ 0, 55, 75, 95 และ 110db ตัวกริ่งรองรับมาตรฐานป้องกันน้ำระดับ IP44
ทั้งหมดนี้คือสาระความรู้เกี่ยวกับ กริ่งไร้สาย ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ เชื่อว่ามาถึงตรงนี้ทุกคนคงจะเลือกซื้อกริ่งที่เหมาะกับบ้านของตัวเองได้แล้ว แต่ต้องไม่ลืมว่า แม้กริ่งจะใช้งานได้ดีแค่ไหน การหมั่นตรวจตรารอบ ๆ บ้าน คอยดูว่ามีแขกไปใครมาในพื้นที่บริเวณบ้านบ้างก็ยังคงเป็นเรื่องสำคัญที่จะมองข้ามไม่ได้เช่นกัน
ที่มาข้อมูล: my-best , bestreview.asia , changfi , condonewb