ของไหว้ทานได้หรือไม่? พร้อมคำลาของไหว้

ไม่ว่าคนเราจะเกิดในยุคไหนก็ตาม สิ่งที่เห็นอยู่เป็นประจำก็คือการไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเราถือปฏิบัติกันมาหลายยุคหลายสมัย ไม่ว่าสิ่งนั้นจะมีอยู่จริงหรือไม่ แต่ก็เชื่อกันว่าการไหว้ไม่ว่าจะเป็นการไหว้เจ้า ไหว้บรรพบุรุษ ไหว้เทพ ล้วนแล้วแต่ส่งผลดีต่อชีวิต และเมื่อไหว้แล้วก็ต้องมีการลาของไหว้อย่างถูกต้อง แต่บางครั้งเมื่อไหว้เสร็จแล้วต้องไปทำงานต่อ ผู้ไหว้จำเป็นต้องรีบเก็บของจึงไม่ได้เน้นการลาและการกล่าว คำลาของไหว้ ว่าควรปฏิบัติอย่างไร และอีกหนึ่งประเด็นที่หลายคนอยากรู้ก็คือของที่ไหว้เสร็จแล้วถ้านำมารับประทานต่อจะดีหรือไม่ เรามาตามหาข้อเท็จจริงกันดีกว่าเพื่อที่จะได้ปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง

การลาและกล่าว คำลาของไหว้ อย่างถูกต้อง

การลาของไหว้ ผู้ลาจะต้องจับที่ภาชนะใส่ของไหว้หรืออาจใช้วิธียกมือขึ้นประนมพร้อมตั้งจิตให้นิ่งแล้วตั้งนะโม 3 จบ ตามด้วยบทสวด สำหรับบทสวดลาของไหว้มีหลายตำราด้วยกัน 

• การไหว้พระ เทพ เทวดา

เสสังมังคะลัง ยาจามิ ลูกขอส่วนที่เหลืออันเป็นมงคล เพื่อยังประโยชน์ เพื่อความสุขความเจริญ แก่ลูกด้วยเถิด

คำลานี้สามารถใช้ได้กับการไหว้ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นไหว้พระหรือไหว้เทพ บางตำราก็กล่าวคำว่า ขอเดนขอทานให้ลูกหลานได้กิน เพื่อความเป็นสิริมงคล ไม่ว่าจะใช้คำกล่าวบทไหนก็ตาม ข้อปฏิบัติที่สำคัญก็คือการกล่าวลาของไหว้ด้วยจิตที่นิ่งและเป็นกุศล

• การไหว้เจ้าที่เจ้าทาง เจ้าบ้านเจ้าเรือน

อายันตุ โภนโต อิธะ

ทานะสีละ เนกขัมมะปัญญา

สะหะวิริยะ ขันตี สัจจาธิฏฐานะ

เมตตุเปกขายุธายะโว

ทิสสาวินะติ อะเสสะโต

เวลาที่เหมาะสมในการลาและกล่าว คำลาของไหว้ ควรเป็นช่วงไหน

ข้อปฏิบัติในการลาของไหว้สำหรับบางตำราบอกไว้ว่าต้องรอให้ธูปที่จุดไว้หมดดอกก่อน แต่ในทางปฏิบัติสำหรับเรื่องนี้วิธีที่ถูกต้องนั้นขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของพิธีกรรม รวมถึงความสะดวกของแต่ละครอบครัว ควรดูความเหมาะสมของสถานที่ไหว้นั้นด้วยว่าสามารถที่จะวางของไหว้ทิ้งไว้นาน ๆ ได้หรือไม่ เพราะบางคนยึดถือข้อปฏิบัติเดิมที่ว่าต้องรอให้ธูปหมดดอกก่อน ซึ่งถ้าเป็นธูปแบบเดิมก็จะยาวหน่อยต้องรอนาน 

โดยสรุปแล้วการลาและกล่าวคำลาของไหว้ไม่จำเป็นต้องรอ สามารถดูฤกษ์ยามในการลาของไหว้ตามความเหมาะสมและสถานการณ์ได้เลย อย่างถ้าเกิดว่าฝนตกลงมาระหว่างการไหว้กลางแจ้ง ก็เห็นทีจะต้องรีบลาของก่อนจะเปียกกันไปหมด อีกอย่างหนึ่งก็คือของไหว้ที่เป็นอาหารคาวนั้นแม้ว่าจะมีการปรุงสุกมาอย่างดี แต่ถ้ารอนานเกินไปก็อาจจะทำให้อาหารบูดเสียก่อนที่จะลาหรือในบางสถานที่อาจมีแมลงวันเยอะมาก หากวางทิ้งไว้นานจะกลายเป็นอาหารของแมลงไปเสียหมด ถ้านำมารับประทานต่อจะทำให้ท้องเสียได้

ของไหว้ที่ผ่านการกล่าวคำลาของไหว้แล้ว รับประทานได้หรือไม่?

หลาย ๆ บ้านเชื่อกันว่า ของไหว้สามารถรับประทานได้แต่ต้องเป็นของที่นำมาไหว้เทพเจ้า ไหว้พระ หรือเทวดาเท่านั้น ซึ่งของไหว้ที่นิยมนำมาไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายก็ล้วนแล้วแต่เป็นอาหารมงคลและผลไม้ที่มีชื่อเป็นมงคลต่าง ๆ อย่างเช่น เต้าหู้ เป็นอาหารที่หมายถึงความสุขใจ ลาบ ก็เป็นคำพ้องเสียงที่หมายถึง ลาภ ยศ สรรเสริญ ส่วนผลไม้มงคล เช่น ส้ม แก้วมังกร สับปะรด ซึ่งมีความหมายว่าโชคดี มั่งคั่ง ร่ำรวย เป็นผลไม้เรียกโชคลาภ ถ้าเป็นพวกขนมก็มักจะใช้ขนมไทยที่ชื่อขึ้นต้นด้วยทองหรือมีคำว่าทองผสมอยู่ เช่น ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ความหมายคงไม่ต้องบอก เพราะทองคือสิ่งที่ใคร ๆ ก็อยากได้ ใครมีทองเยอะรับรองว่ารวยแน่ ๆ  

ของไหว้เหล่านี้เชื่อว่ามีสิริมงคลเมื่อนำมารับประทานแล้วจะเกิดโชคลาภ พบเจอแต่สิ่งที่ดี ทำกิจการจะเจริญรุ่งเรือง อีกทั้งการรับประทานของไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะทำให้เกิดบุญบารมี ถ้าคนในบ้านรับประทานกันไม่หมดให้นำไปแจกจ่ายเป็นการให้ทานได้บุญกุศลอีกด้วย ตรงกันข้ามหากว่าผู้ไหว้นำของไหว้ไปทิ้งหลังจากลาแล้ว เท่ากับว่าไม่เคารพและไม่รับพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ 

 

ของไหว้บางอย่างที่ไม่ควรนำมารับประทานก็มี เช่น ของเซ่นไหว้ผี ไหว้วิญญาณ เพราะถือกันว่าเป็นของที่เรานำมาให้ทานและภูตผีวิญญาณเหล่านั้นก็ได้รับของไปแล้วไม่ควรนำกลับมาอีกจะทำให้ไม่เป็นมงคล ดังนั้นการรับประทานของไหว้จึงควรเลือกประเภทของไหว้อย่างถูกต้องเหมาะสมตามความเชื่อ

ก่อนนำของไหว้มารับประทานควรดูให้ดีว่าของไหว้นั้นยังสดอยู่หรือไม่ หากเป็นผลไม้มักจะไม่ค่อยมีปัญหา แต่ถ้าเป็นขนมหวานหรืออาหารคาวจะต้องเลือกอาหารที่ยังไม่บูดไม่เสีย การไหว้ในเมืองไทยส่วนใหญ่แล้วจะเจออากาศร้อนมาก ยิ่งถ้าต้องวางอาหารไว้กลางแจ้งจะยิ่งร้อนเป็นทวีคูณบวกกับมลพิษในอากาศจึงต้องพิจารณาก่อนนำมารับประทานเสมอ

อย่างไรก็ตามขอให้ทุกครอบครัวสืบทอดประเพณีการไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์และคำกล่าวลาของไหว้อย่างถูกต้องนี้ไว้ให้ยาวนานต่อไป ทุกครั้งที่มีการไหว้สามารถจัดเตรียมอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ โดยเข้าไปเลือกหาได้ที่ Lazada การไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ถือเป็นอีกทางหนึ่งที่ช่วยให้จิตใจของเราผ่อนคลายไม่คิดร้ายต่อสิ่งใด แล้วสิ่งดี ๆ ในชีวิตก็จะเกิดตามมาอย่างแน่นอน 

ที่มาข้อมูล:.thairath , botsuatmon