คุณเคยได้ยินเรื่องตำนาน นรสิงห์ หรือไม่ กล่าวกันว่านรสิงห์เป็นเทพจากฮินดูที่นิยมบูชาเพื่อปัดเป่าอาถรรพ์ ป้องกันและขจัดสิ่งชั่วร้าย แก้อาถรรพ์คุณไสยหรือมนต์ดำ นรสิงห์มีร่างกายท่อนล่างเป็นมนุษย์และร่างกายท่อนบนเป็นสิงโต ใครสนใจลองมาติดตามกันว่าเรื่องราวของนรสิงห์นั้นเป็นอย่างไร
เผยตำนานและความเชื่อเรื่อง นรสิงห์
ตำนานนรสิงห์ มีต้นกำเนิดจากลัทธิไวษณพ หรือ ไวษณพนิกาย ในศาสนาฮินดูที่นับถือพระวิษณุเป็นใหญ่กว่าเทพใดๆ เรื่องราวมีต้นกำเนิดจาก 2 ทวารบาลของไวกูณฐ์สถานขัดขวางไม่ให้กุมารทั้ง 4 ของพระพรหมเข้าไปเล่นซนรบกวนพระนารายณ์ จึงถูกสาปให้ลงมาเกิดบนโลกมนุษย์ เนื่องจากพระนารายณ์แก้คำสาปให้ไม่ได้ จึงให้สองทวารบาลเลือกว่าจะไปเกิดบนโลกมนุษย์เพื่ออุทิศตนให้พระนารายณ์ 7 ชาติ หรือเลือกเกิดเป็นศัตรูกับพระนารายณ์ 3 ชาติ ทวารบาลเลือกทางที่ 2 ทำให้ ชยะ และ วิชยะ ไปเกิดเป็น หิรัณยกศิปุ และ หิรัณยักศะ กลายเป็นพี่น้องกันในชาติแรก
ต่อมา หิรัณยักศะ ผู้น้องถูก วราหะ ฆ่า ทำให้ หิรัณยกศิปุ ผู้พี่โกรธแค้นและต้องการล้างแค้นด้วยการเฝ้าบำเพ็ญเพียรถวายและขอพรต่อพระพรหมให้ฆ่าไม่ตายด้วยน้ำมือ หรืออาวุธของมนุษย์, สัตว์, เทวดา ไม่ตายทั้งในกลางวันและกลางคืน, ไม่ตายทั้งในเรือนและนอกเรือน, ไม่ตายบนพื้นดิน ท้องฟ้า หรือผืนน้ำ
หลังจากได้รับพรแล้ว หิรัณยกศิปุ จึงทะนงตนว่าเป็นอมตะ ตั้งตัวเป็นใหญ่และทำลายล้างผู้ที่เลื่อมใสเคารพพระนารายณ์ แต่กลายเป็นว่าลูกชายของหิรัณยกศิปุที่ชื่อว่า ประหลาท กลับนับถือศรัทธาพระนารายณ์เป็นที่สุด ทำให้ หิรัณยกศิปุ ไม่พอใจที่ลูกไปนับถือศัตรูเบอร์หนึ่งของพ่อ ทั้งทะเลาะวิวาทกัน ทั้งใช้อุบายมากมายมุ่งหมายทำลายชีวิต แต่ ประหลาท ก็รอดไปได้เพราะอิทธิฤทธิ์ของพระนารายณ์คอยช่วยเหลือเอาไว้
ฝ่ายพ่อก็ตามว่า พระนารายณ์ สถิตอยู่ทุกหนทุกแห่ง รวมทั้งเสาหินยักษ์ต้นนี้ด้วยหรือไม่ ฝ่ายลูกชายตอบว่าแน่นอน หิรัณยกศิปุ ผู้เป็นพ่อโกรธมากจึงฟาดเสาอย่างแรงจนเสาแตกเป็นสองซีก ทำให้นรสิงห์ซึ่งเป็นภาคอวตารปางที่สี่ของพระนารายณ์ ปรากฎออกมาจากรอยแตกนั้น นรสิงห์ผู้ทรงพลังจับตัว หิรัณยกศิปุ ลากไปที่ธรณีประตูแล้ววางไว้บนตักจากนั้นก็ฉีกอกของ หิรัณยกศิปุ กระชากหัวใจออกมาจนขาดใจตายในที่สุด
เรื่องราวของตำนานนรสิงห์ยังมีต่ออีกซึ่งมีเนื้อหาแตกต่างกันไปทั้ง ลัทธิไวษณพ และ ลัทธิไศวะ โดยรวมแล้ว หลังจาก ชยะ และ วิชยะ ไปเกิดชาติแรกเป็น หิรัณยกศิปุ และ หิรัณยักศะ แล้ว ในชาติที่ 2 ได้เกิดเป็น ทศกัณฐ์ และ กุมภกรรณ สู้กับ พระราม ส่วนชาติที่ 3 ได้เกิดเป็น กังสะ และ ศิศุปาล สู้กับ พระกฤษณะ
เมื่อสิ้นสุดการเกิดใหม่ทั้ง 3 ชาติแล้ว หิรัณยกศิปุ จึงกลับไปเป็นทวารบาลที่ไวกูณฐ์สถานดังเดิม ส่วนนรสิงห์หลังจากปราบ หิรัณยกศิปุ แล้ว ยังคงโกรธเกรี้ยวสงบอารมณ์ไม่ได้ พระพรหม จึงขอให้ ประหลาท สวดภาวนาเพื่อแสดงถึงใจที่มั่นคงภักดีต่อ พระนารายณ์ สุดท้ายก็สยบนรสิงห์ให้สงบลงได้ และกลับสู่สวรรค์เพื่อคืนร่างรวมกับ พระวิษณุ ตามเดิม
นรสิงห์เป็นที่รู้จักและบูชาโดยทั่วไป จากตำนานเหล่านี้เรื่องราวการบูชานรสิงห์จึงมีเป้าหมายเพื่อปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย ทำลายอาถรรพ์มนต์ดำ และเอาชนะศัตรู นิยมทำรูปปั้นบูชาที่บ้าน หรือรูปหล่อขนาดเล็กพกติดตัวเพื่อให้เดินทางปลอดภัย
การบูชานรสิงห์แก้เคราะห์ ปัดเป่า ป้องกันสิ่งชั่วร้าย
การบูชานรสิงห์ มีเป้าหมายเพื่อปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย ขจัดมนต์ดำและอาถรรพ์ ป้องกันอันตรายระหว่างเดินทาง การบูชามีทั้งขจัดภัยอันตรายส่วนตัว ปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายในที่พักอาศัย การต่อสู้เอาชนะศัตรูและขจัดอาถรรพ์มนต์ดำ ป้องกันอันตรายระหว่างการเดินทาง นิยมตั้งรูปหล่อขนาดเล็กบนรถยนต์ โดยตั้งวางหันหน้าไปทางหน้ารถ หรือแขวนจี้ห้อยคอติดตัวไว้ระหว่างเดินทาง จะทำลายสิ่งชั่วร้าย ช่วยให้แคล้วคลาดปลอดภัย หากเกิดอุบัติเหตุจริงๆ ก็ช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบา ชีวิตแคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง
คนส่วนใหญ่เลือกบูชานรสิงห์เมื่อชีวิตประสบเคราะห์และประสบภัยอันตราย แต่ถ้าชีวิตเป็นปกติสุขก็จะบูชาเทพองค์อื่นๆ มากกว่า การบูชานรสิงห์ในกลุ่มคนไทยไม่ได้มากเท่าเทพเจ้าแบบอินเดียองค์อื่น แต่ก็เป็นที่สนใจของสายมูกันพอสมควร ไม่นานมานี้มีรูปหล่อของนรสิงห์ปรากฎบนระเบียงของตึกไทยคู่ฟ้าที่ทำเนียบรัฐบาลด้วย เชื่อกันว่าพลังศักดิ์สิทธิ์ของนรสิงห์ช่วยแก้เคราะห์ แก้คุณไสย ขจัดมาร เสริมบารมี และปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายได้ ถือเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้ตัวเอง
ตำนานเล่าว่านรสิงห์ปางดุร้ายอาละวาดจนคลุ้มคลั่ง ดับความโกรธลงไม่ได้ จึงไม่นิยมบูชาปางดุร้ายในบ้านเรือนหรือพกพาติดตัว บ้างก็จะเลือกแขวนปางลักษมีนรสิงห์หรือโยคะนรสิงห์ เพื่อให้ใจเย็นลงหน่อย
คาถาบูชาขอพร นรสิงห์ปราบมาร พิชิตโรค
สำหรับคาถาบูชานรสิงห์ มีดังนี้
“อิมินา สักกาเรนะ นะระสิงหาวะตารัง
มะหาเทวัง สิระสา นะมามิ
นะมะการานุภาเวนะ หันตะวา สัพเพ อุปัททะเว
อะเนกา อันตะรายาปิ วินัสสันตุ อะเสสะโตฯ
ทีฆะมัทธานัง นะระสิงหาวะตาระมหาเทวา
สัพเพ อัมเห สะปะริวาเร อนุรักขันตุ สัพพะทาฯ”
ข้าพเจ้า ขอน้อมสักการะบูชา พระนรสิงห์วตาร ด้วยความเคารพ ขอมหาเทวบารมีแห่งพระองค์ จงประทาน คุ้มครอง ข้าพเจ้า จากนี้สืบไปเทอญ
เรื่องราวของ นรสิงห์ อวตารก็จบลงเพียงเท่านี้ ใครมีความสนใจสามารถเสาะหาซื้อรูปปั้นหรือเหรียญห้อยรูปนรสิงห์ได้ ใช้เสริมโชคลาภ แก้ฮวงจุ้ย ปราบมาร พิชิตโรคได้เลยที่ลาซาด้า
ที่มาข้อมูล: silpa-mag , matichonweekly , trueid , siamrath