ใบขับขี่เป็นเอกสารสำคัญสำหรับผู้ขับขี่รถบนท้องถนน เรียกได้ว่าจะขาดไม่ได้เลยเพราะหากตำรวจจราจรขอตรวจแล้วไม่มีจะทำให้ต้องเสียค่าปรับตามกฎหมายหรือจะไม่ได้รับความคุ้มครองความเสียหายเมื่อเกิดปัญหาหรืออุบัติเหตุบนท้องถนน ดังนั้นอย่าชะล่าใจปล่อยให้ใบขับขี่หมดอายุหรือขาดต่อใบขับขี่ วันนี้เราได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการ ต่อใบขับขี่ มาฝากสำหรับผู้ที่ยังไม่รู้ว่าจะต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง และมีขั้นตอนการต่อใบขับขี่อย่างไร ตามไปหาคำตอบพร้อมกันได้เลย
ใบขับขี่มีกี่ประเภท
ใบขับขี่หรือใบอนุญาตขับรถตามกฎหมายไทยในปัจจุบันนั้นมี 2 ประเภท คือ ใบขับขี่สำหรับรถส่วนบุคคล และใบขับขี่สำหรับรถสาธารณะ ซึ่งจะมีอายุการใช้งานแบ่งเป็นแบบชั่วคราวมีอายุ 2 ปี และใบขับขี่แบบอายุ 5 ปี ส่วนใบขับขี่แบบตลอดชีพนั้นปัจจุบันยกเลิกไปแล้วเว้นแต่ว่าได้รับใบขับขี่แบบตลอดชีพมาก่อนประกาศยกเลิก
โดยใบขับขี่แบบชั่วคราวอายุ 2 ปีนั้นเป็นใบขับขี่สำหรับผู้ถือใบขับขี่มือใหม่ คนที่ทำใบขับขี่ครั้งแรกในชีวิตจะได้รับใบขับขี่แรกมีอายุ 2 ปี หลังจากครบอายุใบขับขี่แล้วจึงจะสามารถนำมาต่ออายุเป็นแบบ 5 ปีได้ โดยไม่ต้องเข้าอบรมการจราจรและสอบใหม่ แต่การ ต่อใบขับขี่ ต่อเนื่องจากแบบ 5 ปี เป็น 5 ปี กฎหมายกำหนดให้ต้องเข้ารับการอบรมทุกครั้งที่มาต่อใบขับขี่
การ ต่อใบขับขี่ 2 ปี เป็นแบบ 5 ปี
เอกสารที่ต้องใช้
- บัตรประจำตัวประชาชนตัวจริง
- ใบขับขี่เดิม
- ใบรับรองแพทย์ที่ออกไม่เกิน 1 เดือน
ขั้นตอนการต่อใบขับขี่
- จองคิวที่เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของกรมขนส่งทางบก DLT Smart Queue หรือจะ Walk-in เข้าไปที่สำนักงานขนส่งทางบกทุกแห่งทั่วประเทศ
- ตรวจสอบเอกสารและเขียนใบคำร้องขอต่อใบขับขี่ในวันนัด
- เข้าทดสอบสมรรถภาพทางกาย ตรวจตาบอดสี ตรวจสอบสายตาทางกว้างและทางลึก และทดสอบการเหยียบเบรกเมื่อเห็นสัญญาณไฟ
- ถ่ายรูปแล้วพิมพ์ใบขับขี่ รอรับใบใหม่ได้ทันที
การ ต่อใบขับขี่จาก 5 ปี เป็นแบบ 5 ปี
เอกสารที่ต้องใช้
- บัตรประจำตัวประชาชนตัวจริง
- ใบขับขี่เดิม
- ใบรับรองแพทย์ที่ออกไม่เกิน 1 เดือน
- ใบรับรองผ่านการอบรมซึ่งสามารถเข้าอบรมทางออนไลน์ได้ หรือสามารถเข้าอบรมได้ที่สำนักงานขนส่งทางบกทั่วประเทศ
ขั้นตอนการขออบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์
ปัจจุบันนี้เราสามารถขออบรมต่อใบขับขี่ผ่านทางออนไลน์ได้แล้ว สะดวกสบายทำที่ไหนก็ได้ ไม่จำเป็นจะต้องเข้าไปดำเนินการที่สำนักงานขนส่งทางบก โดยมีขั้นตอนการดำเนินการดังนี้
- เข้าไปลงทะเบียนที่เว็บไซต์ https://www.dlt-elearning.com/ เพื่ออบรมออนไลน์ขอใบขับขี่
- ดูวิดีโอการอบรมใบขับขี่ที่ต้องการต่ออายุตามประเภทใบอนุญาตขับรถที่เราต้องการจะต่อ
- ทำแบบทดสอบโดยตอบคำถามจากการดูวิดีโอ
- กรอกข้อมูลยืนยันตัวตน
- นำผลการทดสอบไปยื่นต่อใบขับขี่ที่สำนักงานขนส่งทางบก
ขั้นตอนการต่อใบขับขี่
- จองคิวที่เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของกรมขนส่งทางบก DLT Smart Queue หรือจะ Walk-in เข้าไปที่สำนักงานขนส่งทางบกทุกแห่งทั่วประเทศ
- ตรวจสอบเอกสารและเขียนใบคำร้องขอต่อใบขับขี่ในวันนัด
- เข้าทดสอบสมรรถภาพทางกาย ตรวจตาบอดสี ตรวจสอบสายตาทางกว้างและทางลึก และทดสอบการเหยียบเบรกเมื่อเห็นสัญญาณไฟ
- ถ่ายรูปแล้วพิมพ์ใบขับขี่ รอรับใบใหม่ได้ทันที
ค่าใช้จ่ายในการต่ออายุใบขับขี่
ค่าใช้จ่ายในการ ต่อใบขับขี่ แบ่งได้ตามยานพาหนะที่ใช้ ดังนี้
- สำหรับรถมอเตอร์ไซด์ 255 บาท โดยแบ่งเป็นค่าใบขับขี่ 250 บาท และค่าคำขอ 5 บาท
- ส่วนรถยนต์ 505 บาท แบ่งเป็นค่าใบขับขี่ 500 บาท ค่าคำขอ 5 บาท
การขาดต่อใบขับขี่
กรณีที่ใบขับขี่หมดอายุแล้วขาดการต่อใบขับขี่สามารถแบ่งออกได้ 2 กรณี
- ใบขับขี่หมดอายุไปแล้ว 1 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปี จะต้องสอบข้อเขียนใหม่ก่อนทำใบขับขี่
- ใบขับขี่หมดอายุไปแล้วเกิน 3 ปี จะต้องเข้ารับการอบรม สอบข้อเขียน และสอบปฏิบัติใหม่ทั้งหมด เสมือนกับทำใบขับขี่ครั้งแรก
ทางที่ดีเราไม่ควรปล่อยให้ใบขับขี่ของเราหมดอายุเกิน 1 ปี ไม่เช่นนั้นจะต้องเข้าสอบใหม่และมีขั้นตอนที่ยุ่งยากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งเราสามารถป้องกันปัญหานี้ได้ด้วยการต่อใบขับขี่ล่วงหน้า โดยสามารถขอต่อใบขับขี่ล่วงหน้าก่อนบัตรจะหมดอายุภายในระยะเวลา 6 เดือน หรือ 180 วัน
ทำอย่างไรเมื่อใบขับขี่หาย
หากใบขับขี่ที่ยังไม่หมดอายุหายจะต้องมาดำเนินการขอออกใบขับขี่ใหม่ โดยมีขั้นตอนดังนี้
- จองคิวที่เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของกรมขนส่งทางบก DLT Smart Queue หรือจะ Walk-in เข้าไปยื่นคำร้องที่สำนักงานขนส่งทางบกทุกแห่งทั่วประเทศ
- เข้ามาทดสอบสมรรถภาพร่างกายและยื่นเอกสารต่าง ๆ ใหม่ในวันนัด
- ชำระค่าธรรมเนียมการออกใบขับขี่ แล้วถ่ายรูปรอพิมพ์บัตรใบใหม่ได้เลย
โทษทางกฎหมายหากไม่พกใบขับขี่
ตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 หากไม่มีใบขับขี่ ไม่พกใบขับขี่ หรือใบขับขี่หมดอายุ จะมีโทษ ดังนี้
- มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากขับรถโดยไม่มีใบขับขี่
- มีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท หากขับรถในขณะใบขับขี่หมดอายุหรือถูกยึดใบขับขี่
- มีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท หากไม่ได้พกใบขับขี่หรือไม่แสดงใบขับขี่ให้เห็นเมื่อเจ้าหน้าที่ขอตรวจ
ทั้งหมดนี้ก็เป็นสาระดี ๆ เกี่ยวกับการ ต่อใบขับขี่ ที่เรานำมาฝากในวันนี้ หวังว่าทุกคนคงจะพอเข้าใจถึงขั้นตอนและการเตรียมเอกสารต่อใบขับขี่กันบ้างแล้ว อย่าลืมกลับไปเช็กใบขับขี่ของคุณดูว่าหมดอายุหรือใกล้หมดอายุหรือยัง จะได้รีบไปดำเนินการต่อใบขับขี่กันตั้งแต่เนิ่น ๆ
ที่มาข้อมูล: kapook , silkspan , tidlor , autolifethailand