ผู้หญิงหลายคนมักจะบ่นว่า สามี นอนกรน ทำอย่างไรดี เพราะอาการกรนนี้มักจะเกิดกับผู้ชายมากกว่าผู้หญิง โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในวัยทำงานและวัยกลางคน ส่วนวัยเด็กจะไม่ค่อยพบเท่าไรนัก การกรนเกิดจากเวลานอนหลับแล้วอวัยวะในช่องทางเดินหายใจส่วนบน เช่น ทอนซิล เพดานอ่อน โคนลิ้น ลิ้นไก่ หย่อนลงมาทำให้ช่องทางนั้นตีบลง ยิ่งเมื่อหลับในท่านอนหงายอวัยวะเหล่านั้นจะยิ่งหย่อนลงมามากทำให้แคบมาก เวลาที่ลมหายใจผ่านช่องทางนี้อวัยวะจะเกิดการสั่นสะเทือนกระทบช่องแคบและมีเสียงดังออกมาเป็นเสียงกรนนั่นเอง บางคนเสียงกรนดังมาจากลำคอ บางคนมีเสียงออกมาทางจมูก ขึ้นอยู่กับว่าอวัยวะที่สั่นสะเทือนเป็นส่วนไหน บางคนกรนเสียงดังมากจนส่งผลกระทบต่อคนข้าง ๆ ทำให้นอนไม่หลับ จะทำอย่างไรดีกับอาการกรนของผู้ชายข้าง ๆ คุณ ลองมาติดตามจากบทความนี้กันดู
ต้นตอสำคัญที่ทำให้อวัยวะหย่อนและส่งผลให้ นอนกรน
เรารู้แล้วว่าเสียงกรนเกิดจากอวัยวะในช่องทางเดินหายใจที่หย่อนลงมา ซึ่งการที่อวัยวะเหล่านั้นจะหย่อนลงมาได้ก็ย่อมต้องมีที่มาที่ไป สาเหตุที่ทำให้อวัยวะในช่องทางเดินหายใจหย่อนคล้อยก็คือ
- อายุมากขึ้น กล้ามเนื้อเสื่อมลง
- เหน็ดเหนื่อยจากการทำงานหนัก
- ออกกำลังกายมากเกินไป
- ไขมันในช่องคอหนา
- เป็นโรคอ้วน น้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน
- ความผิดปกติของสรีระ เช่น จมูกคด
- ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
- ติดบุหรี่ การสูบบุหรี่มากจะทำให้เนื้อเยื่อทางเดินหายใจบวม
- ชอบนอนหงาย
ผู้หญิงและเด็กก็นอนกรนได้
จากสาเหตุข้างต้นนั้นดูเหมือนว่าจะเกิดกับผู้ชายวัยกลางคนและคนสูงวัยเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ไม่ได้จำกัดอยู่แค่นั้น ผู้หญิงและเด็กก็กรนได้เหมือนกัน
- อาการกรนของเด็ก
อาการกรนอาจเกิดขึ้นในวัยเด็กได้โดยมีสาเหตุมาจากทางเดินหายใจผิดปกติ เช่น ต่อมทอนซิลและต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ในส่วนหลังของโพรงจมูกโตทำให้ทางเดินหายใจแคบ หรืออาจเกิดจากการที่เด็กมีรูปหน้าผิดปกติ หรือมีโรคประจำตัว เช่น โรคภูมิแพ้โพรงจมูก โรคอ้วน โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง และโรคทางพันธุกรรมอื่น ๆ
- อาการกรนของผู้หญิง
อย่าว่าแต่คุณผู้ชายเลยผู้หญิงก็กรนได้ เหตุใดผู้หญิงบางคนจึงกรนเสียงดังไม่แพ้ผู้ชาย ต้นตอสำคัญนั้นก็มาจากเรื่องเดียวกัน คือ อายุมากขึ้น อวัยวะหย่อนคล้อย ไขมันในช่องคอหนา น้ำหนักเกิน ทำงานหนัก และบวกกับภาวะความเปลี่ยนแปลงบางอย่างในตัวผู้หญิง เช่น ในช่วงที่ตั้งครรภ์ผู้หญิงท้องจะกรนได้ หรือในวัยหมดประจำเดือนก็เช่นกัน เนื่องจากในช่วงเวลาแบบนี้ฮอร์โมนของผู้หญิงจะมีการเปลี่ยนแปลงและส่งผลต่อทางเดินหายใจ
วิธีแก้อาการ นอนกรน ที่ทำได้เอง
เคยมีคนสงสัยว่าถ้ากรนมาก ๆ จะถึงขั้นต้องผ่าตัดหรือไม่ คำถามนี้ต้องดูที่สาเหตุจริง ๆ ว่ากรนเพราะอะไร หากตรวจพบว่ามีความผิดปกติทางสรีระ เช่น เพดานอ่อน ลิ้นไก่ยาว กระดูกจมูกคดงอ ต้องอาศัยการผ่าตัด แต่ถ้าเป็นการกรนเพราะสาเหตุอื่นทั่วไป เช่น เหนื่อย อ้วนเกิน และอาการกรนไม่ได้หนักมากไม่ต้องใช้วิธีผ่าตัด แต่แนะนำให้ลองใช้วิธีนี้ดู
- เปลี่ยนท่านอนใหม่ อย่างที่บอกว่าการนอนหงายทำให้กรนได้มากที่สุด ลองเปลี่ยนมาเป็นการนอนตะแคงดูบ้าง หาหมอนข้างสักใบจะได้นอนตะแคงสบายขึ้น
- นอนแบบไม่ใช้หมอน หรือเปลี่ยนมาเป็นหมอนที่แบนลง หรือหมอนสุขภาพ
- หากว่าเป็นคนอ้วน ให้ลดน้ำหนักเพราะความอ้วนและมีไขมันรอบคอเยอะเป็นสาเหตุให้กรนได้มาก
- ปรับพฤติกรรมประจำวัน เช่น ใครที่ดื่มหรือสูบบุหรี่จัดให้เปลี่ยนตัวเองใหม่ ลดการดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงการดื่มชา กาแฟก่อนนอน และพยายามเลิกบุหรี่ นอกจากจะช่วยในเรื่องกรนแล้วยังดีต่อสุขภาพโดยรวมอีกด้วย
- เลี่ยงการทานยาบางชนิด เช่น ยานอนหลับ ยาแก้แพ้ที่ทำให้ง่วง เพราะอาจส่งผลให้กล้ามเนื้อคอหย่อนมากขึ้น นอกจากนี้ยาที่มีฤทธิ์กดประสาทและมีผลต่อสมองก็ส่งผลให้กรนได้ การใช้ยาควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อน หรือใช้ยาตามแพทย์สั่งเท่านั้น
- หมั่นล้างจมูกบ่อย ๆ การ นอนกรน เสียงดังอาจเป็นเพราะมีสิ่งตกค้างเข้าไปอุดตันช่องทางเดินหายใจทำให้ช่องทางเดินหายใจแคบลง อุปกรณ์ช่วยแก้นอนกรนเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ควรซื้อไว้ใช้ เช่น แผ่นแปะจมูก
- พักผ่อนให้มากขึ้น นอนหลับอย่างเพียงพอ เลิกทำงานแบบหักโหมเพราะไม่ดีต่อสุขภาพ ทำให้กรนและหลับไม่สนิท
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ โดยเลือกวิธีการออกกำลังกายให้เหมาะกับตัวเองและไม่หนักจนเกินไป การออกกำลังกายแต่พอดีจะช่วยบริหารกล้ามเนื้อบริเวณคอไม่ให้หย่อนตัว
นอกจากวิธีปฏิบัติทั้ง 8 ข้อนี้แล้ว ควรดูแลเรื่องสุขอนามัยในห้องนอน เช่น ที่นอนหมอนมุ้งต่าง ๆ เครื่องนอนทั้งหลายควรซักให้สะอาดอยู่เสมอ อย่าให้มีสิ่งสกปรกหรือแบคทีเรียที่มองไม่เห็นหลบซ่อนตัวอยู่เยอะจนกระทั่งทำให้คุณนอนไม่สบาย หายใจติดขัด และพยายามรักษาสมดุลของสภาพอากาศภายในห้องนอนให้มากที่สุดด้วยการปรับอุณหภูมิของห้องให้เหมาะสม ไม่ร้อนหรือเย็นเกินไป อุณหภูมิที่กำลังดีควรอยู่ประมาณ 16 – 23 องศาเซลเซียส อาจไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องปรับอากาศในบางช่วงที่อากาศไม่ร้อนมาก ลองใช้พัดลมหรือเปิดหน้าต่างระบายอากาศ ร่างกายจะผ่อนคลายมากขึ้น ช่วยให้กล้ามเนื้อไม่หดเกร็ง แล้วคุณจะได้พักผ่อนอย่างแท้จริง ไม่ต้องกังวลเรื่องกรนว่าจะกวนใจใคร
ที่มาข้อมูล : nksleepcenter, vitalsleepclinic, dramp