ฟ้าทะลายโจร (Andrographis Paniculata) ยาสมุนไพรไทยที่ดังมาก ๆ ในช่วงโควิด-19 ระบาดหนัก จากการที่มีนักวิจัยค้นพบว่าสมุนไพรชนิดนี้มีสารแอนโดรกราโฟไลด์ (Andrographolide) ซึ่งเป็นสารสำคัญที่มีฤทธิ์ยับยั้งไวรัส ในกรณีที่มีการติดเชื้อโควิดไปแล้วสามารถทานเพื่อบรรเทาอาการให้เบาลงได้
การค้นพบครั้งนี้จึงทำให้สมุนไพรชนิดนี้ขายดีจนขาดตลาดในบางช่วง เป็นยาที่ใคร ๆ ก็ซื้อติดบ้าน แต่ความจริงแล้วยาสมุนไพรชนิดนี้เป็นยาประจำบ้านของคนไทยมานานแล้ว คนไทยสมัยโบราณใช้เป็นยาแก้ไข้ทั่วไปและยังเป็นยาแก้ร้อนในที่ได้ผลดีอีกด้วย
ฟ้าทะลายโจร สมุนไพรประจำบ้านจากอดีตถึงปัจจุบัน
คนไทยในสมัยก่อนรู้จักสมุนไพรชนิดนี้เป็นอย่างดี แทบทุกบ้านจะมีติดไว้เพราะเป็นสมุนไพรที่ช่วยได้หลายอย่าง ปวดหัวตัวร้อนในเวลากลางค่ำกลางคืนไม่รู้ว่าจะไปหาหมอได้อย่างไร เพราะความเป็นอยู่ที่ค่อนข้างจะห่างไกลจากโรงพยาบาลก็ได้อาศัยสมุนไพรชนิดนี้นำมาต้มกินบรรเทาอาการ สามารถช่วยลดไข้ ลดอาการไอ รวมถึงลดอาการเจ็บคอจากเชื้อหวัด
ซึ่งตามหลักของหมอแผนโบราณว่ากันว่าอาการไข้และอาการเจ็บคอทั้งหลายนั้นเกิดจากธาตุไฟ สามารถดับได้ด้วยฤทธิ์เย็นของสมุนไพรชนิดนี้ เป็นการรักษาแบบธรรมชาติคือใช้ความเย็นดับความร้อนนั่นเอง
สมุนไพรชนิดนี้จัดเป็นยาประจำบ้านของคนไทยในอดีตและใช้เป็นยามาจนถึงปัจจุบัน เมื่อมาถึงตอนนี้ยังได้มีการค้นคว้าวิจัยทางการแพทย์ต่อไปอีกด้วยว่าเป็นยาที่สามารถช่วยรักษาอาการติดเชื้อเฉียบพลันของระบบทางเดินหายใจ รักษาอาการไอ อาการเจ็บคอจากไข้หวัด รวมถึงอาการที่เกิดจากเชื้อโควิด 19
สรรพคุณของฟ้าทะลายโจร ไม่ได้เป็นแค่ยาแก้ไข้
หมอแผนโบราณยังพบอีกด้วยว่า สมุนไพรชนิดนี้มีประโยชน์ที่มากกว่าเป็นยาแก้ไข้ แต่ยังมีสรรพคุณอื่นอีกมาก สามารถต่อต้านอนุมูลอิสระในร่างกายและเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ในการกระตุ้นร่างกายคนเราให้สร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาเพื่อต่อต้านเชื้อโรค เชื้อไวรัส หรือสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ
เมื่อมีเชื้อโรคเข้าสู่อวัยวะภายในสารสำคัญจากสมุนไพรจะกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาวเพื่อทำลายเชื้อโรคได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
คนโบราณมักจะใช้สมุนไพรนี้เป็นยาเจริญอาหาร ความขมของตัวยาที่สกัดได้จากใบเมื่อกินแล้วจะช่วยเพิ่มความอยากอาหาร ช่วยปรับระบบลำไส้และการขับถ่าย และด้วยความที่เป็นสมุนไพรฤทธิ์เย็นจึงสามารถดับอาการร้อนใน ซึ่งเป็นอาการหนึ่งที่คนยุคนี้เป็นกันบ่อย อาจจะด้วยความเครียด ทำงานหนัก พักผ่อนน้อย ส่งผลทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
อาการร้อนในและการใช้ ฟ้าทะลายโจร บรรเทารักษา
เมื่อเกิดอาการร้อนในจะรู้สึกได้อย่างแรกเลยคือ เจ็บลิ้น ลิ้นเป็นแผล หรือมีแผลลักษณะเดียวกันเกิดขึ้นตามจุดต่าง ๆ ในช่องปาก เช่น กระพุ้งแก้ม เพดาน เหงือก ริมฝีปาก แผลที่เกิดขึ้นจะเป็นวงกลมหรือวงรีสีออกเหลือง ๆ และบวมแดงบริเวณรอบ ๆ แผล เมื่อกระทบกับฟันหรือเมื่อรับประทานอาหารจะรู้สึกเจ็บทำให้ทานยาก ยิ่งไปกว่านั้นคือคนที่ใส่เครื่องจัดฟันอาจทำให้แผลในปากอาการหนักขึ้น
อาการเหล่านี้จะหายได้เองแต่ขึ้นอยู่กับว่าจะใช้เวลานานแค่ไหน บางคนมีแรงกระตุ้นให้แผลลาม เช่น ทานอาหารรสจัดตอนเริ่มเป็นแผล ทำให้แผลใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วและหายช้า บางคนเป็นแค่สองสามวันก็หาย
สำหรับผู้ที่เป็นร้อนในแล้วไม่หายเสียที ตำราโบราณว่าไว้ให้ใช้สมุนไพรฟ้าทะลายโจรตัวเดียวกันกับที่ใช้แก้ไข้ สามารถลดอาการร้อนใน วิธีที่คนสมัยก่อนทำกันมาก็คือ นำใบสมุนไพรสดประมาณ 15 กรัม ผสมเตยหอม หรือใช้ใบที่ตากแห้งแล้วก็ได้ (น้ำหนัก 15 กรัม) หลังจากตากแห้งผสมกับใบเตยหอมต้มในน้ำพอน้ำเดือดสักพักก็ปิดไฟรอให้อุ่น แล้วนำน้ำที่ต้มสมุนไพรนั้นมาดื่มเป็นยาก่อนอาหาร วันละ 3 ครั้ง อาการร้อนในจะค่อย ๆ ทุเลาลง
สมุนไพรฟ้าทะลายโจร สรรพคุณมากมายแต่การใช้ต้องให้พอดี
การใช้สมุนไพรแม้ว่าจะได้ผลดีจริง แต่ก็มีข้อบ่งใช้ในการช่วยรักษาและบรรเทาอาการ อย่างเช่นกรณีของโควิด 19 ที่มีการระบาดอย่างหนักเมื่อไม่นานมานี้ มีคนนำสมุนไพรไปใช้ด้วยหวังว่าจะช่วยป้องกันไม่ให้ติดเชื้อโควิด คือยังไม่ทันมีอาการอะไรก็รับประทานกันไว้ก่อน แบบนี้ตามหลักการทางการแพทย์ไม่แนะนำ เพราะสมุนไพรไม่ใช่ยาป้องกันเชื้อโรค ไม่ควรรับประทานล่วงหน้า และที่สำคัญไม่ควรรับประทานในปริมาณที่มากเกินไป
อย่าลืมว่าสมุนไพรชนิดนี้เป็นพืชที่มีฤทธิ์เย็น ใช้ดับอาการร้อนใน บรรเทาอาการไข้ และการอักเสบภายในได้ แต่ถ้าใช้สมุนไพรมากเกินความจำเป็นจะส่งผลให้ร่างกายเย็นเกินไป แทนที่จะรักษาไข้ กลับได้อาการอื่นมาแทน ไม่ว่าจะเป็นอาการชา แขน-ขาอ่อนแรง อาการไม่ปกติของระบบทางเดินอาหาร เช่น ท้องอืด ท้องเฟ้อ ท้องเสีย และอาการแพ้
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีข้อควรระวังเกี่ยวกับการใช้ ฟ้าทะลายโจร อีกด้วยว่า ไม่ควรใช้ร่วมกับยาลดความดัน ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ยาวาร์ฟาริน แอสไพริน โคลพิโดเกรล ดังนั้นผู้ที่มีโรคประจำตัวที่ต้องทานยาเหล่านี้ควรระมัดระวังการใช้สมุนไพรและควรปรึกษาแพทย์ก่อนจะปลอดภัยกว่า
สำหรับการใช้สมุนไพรรักษาอาการไข้และไข้หวัดโดยทั่วไปนั้นจะใช้เวลาประมาณ 3 วัน อาการก็จะดีขึ้น แต่ถ้าเลยจากนี้ไปแล้วยังทรง ๆ หรืออาการกลับแย่ลง ควรไปหาหมอ ไม่ควรทานต่อไปเรื่อย ๆ เป็นเวลานาน เพราะจะทำให้เป็นพิษต่อไต ทำให้แขนขาอ่อนแรงได้
ไม่ว่าโรคอะไรก็ตาม กลไกการป้องกันโรคอยู่ที่การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เพื่อเสริมภูมิต้านทานให้ร่างกายแข็งแรง พักผ่อนอย่างเพียงพอ และออกกำลังกายอย่างเหมาะสม ไม่มียาชนิดไหนจะช่วยป้องกันและรักษาโรคได้ดีเท่าการดูแลตัวเอง
ที่มาข้อมูล : si.mahidol , arda , petcharavejhospital