เมื่อเกิดอาการป่วย ตัวร้อน มีไข้สูง การใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวและประคบไว้ที่บริเวณหน้าผากถือเป็นวิธีพื้นฐานที่จะช่วยระบายความร้อนและลดไข้ได้ แต่ในปัจจุบันมี เจลลดไข้ หรือ “แผ่นคูลลดไข้” ที่มีประสิทธิภาพในการลดไข้ได้มากกว่าการใช้ผ้าชุบน้ำแบบเก่า แถมยังมีหลากหลายสูตรให้เลือกใช้ ซึ่งในวันนี้เราก็มีวิธีเลือกซื้อแผ่นคูลลดไข้ให้เหมาะสมกับการใช้งานมาฝากกัน
เจลลดไข้ มีประโยชน์อย่างไร?
เจลสำหรับลดไข้ ไม่ได้เหมาะแค่สำหรับเด็ก ๆ ที่มีอาการป่วยไข้ขึ้นสูงเท่านั้น แต่ผู้ใหญ่ก็สามารถใช้ได้ด้วยเช่นกัน โดยประโยชน์ของมันมีดังต่อไปนี้
- ช่วยควบคุมอุณหภูมิร่างกาย
แผ่นคูลลดไข้มี 3 ส่วนประกอบหลัก คือ สารป้องกันการระเหยของน้ำออกจากผิวหนัง (Water Soluble Polyme) และ สารให้กลิ่นหอมเย็นสดชื่นอย่าง พาราเบน (Parabens) และ เมนทอล (Menthol) ทำให้มันสามารถควบคุมอุณหภูมิในร่างกายไม่ให้สูงเกินไปได้ เช่น หากมีไข้สูง 40 องศาเซลเซียส แผ่นลดไข้จะช่วยควบคุมอุณหภูมิร่างกายไม่ให้สูงเกิน 38 องศา แถมยังมีกลิ่นหอมเย็นสดชื่นอีกด้วย
- ช่วยให้รู้สึกสบายและสดชื่น
แม้ว่าเราจะไม่ได้มีไข้ แต่หากต้องออกไปนอกบ้านท่ามกลางอากาศร้อนจัด วิธีที่จะช่วยระบายความร้อนสะสมในร่างกาย ทำให้รู้สึกสบายและสดชื่นขึ้นได้อย่างทันตาก็คือใช้แผ่นคูลลดไข้ และที่สำคัญคือต้องหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเพราะอาจทำให้ร่างกายขาดน้ำได้
- เก็บความเย็นได้นาน
แม้จะเก็บไว้ในอุณหภูมิห้องปกติ ไม่ได้เก็บไว้ในตู้เย็น แต่แผ่นคูลลดไข้ก็ยังคงกักเก็บความเย็นให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ แต่หากใครที่ต้องการใช้งานแบบเย็นชื่นใจก็ขอแนะนำให้เก็บไว้ในตู้เย็น แต่ห้ามเก็บในช่องแช่แข็งเด็ดขาด เพราะจะทำให้ตัวเจลเสื่อมสภาพ
วิธีวัดไข้ที่ถูกต้องก่อนจะใช้ เจลลดไข้
สำหรับวิธีวัดไข้ที่ถูกต้องก่อนจะใช้แผ่นเจลลดไข้เพื่อลดอุณหภูมิร่างกายในกรณีที่เราป่วยหรือมีไข้สูงสามารถทำได้หลายวิธี แต่วิธีที่ทำได้ง่ายและได้รับความนิยมมากที่สุดมีด้วยกัน 3 วิธีดังต่อไปนี้
1. วัดไข้ทางปาก
สามารถทำได้ในเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไปจนถึงผู้ใหญ่ทุกช่วงวัย โดยใช้ปรอทวัดไข้แบบแก้วอมไว้ใต้ลิ้นประมาณ 3 นาที เพราะเป็นจุดที่มีเส้นเลือดจำนวนมาก ทำให้สามารถบอกอุณหภูมิร่างกายได้ใกล้เคียงความจริงที่สุด หากวัดอุณหภูมิได้ตั้งแต่ 37.5 องศาขึ้นไปถือว่ามีไข้
2. วัดไข้ทางรักแร้
สามารถทำได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ทุกช่วงวัย ใช้ได้ทั้งปรอทวัดไข้และเทอร์โมมิเตอร์วัดไข้ เพียงสอดไว้ใต้รักแร้ 2 – 3 นาที แต่ต้องระวังไม่ให้ปรอทหรือเทอร์โมมิเตอร์เคลื่อนจากบริเวณใต้รักแร้ เพราะจะทำให้อุณหภูมิคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง หากวัดอุณหภูมิได้ตั้งแต่ 37.5 องศาขึ้นไปถือว่ามีไข้
3. วัดไข้ทางหู
เหมาะสำหรับเด็กแรกเกิดตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไป โดยใช้ เทอร์โมมิเตอร์วัดไข้ทางหู ยิงแสงอินฟาเรดเข้าไปถึงเยื่อแก้วหู ใช้เวลาเพียง 2 – 3 วินาที และที่สำคัญคือวัดอุณหภูมิร่างกายได้แม่นยำ โดยหากวัดอุณหภูมิได้ตั้งแต่ 37.5 องศาขึ้นไปถือว่ามีไข้
วิธีเลือกซื้อ แผ่นเจลลดไข้ ให้เหมาะกับการใช้งาน
แม้จะเป็นเจลลดไข้เหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะสามารถใช้แบบใดก็ได้มาแปะหน้าผากแล้วลดไข้ได้มีประสิทธิภาพเหมือนกัน เนื่องจากแผ่นลดไข้มีหลากหลายสูตร บางสูตรใช้ได้มีประสิทธิภาพเฉพาะกับเด็กอายุไม่เกิน 10 – 12 ปี ขณะที่บางสูตรก็ใช้ได้เฉพาะกับผู้ใหญ่เท่านั้น เนื่องจากมีสารเคมีที่อาจระคายเคืองต่อผิวเด็ก การเลือกซื้อจึงต้องพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
- คุณสมบัติของแผ่นลดไข้
ปกติแล้วแผ่นลดไข้จะมีสาร เมนทอล, พาราเบน และ ไฮโดรเจล เป็นส่วนประกอบเพื่อให้ความเย็นและความสดชื่น แต่แผ่นเจลบางสูตรก็อาจใส่สารเคมีตัวอื่นเพื่อเพิ่มคุณสมบัติต่าง ๆ เช่น แผ่นลดไข้สูตรยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย, แผ่นลดไข้ที่ใช้สารสกัดธรรมชาติ ฯลฯ ซึ่งสารเคมีเหล่านี้บางตัวอาจก่อให้เกิดอาการระคายเคืองผิวหนังสำหรับผู้แพ้ง่ายหรือเด็ก ดังนั้นก่อนจะเลือกซื้อแผ่นลดไข้ ไม่ว่ายี่ห้อไหน สูตรไหน ควรพลิกอ่านรายละเอียดของผลิตภัณฑ์ให้ดีว่ามีสารเคมีที่เราอาจแพ้ผสมอยู่หรือไม่
- ระยะเวลาให้ความเย็น
การให้ความเย็นได้ยาวนานถือเป็นคุณสมบัติสำคัญของแผ่นลดไข้ ซึ่งแผ่นเจลแต่ละยี่ห้อ แต่ละสูตรอาจจะให้ความเย็นได้ในระยะเวลาไม่เท่ากัน โดยจะมีระบุระยะเวลาโดยประมาณไว้ในฉลากบนผลิตภัณฑ์ บางยี่ห้อก็ให้ความเย็นได้ระยะสั้นเพียง 2 – 3 ชั่วโมง แต่บางยี่ห้อก็ให้ความเย็นยาวนานถึง 8 ชั่วโมงก็มี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ายี่ห้อที่ให้ความเย็นได้ยาวนานกว่าจะดีกว่าเสมอไป เพราะความเย็นอาจไม่คงที่ ขณะที่บางยี่ห้อแม้จะให้ความเย็นได้ไม่นานแต่ก็เย็นคงที่กว่า ดังนั้นจึงควรอ่านรายละเอียดของผลิตภัณฑ์ก่อนซื้อทุกครั้ง
- ช่วงอายุของผู้ใช้
แผ่นลดไข้ส่วนใหญ่จะระบุหน้าซองให้เห็นชัดเจนว่าเหมาะกับผู้ใช้ที่เป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ เนื่องจากเด็กไม่ควรใช้แผ่นเจลของผู้ใหญ่ เพราะมีขนาดใหญ่และมีความเย็นมากเกินไป แถมยังอาจมีสารเคมีที่เป็นอันตราย ส่วนผู้ใหญ่ก็ไม่ควรใช้ของเด็กเพราะประสิทธิภาพในการลดไข้จะน้อยลง
ทั้งหมดนี้คือสาระความรู้เกี่ยวกับแผ่น เจลลดไข้ ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ หากพิจารณาคุณสมบัติและส่วนผสมของแผ่นเจลแต่ละยี่ห้อหรือแต่ละสูตรแล้ว ก็จะเห็นได้ว่ามีความแตกต่างกัน ดังนั้นเราจึงต้องเลือกให้เหมาะกับผู้ใช้ เพื่อให้ได้แผ่นเจลที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด และที่สำคัญคือควรดูให้แน่ใจว่าแผ่นเจลนั้นใช้กับเด็กหรือผู้ใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดอาการแพ้หรือผลข้างเคียงต่าง ๆ ตามมาภายหลัง
ที่มาข้อมูล: samitivejhospitals , my-best , bestreview , th.theasianparent