สายตาเป็นอวัยวะที่มีความจำเป็นอย่างมากในการดำเนินชีวิตประจำวัน และยังมีความละเอียดอ่อนเป็นพิเศษ หากดูแลไม่ดีและเกิดปัญหา ก็ยากที่รักษาให้กลับเป็นปกติดังเดิมได้ โดยเฉพาะในสมัยนี้ที่เรามักใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการจ้องมองหน้าจอ ไม่ว่าจะเป็นจอคอมพิวเตอร์ จอทีวี หรือจอมือถือ ทำให้หลายคนมีปัญหาสายตาตั้งแต่อายุยังน้อย เราจึงอยากจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับไอเทมดี ๆ อย่าง แว่นตากรองแสง ตัวช่วยถนอมสายตาที่เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย จะเป็นอย่างไรนั้น ไปดูกันเลย
แว่นตากรองแสง คืออะไร มีกี่แบบ
ลักษณะภายนอกของแว่นกรองแสงจะเหมือนแว่นปกติทั่วไป เพราะส่วนที่แตกต่างอยู่ตรงเลนส์ ที่มีคุณสมบัติพิเศษ ซึ่งปัจจุบันที่นิยมใช้มีอยู่ 3 แบบ คือ
- เลนส์ Multicoat ใช้หลักการทำงานแบบสะท้อนแสง โดยบริเวณผิวเลนส์จะมีการเคลือบสารเคมีเอาไว้เพื่อสะท้อนแสงสีฟ้า ที่พบได้จากจอคอมพิวเตอร์ จอมือถือ รวมถึงหลอดไฟ หรือหลอดฟลูออเรสเซนต์ที่คนนิยมใช้ติดในห้อง และยังช่วยสะท้อนแสงอื่น ๆ ที่เป็นอันตราย เช่น แสง UV และคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าได้อีกด้วย อย่างไรก็ตามการกรองแสงก็สามารถทำได้ประมาณ 40-50% เท่านั้น อีกทั้งตัวเลนส์ยังมีสีเหลืองอ่อน ๆ ทำให้ภาพที่มองเห็นผ่านเลนส์มีสีอมเหลืองนิด ๆ
- เลนส์ Blue Light Block หรือ Blue Cut Lens มีหลักการทำงานที่ต่างกัน โดยตัวเลนส์จะถูกออกแบบมาให้ดูดซับและลดแสงสีฟ้าก่อนเข้าสู่ดวงตา จึงให้ความรู้สึกสบายตามากกว่าเลนส์แบบ Multicoat และไม่ทำให้ภาพที่มองเห็นมีสีที่ผิดเพี้ยน ในขณะเดียวกันก็ยังปล่อยให้แสงสีฟ้าชนิดดีทะลุผ่านเลนส์เข้ามาได้ด้วย เช่น แสงสีน้ำเงินอมเขียว ที่ส่งผลต่อนาฬิกาชีวิต ช่วยให้นอนหลับและตื่นเป็นเวลา ทำให้รู้สึกสดชื่น แจ่มใส รวมถึงมีบทบาทในการเสริมสร้างความจำ และการหลั่งฮอร์โมนต่าง ๆ ในร่างกายด้วย เหมาะสำหรับเป็นแว่นตาอ่านหนังสือหรือทำงาน
- เลนส์เปลี่ยนสี หรือ Auto Lens เหมาะสำหรับคนที่ไม่อยากเปลี่ยนแว่นบ่อย เพราะเลนส์ชนิดนี้มีส่วนผสมของสารซิลเวอร์ฮาไลด์ (Silver Halide) ที่ไวต่อแสงแดด และรังสี UV จึงสามารถปรับความเข้มของเลนส์ได้แบบอัตโนมัติ เมื่อออกไปนอกบ้านตอนกลางวันเจอแสงแดดจ้า ก็จะปรับสีให้เข้มคล้ายกับแว่นกันแดด แต่เมื่อเข้ามาอยู่ในร่มสีก็จะจางลงจนเหมือนแว่นปกติ จึงสามารถป้องกันได้ทั้งแสง UV จากดวงอาทิตย์ และแสงสีน้ำเงินจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ
5 ข้อดีของการใส่ แว่นตากรองแสง
- ปกป้องดวงตาจากแสงสีฟ้าที่เป็นอันตราย โดยเฉพาะแสงสีน้ำเงินอมม่วงที่พบทั้งในแสงแดด และอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น หลอดไฟ มือถือ คอมพิวเตอร์ เป็นคลื่นที่มีพลังงานและความถี่สูง ที่อาจส่งผลกระทบต่อจอประสาทตาได้ ซึ่งจากการทดลองในสัตว์ พบว่าแสงชนิดนี้สามารถทะลุทะลวงเข้าไปทำลายเซลล์รับภาพ และทำให้จอประสาทตาเสื่อมได้จริง หากได้รับแสงชนิดนี้ต่อเนื่องเป็นเวลานานก็ทำให้ตาบอดได้ด้วย อย่างไรก็ตามยังไม่มีผลการวิจัยเรื่องนี้ที่ชัดเจนในมนุษย์
- ทำให้รู้สึกสบายตา และทำงานได้นานขึ้น ช่วยบรรเทาอาการปวดตาตาล้าตาแห้ง จากการที่ต้องหรี่ตา หยีตา หรือเพ่งมองจอนาน ๆ เพราะตัวเลนส์จะไปช่วยลดความจ้า และการฟุ้งกระเจิงของแสง ทำให้ภาพคมชัดมากยิ่งขึ้น
- สายตาปรับโฟกัสได้ดีขึ้น เพราะแสงสีฟ้ามีคุณสมบัติในการกระจายแสงได้มาก จึงรบกวนสายตา ทำให้ดวงตาต้องทำงานหนัก ปรับโฟกัสได้ยาก และต้องเพ่งสายตามากขึ้น
- นอนหลับได้ดีขึ้น เมื่อสวมแว่นที่มีการกรองแสงสีฟ้าออกไปจะส่งผลดีต่อการนอนหลับ โดยแสงสีฟ้านั้นจะกระตุ้นให้รู้สึกตื่นตัว คนที่ชอบเล่นมือถือตอนกลางคืน หรือก่อนนอน จึงมักนอนไม่หลับ หรือหลับไม่สนิท
- มีสารเคลือบช่วยป้องกันเลนส์ จากรอยขีดข่วน และคราบสิ่งสกปรก ง่ายต่อการทำความสะอาด
แว่นกรองแสง จำเป็นสำหรับทุกคนหรือไม่
โดยธรรมชาตินั้น ดวงตาของคนเราจะมีกระบวนการป้องกันแสงสีฟ้าอยู่แล้ว ดังนั้นการได้รับแสงสีฟ้าเพียงเล็กน้อย จึงไม่เป็นอันตรายต่อดวงตา และไม่มีความจำเป็นต้องใช้แว่นกรองแสง แต่สำหรับคนที่นั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลาหลายชั่วโมง นอนดูซีรีส์ทั้งวัน เล่นมือถือต่อเนื่องนาน ๆ การใส่แว่นกรองแสงถือว่าจำเป็น เพราะนอกจากจะช่วยให้รู้สึกสบายตาแล้ว ก็ยังช่วยถนอมสายตา ชะลอการเสื่อมได้อีกด้วย
ส่วนคนที่ใส่แว่นเลนส์สายตาปกติ หากเลือกเลนส์ที่ได้มาตรฐาน ตัวเลนส์ก็มักจะมีสารดูดซับ UV มาให้อยู่แล้ว จึงช่วยป้องกันรังสี UV เวลาเจอแสงแดดได้ แต่จะไม่สามารถกันแสงสีฟ้าได้ เพราะฉะนั้นหากมีปัญหาสายตาสั้นหรือสายตายาว และต้องการกรองแสงสีฟ้าจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ด้วย ก็ต้องเปลี่ยนเป็นเลนส์ที่มีคุณสมบัติกรองแสงสีฟ้า
แว่นตากรองแสง เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการดูแลดวงตา และจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ในแต่ละวันอยู่กับหน้าจอ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดอาการตาล้า ตาแห้ง เคืองตา ปวดตา นานวันเข้าอาจถึงขั้นจอประสาทตาเสื่อม ใครที่ชอบเล่นโทรศัพท์ตลอดเวลา หรือจำเป็นจะต้องอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์หลายชั่วโมง ก็ควรซื้อแว่นตาสำหรับกรองแสงดี ๆ สักอันเอาไว้เป็นไอเทมปกป้องดวงตาของเราด้วย
อย่างไรก็ตามแม้จะมีแว่นกรองแสงมาช่วยแล้ว ก็ควรจะดูแลดวงตาด้วยการพักสายตาเป็นระยะ พยายามลดเวลาการใช้งานอุปกรณ์ต่าง ๆ และหลีกเลี่ยงการเล่นมือถือในที่มืด หรือบริเวณที่มีแสงสว่างไม่เพียงพอ เพื่อถนอมดวงตาให้ใช้งานได้ดีในระยะยาว
ที่มาข้อมูล: Rueanthongoptic , Siamglasses , Btv , Mattayaclinic