แน่นอนว่าถ้าอยากขับรถมอเตอร์ไซค์บนท้องถนนก็จำเป็นที่จะต้องมีใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ รวมถึงการประกอบอาชีพในหลายอาชีพที่เกี่ยวกับรถมอเตอร์ไซค์ที่จะต้องใช้ใบขับขี่ในการสมัครเข้าทำงานด้วย สำหรับใครที่ยังไม่มีใบขับขี่และสนใจอยากสอบในปีนี้เราก็มีข้อมูลดี ๆ และการเตรียมตัวก่อนสอบ ใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ 2566 มาบอกกัน ตามมาได้เลย
ประเภทของใบขับขี่มอเตอร์ไซค์
- ใบขับขี่ส่วนบุคคล (ชั่วคราว) เป็นใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ 2566 ที่ใช้สำหรับการขับขี่ทั่วไปในชีวิตประจำวัน เช่น การขี่รถไปทำงาน การขี่รถไปเรียน ขี่รถไปซื้อของ หรืออื่น ๆ ใบขับขี่ประเภทนี้จะเป็นมีอายุการใช้งาน 2 ปี
- ใบขับขี่สาธารณะ เป็นใบขับขี่สำหรับผู้ที่ใช้มอเตอร์ไซค์ในการประกอบอาชีพ เช่น พนักงานขนส่ง พนักงานส่งของ โดยใบขับขี่ประเภทนี้จะมีอายุการใช้งาน 3 ปี และผู้ที่ต้องการสอบจะต้องผ่านการสอบใบขับขี่ส่วนบุคคลมาแล้ว และจะต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์
คุณสมบัติน่ารู้ของผู้สอบใบขับขี่มอเตอร์ไซค์
- ต้องเป็นผู้ที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป จึงสามารถสอบใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ 2566 ได้
- ไม่มีโรคประจำตัวที่ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมเห็นว่าอาจเป็นอันตรายขณะขับรถ
- ไม่เป็นบุคคลวิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือน
- ไม่เป็นผู้มีร่างกายพิการจนไม่สามารถขับรถได้
- ไม่เป็นผู้อยู่ระหว่างการถูกยึดหรือถูกเพิกถอนใบอนุญาตขับรถ
การสอบ ใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ 2566 ใช้เอกสารอะไรบ้าง?
- บัตรประชาชนตัวจริง ที่ยังไม่หมดอายุในการสอบใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ 2566
- ใบรับรองแพทย์ ที่มีอายุเอกสารไม่เกิน 30 วันจากวันที่ออกเอกสาร
ขั้นตอนการสอบ ใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ 2566 ที่น่ารู้
- จองคิวสอบ การทำใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ 2566 สามารถจองคิวได้ 2 ช่องทาง คือทาง แอปพลิเคชัน DLT Smart Queue และทางเว็บไซต์ gecc.dlt.go.th ผ่านสมาร์ตโฟน คอมพิวเตอร์ แล็บท็อป หรือแท็บเล็ตในช่องทางที่สะดวก เมื่อเข้าสู่ระบบแล้วระบบจะให้เลือกประเภทใบขับขี่ที่ต้องการจองและเลือกวันที่ต้องการสอบ โดยให้เลือกวันที่ว่างที่ขึ้นเป็นตัวสีเขียว หากขึ้นว่าเต็มจะไม่สามารถจองได้ ในส่วนนี้สามารถเลือกทำใบขับขี่กับขนส่งสาขาที่สะดวกได้เลย
- เดินทางไปสอบในวันและเวลาที่นัดหมาย เมื่อทำการจองเสร็จแล้วจะมีวันที่และเวลานัดแจ้งให้ทราบ ให้เดินทางมาสอบในวันและเวลาที่กำหนดที่ขนส่งสาขาที่เลือก
- ทดสอบสมรรถภาพทางร่างกายในด้านต่าง ๆ ได้แก่ ทดสอบตาบอดสี โดยเจ้าหน้าที่จะกดแถบสีสัญญาณจราจรแล้วให้ผู้ทำใบขับขี่ตอบว่าสัญญาณที่เห็นนั้นสีอะไร การทดสอบสายตาทางลึก คือการกดอุปกรณ์ให้กดตำแหน่งหยุดสิ่งเคลื่อนไหวให้มีความใกล้เคียงกันทั้ง 2 ตำแหน่ง ทดสอบสายตาทางกว้าง โดยให้วางสันจมูกไว้บนแท่นที่มีสัญญาณไฟจราจรเคลื่อนที่ด้านข้างสายตาทั้ง 2 ฝั่งโดยห้ามหันมอง และการทดสอบปฏิกิริยาเท้า โดยให้เหยียบคันเร่งขึ้นไปถึงจุดหนึ่งและเปลี่ยนเป็นเหยียบเบรก
- เข้าอบรม 5 ชั่วโมง แบ่งออกเป็น 2 ช่วงได้แก่ ช่วงเช้าและช่วงบ่าย เพื่ออบรมเกี่ยวกับข้อควรรู้และกฎหมายจราจร
- สอบข้อเขียนในระบบคอมพิวเตอร์ โดยมีข้อสอบทั้งหมด 50 ข้อ ผู้ที่สอบผ่านจะต้องทำข้อสอบได้มากกว่า 90% หรือมากกว่า 45 ข้อจึงจะสอบผ่าน
- สอบขี่รถในวันนัดครั้งต่อไป โดยใช้ 5 ท่าในการสอบ คือ การขี่ตามเครื่องหมายจราจร การขี่บนทางแคบ การขี่บนทางรูปตัว Z การขี่ทางโค้งรูปตัว S และสุดท้ายการขี่ผ่านสิ่งกีดขวางต่าง ๆ
- ถ่ายรูปทำใบขับขี่ หากสอบผ่านทั้งหมดจะสามารถถ่ายรูปทำใบขับขี่ได้ทันที โดยมีค่าธรรมเนียมใบขับขี่ จำนวน 100 บาท และค่าคำขอ 5 บาท รวมเป็นเงินทั้งหมด 105 บาท
การเตรียมตัวก่อนไปสอบใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ 2566
- ฝึกทำการทดสอบต่าง ๆ ก่อนไปทำใบขับขี่สามารถฝึกการทำการทดสอบต่าง ๆ ก่อนได้ เพื่อให้เกิดความคุ้นเคย ไม่ตื่นเต้นเมื่อทดสอบจริง เพราะหากตื่นเต้นก็จะทำให้แบบทดสอบไม่ผ่านได้ เช่น การทดสอบตาบอดสี ที่มีหลายคนตื่นเต้นจนเรียกชื่อสัญญาณไฟจราจรผิด จากสีเหลืองเป็นสีส้ม ก็จะทำให้เกิดปัญหาได้
- ฝึกขี่รถอย่างถูกวิธี ฝึกขี่รถในท่าทดสอบต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความแม่นยำ เพราะหลายคนอาจคุ้นเคยกับการขี่ทางตรง จึงควรฝึกขี่ทางโค้ง ทางหักศอก และการขี่ผ่านสิ่งกีดขวางไปด้วย
- ฝึกทำข้อสอบล่วงหน้า สามารถฝึกทำข้อสอบออนไลน์ได้จากในอินเทอร์เน็ต เพื่อดูแนวข้อสอบว่าเป็นคำถามเกี่ยวกับเรื่องอะไร ควรฝึกทำจนเกิดความแม่นยำ เพราะหากทำข้อสอบผิดเพียง 5 ข้อก็จะทำให้สอบตกแล้ว
- เตรียมเอกสารให้ครบ ตรวจสอบเอกสารและเตรียมเอกสารตัวจริงไปให้ครบเพื่อความสะดวกและรวดเร็วในการสอบ
การสอบใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ 2566 สามารถทำได้ไม่ยาก หากมีการฝึกฝนอย่างแม่นยำและมีประสบการณ์การขับขี่ที่ดีก็จะช่วยให้ทำใบขับขี่ผ่านได้ในครั้งเดียว ส่วนการต่อใบขับขี่สามารถต่อก่อนหมดอายุได้ 60 วัน ไม่ต้องรอให้หมดอายุก่อนแล้วจึงค่อยทำ ส่วนในการต่อใบขับขี่นั้นผู้ต่อสามารถเลือกอบรมออนไลน์ได้
แต่สำหรับผู้ที่ทำการสอบเป็นครั้งแรกจะไม่สามารถเลือกอบรมแบบออนไลน์ได้ สำหรับผู้ทำใบขับขี่ครั้งแรกที่เป็นแบบชั่วคราว 2 ปี เมื่อต่อใบขับขี่ครั้งต่อไปจะเป็นแบบ 5 ปี สามารถแจ้งต่อได้ล่วงหน้า 90 วัน สำหรับใครที่ใช้รถบ่อย ๆ ก็สามารถเตรียมตัวไปสอบกันได้ เพื่อการขับขี่อย่างปลอดภัยและถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด