การดูแลผิวไม่ว่าจะเป็นผิวหน้าผิวกาย ไม่ใช่เรื่องยาก แม้มีเวลาไม่มากก็ดูแลได้ แต่หลายคนก็มักจะละเลย หรือหลงลืมที่จะดูแลผิวเป็นประจำ ส่งผลทำให้สุขภาพผิวแย่ลง ไว้ต่อสิ่งเร้าต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแสงแดด เชื้อโรค ฝุ่น ควัน อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ แสบ ระคายเคือง ตามมาได้ ใครที่กำลังเจอปัญหาผิวต่าง ๆ เหล่านี้อยู่อย่าเพิ่งเป็นกังวลไปค่ะ เพราะวันนี้เรามีไอเทมเด็ดมาแนะนำสำหรับคนรักผิวและคนที่กำลังเริ่มอยากหันกลับมาดูแลผิว นั้นก็คือ เจลว่านหางจระเข้ นั้นเองค่ะ อยากรู้ว่าว่าไอเทมที่ว่าจะช่วยดูแลผิวอย่างไรได้บ้าง รีบตามไปดูพร้อมกันได้เลย
5 เจลว่านหางจระเข้ ที่คนรักผิวต้องมี!
- Innisfree Aloe revital soothing gel
อินนิสฟรี อโล รีไวทัล ซูธิง เจล ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยฟื้นฟูผิวแห้งเสีย ขาดน้ำ ลดอาการแสบระคายเคืองผิวได้ทั่วร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นใบหน้า แขน ขา ลำตัว หรือแม้กระทั่งเส้นผม ด้วยสารสกัดเข้มข้นจากว่านหางจระเข้ออแกนิคจากเกาะเชจูถึง 93%
และสารสกัดว่านหางจระเข้สูตรเฉพาะของอินนีสฟรีผสมผสานกับ Madecassoside ช่วยบำรุงให้เกราะป้องกันผิวชั้นนอกแข็งแรง ผิวดูฉ่ำน้ำ มีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น สามารถใช้ได้บ่อยตามที่ต้องการหรือใช้ทันทีหลังจากออกแดด เพื่อลดอาการแสบไหม้ของผิว
- Smooto Aloe-E Snail Bright Gel
เจลว่านหางจระเข้ตัวดังที่ใคร ๆ ก็รู้จัก สมูทโตะ อโล-อี สเนล ไบรท์ เจ้าตัวนี้มีส่วนผสมของว่านหางจระเข้สูงถึง 99.5% ช่วยเติมน้ำและสร้างความสมดุลให้กับผิวหน้า สมานแผลจากสิบหรือการบีบสิวได้ดี อีกทั้งยังมีส่วนผสมของวิตามินอีและเมือกหอยทาก ช่วยกระชับรูขุมขน ลดรอยดำรอยแดงจากสิว ลดการเกิดสิวผด สิวอุดตัน
ปิดท้ายด้วยไฮยารูลอน ช่วยให้ผิวไม่ลอกไม่เป็นขุย ชุ่มชื่นยาวนานตลอดทั้งวัน สามารถใช้ได้แม้ผิวแพ้ง่าย ทาได้ทั้งเช้าและก่อนนอน สูตรเด็ดที่ต้องลองคือเอาไปแช่เย็นแล้วนำออกมาทาบอกเลยว่าผิวรู้สึกเฟรชสุด ๆ
- SOQU Deep Sea Water Moisture Aloe Vera Soothing Gel
อีกหนึ่งไอเทมที่คนรักผิวต้องมีติดบ้าน นั้นก็คือเจลว่านหางจระเข้จากโซคิว ตัวนี้มีส่วนผสมของสารสกัดจากว่านหางจระเข้ผสมกับน้ำแร่ธรรมชาติใต้ทะเลลึก ช่วยให้ผิวอิ่มน้ำสุขภาพดี ลดอาการระคายเคืองที่เกิดจากแดดหรือความร้อน ใช้ได้ทั้งผิวหน้าและผิวกาย
ที่สำคัญไม่เหนียวเหนอะแหนะ สามารถใช้ได้ทั้งตอนเช้าและก่อนนอน หากใช้ก่อนแต่งหน้าจะทำให้เครื่องสำอางติดทนกับผิวได้นานยิ่งขึ้นอีกด้วย ไม่มีส่วนผสมของพาราเบนผิวแพ้ง่ายสบายใจได้เลยค่ะ
- Plantnery Aloe Vera Soothing Gel
มาต่อกันที่เจลว่านหางจระเข้จากแบรนด์ Plantnery ที่เรียกได้ว่าพบติดกระเป๋าไว้อุ่นใจแน่นอน เจ้าตัวนี้มีส่วนผสมของว่างหางจระเข้ 92% แตงกวา ไฮยาลูรอนิค แอคซิด วิตามินซี และใบบัวบก ช่วยบำรุง ดูแล และป้องกันผิวได้เป็นอย่างดี เติมน้ำให้กับผิวให้ชุ่มฉ่ำ ไม่ลอก ไม่เป็นขุย ไม่แตก
อีกทั้งยังช่วยเผยผิวขาวกระจ่างใส ป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว ใช้ทาได้ทั้งก่อนและหลังจากออกแดดจะช่วยลดอาการแสบร้อนของผิวไหม้ที่เกิดจากแสง UV ได้ดี อีกทั้งยังช่วยลดรอยดำไหม้ ผิวไม่สม่ำเสมอจากแสงแดดอีกด้วย สรรพคุณขนาดนี้ไม่มีไว้ในครอบครองไม่ได้แล้ว!!
- Lalio Aloe Plus Superfruit Brightening Gel
มาถึงตัวสุดท้ายที่เราเลือกมาแนะนำทุกคนในวันนี้ เป็นเจลว่านหางจระเข้ที่มาพร้อมกับสารสกัดผลไม้นานาชนิด ไม่ว่าจะเป็น ส้ม แตงโม สับปะรด ช่วยลดรอยหมองคล้ำ จุดด่างดำจากสิว ต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยทำให้ผิวชุ่มชื่น ไม่แห้งไม่ลอก สารสกัดจากผลคามู คามู
ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ที่กระจ่างใส อีกทั้งยังมีส่วนผสมของใบบัวบก ช่วยปลอบประโลมผิวที่ลดอาการอักเสบ ไม่ทำให้ระคายเคือง ช่วยทำให้สิวหายได้ไวขึ้น ใช้ทาเป็นประจำทุกเช้าและก่อนนอนเผื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
4 ข้อดีสุดว้าวของ ว่านหางจระเข้ ที่คุณอาจไม่รู้มาก่อน!
- ลดฝ้า กระ จุดด่างดำ ว่านหางจระเข้มีวิตามินซีที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวคล้ำเสีย ช่วยเผยความกระจ่างใส กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ดังนั้นหากใช้เป็นประจำ รอยสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำต่าง ๆ บนใบหน้าก็จะจางลงได้
- ลดอาการอักเสบ บรรเทาอาการแสบร้อนและช่วยกำจัดแบคทีเรีย เพราะในว่านหางจระเข้มีสารที่เรียกว่า Zinc หรือสังกะสี ที่ออกฤทธิ์ช่วยสมานแผล ลดอาการแสบบวม อักเสบ และช่วยกำจัดสิ่งสกปรกและแบคทีเรียได้ดี
- ลดความหยาบกร้านของผิวลงได้ วิตามินบีในว่านหางจระเข้จะช่วยเติมความชุ่มชื่นให้กับผิว ลดความแห้งและหยาบกระด้างได้ดีเมื่อใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน
- ชะลอวัย ประโยชน์อีกข้อของว่านหางจระเข้คือมีวิตามินอีที่สามารถช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระที่จะเกิดขึ้นกับผิว ชะลอริ้วรอยแห่งวัย ช่วยให้ผิวดูเต่งตึงอิ่มน้ำ
การดูแลผิวให้สุขภาพดีคงสมดุลไม่แห้ง ไม่มัน ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงเลือกใช้ เจลว่านหางจระเข้ ที่เราได้เลือกมาแนะนำในวันนี้อย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ผิวปรับสมดุลและได้รับการบำรุงอย่างเต็มที่ ซึ่งอาจจะใช้เวลาเห็นผลการเปลี่ยนแปลงสักระยะตั้งแต่ 7- 60 วันขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล ขอเพียงดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอ เพียงเท่านี้เราก็จะได้ผิวสุขภาพดีกลับมาครอบครองกันแล้วละค่ะ
ที่มาข้อมูล: vogue , rama.mahidol , apexprofoundbeauty