เมื่อพูดถึงสัตว์เลี้ยงยอดนิยมคงหนีไม่พ้นกับ “สุนัข-แมว” เนื่องจากเลี้ยงง่าย ปรับตัวเข้ากับคนได้ดี แต่เพื่อนรู้ใจเหล่านี้ต่างต้องการพื้นที่ในการเลี้ยงดู เพราะหากพื้นที่คับแคบจนเกินไป และเลี้ยงเฉพาะในระบบปิด ไม่พาไปเดินออกกำลังกายข้างนอก ก็ทำให้พวกเขาเกิดความเครียด แต่ถ้ากำลังมองหาสัตว์เลี้ยงที่มีข้อจำกัดด้านพื้นที่น้อย กระต่าย ถือว่าเป็นตัวเลือกแรก ๆ ที่เราแนะนำ ตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยบนคอนโดมิเนียม อพาร์ทเมนท์ หรือทาวน์เฮาส์
ทำความรู้จักกับ 5 พันธุ์กระต่าย ยอดนิยม
- Holland Lop (ฮอลแลนด์ลอป)
พันธุ์กระต่ายจากประเทศเนเธอร์แลนด์ที่นิยมอย่างมากในหมู่ผู้เลี้ยงเพราะขนาดเล็ก อุ้มด้วยมือทั้ง 2 ข้างได้แบบสบาย ๆ และขนยาวปานกลาง จึงดูแลง่ายเมื่อเจอกับอากาศร้อนของประเทศไทย ช่วงโตเต็มวัยจะมีขนาดไม่เกิน 2 กิโลกรัม และจุดเด่นของ Holland Lop ที่สังเกตง่าย เห็นแล้วก็รู้เลยว่าเป็นพันธุ์นี้ คือ “หัวสั้น หูทั้ง 2 ข้างพับลงมา” ในขณะที่สายพันธุ์อื่นหูจะตั้งตรงขึ้น ด้วยนิสัยน่ารัก ขี้อ้อน เป็นมิตร แถมกินจุ จึงไม่แปลกใจว่าทำไมถึงได้รับความนิยมกันมาก
- Satin Angora (ซาติน แองโกลา)
หากนึกถึงพันธุ์ที่ขนนุ่มฟูน่าจับกอดหอมแก้มแล้ว ต้องไม่พลาดกับ Satin Angora เพราะจุดเด่น คือ ขนนุ่มฟูเหมือนปุยนุ่น แถมส่องประกายราวกับเนื้อผ้าซาติน จึงเป็นที่มาของชื่อ Satin นั่นเอง ส่วนถิ่นกำเนิดมาจากเมือง Angora ประเทศตุรกี ลักษณะนิสัยโดยรวมของพันธุ์นี้เหมือนกับน้องแมวเลยคือ ชอบนอน รักสงบ และนั่งนิ่ง ๆ ได้ทั้งวัน นอกจากนี้หากโตเต็มวัยสามารถหนักได้สูงสุด 4 กิโลกรัม จัดว่าเป็นพันธุ์ขนาดใหญ่เลยทีเดียว
- Lionhead (ไลอ้อนเฮด)
Lionhead มีจุดเด่นที่สำคัญคือ ขนฟู แผงคอคล้ายกับสิงโต ขนาดตัวโตเต็มวัยไม่เกิน 1.7 กิโลกรัม ถิ่นกำเนิดมาจากประเทศเบลเยี่ยม ด้วยลักษณะนิสัยที่ร่าเริง ชอบออกไปแทะใบหญ้า พ่อ ๆ แม่ ๆ ควรปล่อยออกจากกรงบ้างเป็นครั้งคราว เพื่อให้น้องไปผจญภัยตามนิสัยของเขา
- New Zealand (นิวซีแลนด์)
ถึงแม้จะได้ชื่อว่าเป็นพันธุ์นิวซีแลนด์ แต่ถิ่นกำเนิดที่แท้จริงมาจากสหรัฐอเมริกา รัฐแคลิฟอร์เนีย จุดเด่นสำคัญที่คุณสังเกตได้ง่าย ๆ คือ หูยาว ตาสีแดง ซึ่งเป็นเพียงพันธุ์เดียวที่มีลักษณะของดวงตาเช่นนี้ เมื่อโตเต็มวัย หนักได้สูงสุด 5 กิโลกรัม เป็นหนึ่งในพันธุ์ที่ตัวเมียให้ลูกดกมาก แต่ละครอกอาจให้กำเนิดลูกได้ถึง 10 ตัว ส่วนลักษณะนิสัยโดยรวมของ New Zealand มักขี้ตกใจ ขี้กลัวพอสมควร กินเก่งมาก และอ้วนง่ายด้วย
- Dwarf Hotot
จุดเด่นสำคัญ คือ ขนสีขาวนุ่มฟูทั้งตัว หัวกลม ตัวสั้น และขอบตาดำเหมือนคนไม่ได้นอนมา 1 อาทิตย์เต็ม ๆ ซึ่งสายพันธุ์ดังกล่าวได้รับการพัฒนาในฝรั่งเศส โดยใช้พันธุ์ White Hotot และ Netherland Dwaft ทำให้เกิดสายพันธุ์ดังกล่าวขึ้น โดย Dwarf Hotot จัดว่าเป็นพันธุ์ขนาดปานกลาง น้ำหนักโตเต็มวัยจะอยู่ที่ 3.5 ปอนด์ ด้วยลักษณะภายนอกที่น่ารัก แถมบุคลิกเป็นมิตร จึงครองใจผู้เลี้ยงไม่ยากนัก
เตรียมตัวเลี้ยง กระต่าย ต้องทำอย่างไร
อันดับแรกเมื่อเราได้พันธุ์ที่ถูกใจเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเลี้ยงดู ว่าต้องเตรียมสถานที่อย่างไรจึงจะเหมาะสมกับน้อง ๆ ทั้งเรื่องอุปกรณ์และการจัดสภาพแวดล้อม
- กรง ควรมีขนาดกว้างพอให้น้อง ๆ ได้วิ่งเล่น ไม่ควรเลือกกรงที่แคบเกินไปจนพอดีกับขนาดตัวของน้อง เพราะจะทำให้รู้สึกอึดอัด เกิดความเครียด และการวิ่งในกรงยังช่วยให้สุขภาพดี ที่สำคัญอย่าลืมว่าซี่ลูกกรงควรมีขนาดเล็ก เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์เลี้ยงที่น่ารักของเราหลุดลอดออกไป
- พื้นในกรง เมื่อได้กรงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปให้นำวัสดุปูพื้นมารองด้านใต้ โดยแนะนำให้นำหญ้าหรือฟางมาเป็นพื้นรอง สาเหตุที่ต้องใช้วัสดุจากธรรมชาติเป็นเพราะว่า ตามวิถีชีวิตดั้งเดิมของน้อง ๆ ก่อนมาอยู่กับพวกเรา เขาอาศัยอยู่บริเวณพื้นหญ้า ซึ่งช่วยให้อบอุ่นขึ้นตามสไตล์ของสัตว์เมืองหนาวที่ต้องรักษาอุณหภูมิในร่างกายไม่ให้ต่ำจนเกินไป ที่สำคัญ หญ้าหรือฟาง ยังช่วยกลบกลิ่นฉี่ที่น้องทิ้งไว้อีกด้วย
- ขวดน้ำด้านในกรง ข้อนี้สำคัญมาก และผู้เลี้ยงห้ามลืมเด็ดขาด! หากลืมให้น้ำในกรง กระต่ายอาจป่วยและเสียชีวิตได้ ซึ่งผู้เลี้ยงบางรายอาจเลือกใช้งานถ้วยกระเบื้อง หรือถ้วยพลาสติกใส่น้ำแล้ววางด้านใน แต่วิธีนี้น้องอาจดื่มน้ำไม่สะดวกนัก แต่ถ้าใช้ขวดน้ำติดไว้บริเวณซี่ลูกกรงด้านนอก ย่อมช่วยให้น้องดูดน้ำได้ง่ายกว่าจากการใช้หลอดดูด และช่วยให้เราสังเกตเห็นง่ายด้วยว่าน้ำจะหมดเมื่อไหร่
วิธีดูแลน้อง กระต่าย ต้องทำอย่างไรบ้าง?
- เรื่องขน สัตว์มีขนเยอะอย่างกระต่ายก็ต้องการดูแลเป็นพิเศษไม่แพ้สุนัขและแมว เพราะน้องกระต่ายมีพฤติกรรมชอบเลียตัว-เลียแขนขาทำความสะอาดร่างกาย ซึ่งระหว่างนี้ขนอาจหลุดเข้าไปอุดตันทางเดินอาหาร จนหายใจไม่ออก ทำให้เจ้าของต้องหมั่นตัดขนบริเวณฝ่าเท้าและตามลำตัวให้สั้น เพื่อป้องกันน้อง ๆ กินขนตัวเองเข้าไป
- อาหาร กระต่ายเป็นสัตว์ที่ทานอาหารง่าย เรียกได้ว่ากินได้หมด ไม่ว่าจะเป็นหญ้า แครอท หรือแม้แต่กล้วย แต่เราแนะนำให้รับประทานอาหารกระต่ายเป็นหลัก เพราะคุณค่าทางอาหารสูงและเพียงพอตามที่น้อง ๆ ต้องการ แล้วค่อยให้ทานพวกใบหญ้าหรือแครอทแทะเล่นเป็นของว่างก็ได้
เมื่อรู้จักกับ พันธุ์กระต่าย และการดูแลน้อง ๆ แล้ว สิ่งที่เจ้าของต้องทราบอีกอย่างคือ ถึงแม้จะเป็นมิตรมากกับมนุษย์ แต่กระต่ายก็กลัวสุนัข-แมวเป็นพิเศษ และก็เป็นสัตว์ที่ขี้ตกใจด้วย ดังนั้นหากต้องการให้สุนัข-แมว-กระต่าย มาอยู่ร่วมกัน ควรฝึกพฤติกรรม ให้เกิดความเคยชินและไม่กลัวจนเกินไปนั่นเอง
ที่มาข้อมูล : bestreview, pettocute, kapook, bunny-villa