หุ่นยนต์ทำความสะอาด ให้งานบ้านเป็นเรื่องง่าย ๆ

เมื่อพูดถึงงานบ้านแล้ว ความเบื่อหน่ายก็เกิดขึ้นทันที ไม่ว่าจะเป็นงานซักผ้าที่ทั้งเยอะและหนัก หรืองานถูพื้นอันน่าปวดหัว เพราะต้องกวาดให้สะอาดก่อนแล้วค่อยเอาม็อบมาเช็ดถูอีกรอบ ถูไปแล้ว พอเดินก็ยังเก็บฝุ่นทรายไม่หมด ยังสากเท้าอยู่ดี ยิ่งหากบ้านใครมีมุมอับ พื้นที่ใช้สอยมาก การถูพื้นครั้งเดียวต้องใช้เวลานานถึงจะทำให้เสร็จ หากมีผู้ช่วยทำความสะอาดบ้านที่ช่วยทุ่นแรงก็คงจะดีไม่น้อย แต่ปัญหาเรื่องการถูบ้านที่ต้องใช้เวลานานนั้นจะหมดไป หากคุณได้ลองใช้เครื่องดูดฝุ่นอัจฉริยะที่จะช่วยให้ขั้นตอนการทำความสะอาดบ้านนั้นง่ายและไว โดยที่คุณแทบไม่ต้องทำอะไรเลย มาดูกันดีกว่าว่าสุดยอด หุ่นยนต์ทำความสะอาด อัจฉริยะนั้นมีรุ่นใดบ้าง

เลือก หุ่นยนต์ดูดฝุ่น แบบไหนดี ให้ทำความสะอาดอย่างครอบคลุม

1. ความจุของแบตเตอรี่ ปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่ใช่หุ่นยนต์ดูดฝุ่นทุกรุ่นจะมีฟังก์ชันในการชาร์จแบตเตอรี่อัตโนมัติเมื่อพลังงานหมด แล้วไปทำงานต่อจนเสร็จ ซึ่งหุ่นยนต์ที่ชาร์จแบตเตอรี่ได้เองมักมีราคาสูง และมีฟังก์ชันทำงานหลากหลาย ส่วนหุ่นยนต์ถูพื้นทั่วไปนั้น หากต้องการใช้งานได้ยาวนาน ทำความสะอาดได้ครบทุกพื้นที่ในบ้าน ก่อนแบตเตอรี่ใกล้หมด จำเป็นต้องเลือกหุ่นยนต์ที่มีความจุของแบตเตอรี่ได้สูง เช่น 5000 mAH ขึ้นไป 
2. ฟังก์ชันของหุ่นยนต์ถูพื้น หุ่นยนต์ทำความสะอาดทุกรุ่นมีเทคโนโลยีที่เรียกว่า “ ระบบนำทาง” ซึ่งใช้เซนเซอร์ หรือกล้องถ่ายรูปเก็บข้อมูลภายในตัวบ้าน จากนั้นข้อมูลที่ได้ก็จะถูกอัลกอริทึมจะประมวลผลแผนที่จำลองภายขึ้นมา โดยแผนที่ดังกล่าวจะเป็นตัวอ้างอิงให้หุ่นยนต์ใช้เคลื่อนที่ทำความสะอาดครบทุกแห่ง แต่ระบบแผนที่จำลองถือเป็นเทคโนโลยีพื้นฐานที่หุ่นยนต์ทุกเครื่องสามารถทำได้ ความแม่นยำในการเคลื่อนที่และระบบประมวลผลจึงน้อย ดังนั้นหากต้องการใช้งานหุ่นยนต์ที่ฟังก์ชันระบบนำทางคุณภาพสูง ควรเลือกหุ่นยนต์ระบบนำทางที่เรียกว่า “LDS” และ “LiDAR Sensor” ซึ่งทั้ง 2 ระบบนี้มักพบได้ในหุ่นยนต์เกรดพรีเมียมที่คุณภาพคับแก้ว รับรู้ได้แม้มีวัตถุกำลังเคลื่อนที่อยู่ 

แนะนำ หุ่นยนต์ทำความสะอาด สเปกสูง หมดปัญหาเรื่องงานบ้าน

1. Roborock G10

เทคโนโลยีการทำความสะอาดบ้านปัจจุบัน ได้มีสิ่งที่เรียกว่าหุ่นยนต์ทำความสะอาด ช่วยให้งานบ้านเป็นเรื่องง่ายดาย ซึ่ง Roborok G10 AI สามารถเรียนรู้การทำงานได้ด้วยตนเอง ด้วยการทำแผนที่แบบ Real – Time ด้วย LDS Sensor อันเป็นระบบนำทางอัจฉริยะช่วยนำทางและหลบหลีกสิ่งกีดขวางได้อย่างแม่นยำ การใช้งานไม่ซับซ้อน เพียงแค่ตั้งระยะเวลาทำงานที่ต้องการ โดยตั้งค่าเวลาได้ตั้งแต่ 10 – 50 นาที 

อีกทั้งหุ่นยนต์สามารถกลับมาที่แท่นเพื่อทำการซักผ้าให้สะอาดได้อย่างอัตโนมัติ ตัวหุ่นยนต์ยังมาพร้อมกับฟังก์ชันเพิ่มเติม ได้แก่ การสั่งงานด้วยเสียง ฟิลเตอร์กรองฝุ่นทำความสะอาดได้ง่าย และโหมดซักผ้าหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น ระบบ Light, Balanced และ Deep ทั้งระบบทั้ง 3 นี้จะใช้เวลาในการซักถูแตกต่างกันออกไป ด้วยระบบสุดทันสมัยตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้เช่นนี้ จึงไม่แปลกใจเลยว่า Robotic จะเป็นหนึ่งในหุ่นยนต์ดูดฝุ่นยอดเยี่ยมนั่นเอง

2. AUTOBOT Lazer 6

หุ่นยนต์อัจฉริยะที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีทำความสะอาด สร้างแผนที่การทำงานทันที หมดปัญหาหุ่นยนต์ทำงานไม่ทั่วถึงในบริเวณมุมอับ และสามารถกำหนดบริเวณที่ไม่ต้องการให้หุ่นยนต์เคลื่อนที่ผ่านด้วยระบบกำแพงเสมือน ตัวเครื่องออกแบบมาให้ทำหน้าที่ครอบคลุมไม่ว่าจะเป็นการฆ่าเชื้อโรคด้วยน้ำยาออร์แกนิก ถูพื้นได้เหมือนทำความสะอาดด้วยตนเอง พร้อมซักล้างทำความสะอาดได้แบบอัตโนมัติ เมื่อสัมผัสถึงความสกปรกที่มากเกินไป

แถมยังแชร์การทำงานของเครื่องดูดฝุ่นแก่สมาชิกคนอื่น ๆ ในบ้านได้ด้วยแอปพลิเคชัน Autobot Connect และยังมีคุณสมบัติควบคุมระยะไกลผ่านแอพได้ด้วย นอกจากนี้หากบ้านของคุณมีพรมยกพื้นสูง Autobot ถูกออกแบบมาเพื่อเดินผ่านพรมพื้นผิวหนาได้อย่างสบาย ๆ ช่วยให้การทำงานราบรื่น ไม่ผิดแผน

3. iRobot™ Braava jet

หุ่นยนต์ถูพื้น สำหรับการทำงานบนพื้นผิวแข็ง เช่น หิน กระเบื้อง หรือพื้นไม้ เพิ่มความสะอาดให้มากกว่าเดิมด้วยระบบการฉีดน้ำบนพื้น และให้ตัวหุ่นยนต์ทำงานได้อย่างต่อเนื่องแม้แบตเตอรี่หมดแล้ว iRobot จะเดินไปหาแท่นชาร์จเพื่อชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็ม จากนั้นก็ทำงานให้ทั่วถึงทุกซอกทุกมุมภายในบ้านตามแผนที่ ซี่ง AI สร้างขึ้นด้วยระบบนำทาง iAdapt® 3.0

4. Dreame Bot L10s Ultra Robot Vacuum and Mop Cleaner

หุ่นยนต์ทำความสะอาดฟังก์ชันครบเครื่องไม่ว่าจะเป็น พลังดูดฝุ่นสูงถึงระดับ 5300 PA รองรับการสั่งด้วยเสียงตั้งแต่ Siri, Alexa, Google Home เก็บฝุ่นได้ถึง 3 ลิตร และตัวฐานชาร์จไฟยังมีระบบเติมน้ำยาอัตโนมัติ ที่สำคัญหุ่นยนต์มีคุณสมบัติยกพื้นสูงได้ถึง 7 มิลลิเมตร หลบสิ่งกีดขวางได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังติดตั้งกล้องขนาดเล็กไว้ด้านหน้า ช่วยให้คุณถ่ายรูป รวมไปถึงบันทึกวิดีโอระหว่างการทำงาน ทำให้เห็นสมาชิกภายในบ้านในระหว่างที่คุณไม่อยู่ได้

ตัวหุ่นยนต์ยังออกแบบมาให้ทำงานยังพื้นที่เฉพาะ เช่น ห้องน้ำ หรือห้องนั่งเล่นตามที่คุณต้องการอีกด้วย ที่สำคัญฟังก์ชันด้านในมีระบบแนะนำกลยุทธ์ให้ทำความสะอาดในแต่ละช่วงเวลาอย่างเหมาะสม หุ่นยนต์ม็อบรุ่นนี้ยังมีฟังก์ชั่นทำความสะอาดม็อบและเป่าแห้งผ้าม็อบได้อัตโนมัติ ช่วยให้เจ้าของบ้านสบายใจได้ว่าจะไม่มีกลิ่นเหม็นอับจากไม้ม็อบมารบกวนอีกต่อไป นับว่าเป็นหุ่นยนต์ทำความสะอาดที่ใช้งานได้อย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพ

5. Mister Robot Hybrid Mapping

หุ่นยนต์ทำความสะอาดที่ออกแบบแปรงดูดฝุ่น ถึง 2 รูปแบบ โดยประเภทแรกเรียกว่า Spiral Brush และอีกชนิด คือ V-Shape Rubber Brush ซึ่งขนแปรงสองชนิดนี้ ตอบสนองต่อพื้นผิวแตกต่างกัน เช่น Spiral Brush มีขนาดขนแปรงที่กว้าง และหยาบ เพราะออกแบบมาสำหรับกำจัดสิ่งสกปรกที่ติดอยู่บนพื้นผิวพรม ส่วนขนแปรงชนิด V shape ใช้งานได้ดีในพื้นไม้ หรือกระเบื้อง นอกจากนี้ Mister Robot มีขนาดแบตเตอรี่ 2,600 mAh ทำงานได้สูงสุด 2 ชั่วโมง จัดว่าคุ้มค่าต่อการใช้งานอย่างมาก

วิธีดูแลรักษา หุ่นยนต์ทำความสะอาด ให้ใช้งานได้ยาวนาน

1. ฟิลเตอร์เครื่องดุดฝุ่นสำคัญ อย่ามองข้าม หุ่นยนต์สำหรับดูดฝุ่นจะมีแรงดูดไม่เหมือนกัน บางรุ่นแรงดูดอยู่ราว 1000 PA ส่วนรุ่นเกรดพรีเมียมมักมีแรงดูดเกิน 4000 – 5000 PA ขึ้นไป แต่ว่าจะมีแรงดูดสูงหรือไม่นั้นไม่สำคัญ การรักษาคุณภาพฟิลเตอร์คือสิ่งที่ควรให้ความสนใจมากกว่า หากใช้งานหุ่นยนต์หนัก ย่อมทำให้ฟิลเตอร์กรองฝุ่นเต็มเร็วจนครั้งต่อไปไม่สามารถดูดฝุ่นเข้าไปอย่างเต็มที่ ดังนั้นการเปลี่ยนหรือล้างฟิลเตอร์หลังการใช้งานตามที่คู่มือกำหนดจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม
2. อย่าลืมทำความสะอาดเซนเซอร์ หุ่นยนต์เคลื่อนที่ได้โดยการจับภาพจากกล้องหน้า หรือช่องรับแสงเลเซอร์ หากบริเวณตัวรับสัญญาณมีสิ่งสกปรกเกาะติดอยู่ อาจรบกวนการทำงานของหุ่นยนต์ได้ และถ้าร้ายแรง ตัวรับสัญญาณเริ่มเสื่อม หุ่นยนต์มีโอกาสตกมาจากที่สูง เช่น บันได หรือระเบียงได้ จึงควรหมั่นทำความสะอาดบริเวณตัวรับสัญญาณด้วยอย่างสม่ำเสมอ 

หากต้องการเป็นเจ้าของ หุ่นยนต์ทำความสะอาด อัจฉริยะสักเครื่อง ควรพิจารณาตามไลฟ์สไตล์ของตนเองด้วยว่ามีเวลาดูแลเจ้าเครื่องนี้มากหรือน้อยเพียงใด หากเป็นคนไม่มีเวลา ควรพิจารณาว่าเครื่องนั้น ๆ พร้อมซักล้างสิ่งสกปรกออกมาจากผ้าม็อบ หรือทิ้งกล่องเก็บขยะของหุ่นยนต์เป็นประจำหรือไม่? แนะนำให้เลือกหุ่นยนต์ที่มีฟังก์ชันทำความสะอาด ชาร์จแบตเตอรี่ได้เอง และกล่องเก็บขยะมีความจุมาก (สำหรับเทฝุ่น/เศษขยะทิ้ง นาน ๆ ครั้ง) รับรองเลยว่างานบ้านของคุณจะเป็นเรื่องที่ง่ายสะดวกสุด ๆ