โทรศัพท์ซัมซุง จากค่ายเกาหลีชื่อดังก็ได้เปิดตัวมือถือรุ่นใหม่มากมายเพื่อเอาใจเหล่าสาวก ซึ่งมือถือที่เปิดตัวมีตั้งแต่รุ่นหลักพัน จนไปถึงระดับพรีเมียม ได้แก่ ซีรีส์ A , M, S และ Z โดยรุ่นที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ คงหนีไม่พ้นกับซีรีส์ A แน่นอน ที่มาพร้อมกับคุณสมบัติครบเครื่องราคาไม่แพง เราจึงพามาทำความรู้จักกับซัมซุงซีรีส์ A ให้มากขึ้น รวมถึงซีรีส์ S และ Z รุ่นเรือธงที่เหล่าสาวกไม่ควรพลาด
แนะนำ 5 โทรศัพท์ซัมซุง น่าซื้อใช้
1.Samsung Galaxy A13
เรียกได้ว่าเป็นโทรศัพท์ ซัมซุง ซีรีส์ A ที่คุณภาพคับแก้ว แบตเตอรี่ความจุระดับ 5000 mAh RAM 4 GB ROM 64 GB กว้าง 6.6 นิ้ว เป็นกล้องชนิด 4 เลนส์ ประกอบด้วย กล้องหลังขนาด 50 MP + 5MP (กล้องอัลตราไวด์) +2MP (กล้องมาโคร) + 2MP (กล้องความลึก) และกล้องหน้าขนาด 8 MP ใช้ชิปรูปแบบ Exynos 850 Octacore ความเร็ว 2.2 GHz
หากต้องการใช้งานชิปที่คุณภาพดีกว่า สามารถอัปเกรดเป็น Galaxy A13 5G ซึ่งชิปที่ได้เป็น Dimensity 700 ที่ประสิทธิภาพ CPU โดยรวมสูงกว่า Exynos 850 ประมาณเท่าตัว แต่ในด้านกายภาพ หน้าจอของ A13 5G อยู่ที่ 6.5 นิ้ว เล็กกว่า A13 ไปนิดเดียว และกล้องหน้าถ่ายรูปได้ความคมชัด 5 MP เท่านั้น ดังนั้นอยากได้กล้องถ่ายหน้าดีแนะนำ A13 หรือหากต้องการความไหลลื่น เล่นเกมสนุก A155Gก็น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว
2.Samsung Galaxy A23
เป็นโทรศัพท์มือถือที่ได้รับการอัปเกรดมาจาก A 13 มาพอสมควร เห็นได้ชัดจากชิป Snapdragon 680 Octacore ความเร็ว 2.2 GHZ ที่ประสิทธิภาพในการเล่นเกมสูงกว่า และยังมาพร้อมกับ RAM 6 GB + ROM ขนาด 128GB อัตราการรีเฟรช 90 HZ แต่ด้านการถ่ายรูปไม่ได้แตกต่างจาก A13 มากนัก
หากคุณชอบเล่นเกมสนุก ๆ สเปกเครื่องดี ก็แนะนำ A23 5G ที่เรียกได้ว่าแตกต่างจาก A23 แบบผิดหูผิดตา ซึ่งชิปถูกอัปเกรดเป็น Snapdragon 695 Octa Core ที่ประสิทธิภาพ CPU และการเล่นเกมเหนือกว่าหลายขุม ในส่วนด้านแบตเตอรี่ Snapdragon 680 กับ 695 นั้น คุณสมบัติในการใช้พลังงานทำได้เท่า ๆ กัน ทำให้โดยรวม Snapdragon 695 ชนะขาดลอย ตัวเครื่อง A23 5GB ใช้รูปแบบ RAM 8 GB +128 GB ที่มาพร้อมกับอัตราการรีเฟรชเรต 120 Hz ทำให้การเล่นเกมหนัก ๆ A23 5G ทำได้ดีกว่าอย่างเด่นชัด เมื่อเทียบกับ A13 และ A13 5G
3.Samsung Galaxy A53
ซัมซุงซีรีส์ A ราคาหลักหมื่นขึ้นไปต้องเป็น A53 เท่านั้น ที่ตัวกล้องถูกอัปเกรดมาจาก ซีรีส์ A รุ่นก่อน ๆ หน้า เริ่มต้นที่กล้องหน้ามีขนาด 32 MP กล้องหลังขนาด 64 MP + กล้องอัลตราไวด์ 12 MP + กล้องจับความลึก 5MP + กล้องมาโคร 5MP มาพร้อม RAM ขนาด 8GB + ROM 128 GB ชิปรูปแบบ Exynos 1280 Octa-core ความเร็ว 2.4 GHz อัตรารีเฟรชเรต 120 Hz ซึ่งถือว่าครบเครื่องทั้งเล่นเกม และการถ่ายรูป
4.Samsung Galaxy Z Flip 4
หากใครชอบดีไซน์พับเก็บ เปิด-ปิดได้เหมือนกับดีไซน์ของโทรศัพท์ยุคเก่า Galaxy Z Flip 4 ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน ด้วยกล้องหน้าขนาด 10 MP กล้องหลัง 12 MP + กล้องอัลต้าไวด์ 12 MP ใช้ชิปแบบเดียวกับ S 22 Ultra 5 G
แต่จุดเด่นจริง ๆ ของมือถือรุ่นนี้คือ โหมด Flex ที่รองรับการทำงานของแอปพลิเคชันในรูปแบบพับหน้าจอ กล่าวคือ คุณสามารถพับเก็บหน้าจออีกครึ่งในระหว่างที่ไม่ใช้งาน หรือใช้งานฟังก์ชันอื่นของแอปพลิเคชันนั้น ทำให้เราถ่ายรูปแบบปล่อยมือถือได้ เพียงแค่จัดให้พื้นที่หน้าจออีกครึ่งตั้ง ให้ทำหน้าที่แทนขาพับ หากใครสนใจก็สามารถจับจองเป็นเจ้าของได้
5.Samsung Galaxy S22 Ultra 5G
จุดเด่น Galaxy ซีรีส์ S ที่หลายคนนึกถึงเป็นอันดับแรก คือ มีปากกาให้ขีดเขียนอันเป็นเอกลักษณ์ ที่ดูคูล ใช้แล้วเหมือนนักธุรกิจใหญ่ ซึ่งราคาเริ่มต้นของ S22 Ultra 5G คือ 39,900 บาท ด้วยตัวเครื่องบางเฉียบ มาพร้อมกับประสิทธิภาพการถ่ายรูปอันยอดเยี่ยม เริ่มจากกล้องหลังขนาด 108 MP +12 MP (กล้องอัลตราไวด์) +10MP (กล้องเทเลโฟโต้) + 10 Mp (กล้อง Periscope)
ด้วยการเพิ่มกล้อง Periscope เข้ามานี้เอง จึงทำให้สามารถซูม และสังเกตภาพระยะไกลได้ดีกว่า Samsung รุ่นที่ไม่มีกล้องชนิดนี้ อีกทั้งกล้องหน้าก็ประสิทธิภาพสูงที่มีขนาดถึง 40 MP ในด้านระบบประมวลทำได้ดีเยี่ยมด้วย RAM 8 + ROM 128 GB และยังอัปเกรดแรมได้ถึง 12 GB อีกทั้งยังใช้ชิป Qualcomn: Snapdragon 8 Gen 1 ที่คุณภาพสู้กับชิป A13 bionic ของ iPhone 11 ได้สบาย
อยากเล่นเกมและถ่ายรูป จะเลือก โทรศัพท์ซัมซุง รุ่นไหนดี
ถ้าชอบซัมซุงราคาถูก ไม่เน้นถ่ายรูป หรือไม่ชอบเล่นเกมหนัก ๆ ใช้เพียง Samsung Galaxy A23 5G ก็เพียงพอแล้ว ซึ่งรีเฟรชเรตอยู่ราว 120 Hz เท่ากับทุกรุ่น แต่ถ้ามีงบเยอะต้องการประสิทธิภาพทุกด้าน A53, S22 และซีรีส์ Z ก็ถือว่ามีความน่าสนใจไม่แพ้กัน โดยเฉพาะ S22 ที่คุณภาพกล้องหน้าและกล้องหลังทำได้ดีกว่าทุกรุ่นอย่างเห็นได้ชัด
โดยรวมโทรศัพท์มือถือซัมซุงออกใหม่แต่ละรุ่นมีขนาดแตกต่างกันไม่มาก จุดเด่นที่ต่างกันคือด้านการถ่ายรูป และประสิทธิภาพของชิปที่ต่างกันออกไป โดยซีรีส์ A แบตเตอรี่ความจุเท่ากันคือ 5000 mAh แต่ต่างกันในด้านชิปและคุณภาพในการถ่ายรูป ส่วนซีรีส์ S มีความหรูหราด้านการใช้ปากกา S pen มาเป็นลูกเล่น พร้อมประสิทธิภาพด้านการถ่ายรูป และซีรีส์ Z ก็มาพร้อมกับการพับเก็บที่ถูกใจคนชอบดีไซน์แปลกใหม่
ที่มาข้อมูล: droidsans , siamphone , droidsans
Comments 1