การดูแลทรงผมถือเป็นกิจวัตรประจำวันที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับคุณผู้หญิงทั้งหลาย เพราะไม่ว่าจะออกไปทำงาน ช้อปปิ้ง หรือไปท่องเที่ยว ถ้าหากเรามีทรงผมที่ดูดีก็จะยิ่งเพิ่มออร่าความมีสง่าราศี ดูภูมิฐาน และน่าเชื่อถือมากขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นในยุคที่ใคร ๆ ต่างก็เร่งรีบทำทุกอย่างแข่งกับเวลา บางคนก็ไม่มีเวลาดูแลทรงผมของตัวเองนัก เพราะอุปกรณ์ที่ต้องใช้นั้นมากมายเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นแปรง ไดร์เป่าผม และ เครื่องหนีบผม ด้วยเหตุนี้จึงได้มีการคิดค้นนวัตกรรมที่เรียกว่า หวีไดร์ ซึ่งรวมฟังก์ชันของทั้งแปรง หวี และไดร์เป่าผม เอาไว้ในเครื่องเดียว ซึ่งวันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับอุปกรณ์สุดพิเศษชิ้นนี้ให้มากขึ้นกัน
หวีไดร์แตกต่างจากหวีหรือไดร์เป่าผมทั่วไปอย่างไร?
หวีไดร์เป็นอุปกรณ์ที่รวมเอาความเด่นของหวีและไดร์เป่าผมเข้าไว้ด้วยกัน ทำให้ช่วยประหยัดเวลาในการจัดแต่งทรงผม ลดจำนวนอุปกรณ์ เวลาพกไปขณะเดินทางก็สะดวกและประหยัดที่เก็บในกระเป๋า ฟีเจอร์อีกอย่างที่น่าสนใจคือไดร์เป่าผมแบบหวีส่วนใหญ่จะมีฟังก์ชันช่วยถนอมและบำรุงเส้นผมในตัวด้วย ซึ่งช่วยลดการขาดหลุดร่วงของเส้นผมได้มากกว่าการใช้ไดร์เป่าผมทั่วไป โดยรวมแล้วเหมาะสำหรับสาว ๆ ที่อยากทำผมตรงแต่ไม่มีเวลามากนัก ทั้งนี้ ไดร์แบบหวีที่วางขายอยู่ในท้องตลาดมีด้วยกัน 2 ประเภทใหญ่ ๆ ดังต่อไปนี้
- แบบแบน เรียกอีกอย่างว่าแบบ “แปรงพาย” รูปร่างหน้าตาจะคล้ายหวีทั่วไป เพียงแต่มีขนาดใหญ่กว่า เหมาะสำหรับคนผมยาวใช้ทำให้ปลายผมมีวอลลุ่ม
- แบบแกน มีลักษณะเป็นแท่งคล้ายที่ม้วนผมไฟฟ้าสามารถถอดเปลี่ยนหัวแปรงได้ และที่สำคัญคือมีฟังก์ชันการใช้งานให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นปรับลมร้อนลมเย็น ไดร์ผม แต่งทรงผมให้เรียบตรง
วิธีการเลือกซื้อ หวีไดร์ ให้ได้ของดีมีคุณภาพ
แม้ว่าหวีไดร์ที่วางขายอยู่ในท้องตลาดจะมีด้วยกันหลายรุ่นหลายยี่ห้อ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะเลือกซื้อมาแล้วใช้งานได้เหมือนกันหมด เพราะแต่ละรุ่นก็มีดีไซน์และฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์ไม่เหมือนกัน ซึ่งการเลือกซื้อหวีหรือแปรงไดร์เป่าผมควรพิจารณาจากปัจจัยดังต่อไปนี้
- วัสดุที่ใช้ผลิต
หวีเป่าผมไฟฟ้าที่วางขายตามท้องตลาดมีทั้งที่ผลิตจาก “พลาสติก” ซึ่งราคาค่อนข้างถูก และที่ผลิตจาก “ไทเทเนียม/ทัวร์มาลีน” ซึ่งราคาค่อนข้างสูง โดยหวีที่ผลิตจากพลาสติกมักจะทนความร้อนได้ไม่ดี ทำให้มีอายุการใช้งานค่อนข้างสั้น และที่สำคัญคือไม่ค่อยมีความแข็งแรงทนทาน หากทำตกหล่นก็อาจแตกหักเสียหายได้ง่าย ขณะที่หวีผลิตจากไทเทเนียมจะสามารถดูดซับความร้อนได้อย่างรวดเร็ว เก็บความร้อนในซี่ของหวีได้นาน ช่วยลดเวลาที่ใช้ในการจัดแต่งทรงผม และที่สำคัญคือแข็งแรงทนทาน ปลอดภัยต่อการใช้งาน
- ดีไซน์ด้ามจับ
ในการจัดแต่งทรงผมหากเราจับถือหวีไม่ถนัดก็คงไม่สามารถจัดแต่งทรงผมได้อย่างสะดวก และที่สำคัญคือจะไม่สามารถเข้าถึงเส้นผมในจุดที่เข้าถึงยาก เช่น บริเวณด้านหลังศีรษะ เป็นต้น ดังนั้น เราจึงควรเลือกหวีที่จับได้ถนัดมือ หรือหากคุณชอบหวีที่ดูทันสมัยหน่อยก็ให้เลือกด้ามจับที่มีหน้าจอแสดงผลซึ่งจะระบุอุณหภูมิและการตั้งค่าต่าง ๆ อย่างละเอียด ซึ่งจะช่วยให้การใช้งานง่ายขึ้นอย่างมาก
- ค่าความร้อนที่รองรับ
หากหวีรองรับค่าความร้อนได้ไม่มากก็จะไม่สามารถจัดแต่งทรงผมให้ตรงได้อย่างที่เราต้องการ แต่หากหวีไดร์มีค่าความร้อนสูงเกินไปก็อาจทำให้ผมของเราไหม้หรืออาจเกิดอันตรายขึ้นได้ ดังนั้น เราจึงควรเลือกหวีที่มีค่าความร้อนอยู่ระหว่าง 170 องศาเซลเซียส ถึง 240 องศาเซลเซียส ซึ่งถือเป็นระดับความร้อนที่เหมาะสมกับการจัดแต่งทรงผมให้เรียบตรงดูเป็นธรรมชาติ แต่หากคุณเป็นคนผมหยิกขอแนะนำให้ใช้หวีที่มีค่าความร้อนไม่เกิน 210 องศาเซลเซียส
- เวลาที่ใช้ทำความร้อน
แน่นอนว่าหวีแต่ละตัวต้องใช้เวลาในการทำความร้อน ไม่ได้เสียบปลั๊กแล้วจะร้อนพร้อมใช้งานทันที ซึ่งเวลาที่ใช้ไม่ควรเกิน 30 – 60 วินาที ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิที่ตั้ง หากเป็นไปได้ให้เลือกหวีที่มีหน้าจอแสดงผลเพื่อที่เราจะสามารถดูตัวเลขเวลาและอุณหภูมิได้แบบชัดเจน
แนะนำ 5 หวีไดร์ ราคาประหยัด แต่ใช้งานได้คุ้มค่า
สำหรับ หวีไดร์ ทั้ง 5 รุ่น ที่เรานำมาแนะนำกันในวันนี้มาจากแบรนด์ชั้นนำด้านอุปกรณ์จัดแต่งทรงผม ดังนี้
- LESASHA DOUBLE IONIC STRAIGHT BRUSH LS1368
หวีเป่าผมไฟฟ้าแบบแบน มาพร้อมด้ามจับที่ผลิตจากวัสดุไทเทเนียม ซี่หวีผลิตจากเซรามิกเคลือบทัวร์มารีนและอาร์แกน ออยส์ นำความร้อนได้ดี แถมยังช่วยบำรุงรักษาเส้นผม ลดการขาดหลุดร่วง ถนอมหนังศีรษะ สามารถปรับความร้อนได้ 2 ระดับ ความร้อนสูงสุดถึง 200 องศา ซี่หวีถี่ ช่วยกระจายความร้อนสู่เส้นผม ช่วยให้ผมตรงเรียบสวยดูเป็นธรรมชาติและไม่ชี้ฟูจากไฟฟ้าสถิตย์
- JIASHI
หวีเป่าผมแบบแกนจากร้านค้า JIASHI ดีไซน์โค้งมน ช่วยให้จับถือได้ถนัดมือ หัวแปรงสามารถหมุนได้ ขนแปรงปรับความเร็วในการหมุนได้ถึง 3 ระดับ ตัวแปรงสามารถปรับการใช้งานได้ถึง 3 ฟังก์ชัน ได้แก่ ที่หนีบผม แปรง/หวี และไดร์เป่าผมด้วยลมร้อน จุดเด่นของหวีรุ่นนี้อยู่ที่การออกแบบช่องปล่อยลมร้อนที่มีอยู่รอบหัวแปรง ช่วยให้เส้นผมแห้งเร็วขึ้น ลดการชี้ฟู ใช้ได้ทั้งผมตรงและผมหยิก
- Haxon Ionic Daily Brush S12
หวีไดร์แบบแบนที่มากับดีไซน์เรียวยาว ทันสมัย ตัวด้ามจับมีหน้าจอ LCD บอกอุณหภูมิ ช่วยให้ใช้งานง่าย ระบบทำความร้อนเป็นแบบแผ่นเซรามิก PTC ใช้เวลาทำความร้อนเพียง 20 วินาที นับตั้งแต่เปิดสวิทช์ ฟันหวีแต่ละซี่หุ้มฉนวนกันความร้อนเคลือบด้วยเรซิน ป้องกันไม่ให้ความร้อนทำอันตรายต่อผิวหนัง สามารถปรับอุณหภูมิได้ถึง 16 ระดับ ตั้งแต่ 80 – 230 องศาเซลเซียส มาพร้อมระบบความปลอดภัยปิดเครื่องอัตโนมัติหากไม่ได้ใช้งานภายใน 60 วินาที
- LESASHA VOLUMIZING HOT AIR STYLER LS1366
หวีเป่าผมแบบแกน ด้ามจับถูกออกแบบให้มีความโค้งเว้ารับกับสรีระมือ จับถือได้ถนัด ซี่หวีเคลือบเซรามิกสลับกับขนแปรงไนลอนที่มีคุณสมบัติช่วยถนอมเส้นผม ให้เส้นผมเรียงเส้น อยู่ทรงนานขึ้น ลดการชี้ฟูที่เกิดจากไฟฟ้าสถิตย์ ปรับความร้อนได้สูงสุดได้เกิน 240 องศา ในเวลาเพียง 60 วินาที ด้วยกำลังไฟ 1,200W สามารถทำได้หลายทรงทั้งผมเรียบตรง ผมสั้นวอลลุ่ม และผมประบ่างุ้มปลาย
- PHILIPS BHH880/00 Black
หวีแปรงเป่าผมแบบแบน ออกแบบให้ใช้งานง่ายด้วยขนาดกะทัดรัด ดีไซน์โค้งมน ตัวแปรงมีเทคโนโลยี Thermo Protect ช่วยควบคุมความร้อนอัตโนมัติที่ 57 องศา ป้องกันไม่ให้ผมโดนความร้อนมากเกินไป สามารถปรับความร้อนได้ 2 ระดับ 170 องศา และ 200 องศา ที่ด้ามหวีมีไฟ LED แสดงสถานะการใช้งาน ช่วยให้ใช้งานง่าย
ทั้งหมดนี้คือสาระความรู้เกี่ยวกับหวีเป่าผมไฟฟ้าที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ ใครที่กำลังมองหา หวีไดร์ เพื่อมาช่วยจัดแต่งทรงผมให้เป็นลุคที่ชอบก็สามารถไปเลือกซื้อหวีทั้ง 5 รุ่น ที่เรานำมาแนะนำกันได้ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็อย่าลืมดูแลสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะของตัวเองควบคู่ไปด้วย เพราะหวีเป็นเพียงแค่อุปกรณ์ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลเส้นผมและจัดแต่งทรงผมเท่านั้น ขอเพียงใส่ใจดูแลเส้นผมอย่างสม่ำเสมอเราก็จะมีเส้นผมที่สวยงาม จัดแต่งทรงง่าย และสุขภาพดีไปนาน ๆ
ที่มาข้อมูล: Apex Medical Center , Raksuay , สาระทีม , Best Review Asia