ในปัจจุบันหลายคนนิยมเข้าครัวทำอาหารกินเองกันมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงสองปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ปีที่ประเทศไทยและทั่วโลกเจอกับการแพร่ระบาดของโควิด ทำให้หลายคนต้องลดการออกไปนอกบ้านและต้องทำงานจากที่บ้าน (WFH) กิจกรรมหลายอย่างถูกรวมไว้ที่บ้าน หลายคนเริ่มมองหาอุปกรณ์ครัวตั้งแต่ช่วงนั้น หนึ่งในตัวเลือกที่หลายคนหามาใช้คือ หม้อทอดไร้น้ำมัน เพราะนอกจากจะทำอาหารได้โดยไม่ต้องใช้น้ำมันแล้ว ยังมาพร้อมกับจุดเด่นอีกมากมาย
หม้อทอดไร้น้ำมันมีข้อดีอะไรบ้าง และควรเลือกซื้ออย่างไร
หากพูดถึงข้อดีของ หม้อทอดไร้น้ำมัน แน่นอนว่าข้อดีแรกคือแม้ว่าจะใช้กับเมนูทอด แต่ก็ทำได้โดยไม่ต้องใช้น้ำมัน ช่วยตอบโจทย์คนรักสุขภาพ นอกจากนี้ระหว่างการใช้งานยังมีช่องให้น้ำมันจากอาหารไหลลงไปในช่องเก็บได้อีกด้วย ทำให้ปริมาณไขมันในอาหารลดลงไปอีก ซึ่งสำหรับวิธีการเลือกหม้อทอดมาใช้งาน แบ่งได้เป็น 2 ข้อ ดังนี้
- เลือกตามขนาดที่เหมาะสม โดยหากเป็นการทำเมนูทั่วไปหรือทำรับประทานแค่ 1 – 2 คน การเลือกหม้อทอดซึ่งมีความจุประมาณ 2 – 3 ลิตร ก็เพียงพอ แต่หากต้องการทำอาหารชิ้นใหญ่โดยไม่หั่น เช่น ทอดปลาทั้งตัว ควรเลือกหม้อทอดที่มีความจุตั้งแต่ 4 ลิตรขึ้นไป หรือมองหาหม้ออบลมร้อน ซึ่งมีระบบการทำงานใกล้เคียงกัน แต่ถูกออกแบบมาให้มีความจุมากกว่า
- เลือกตามรูปแบบการทำงาน แบ่งเป็น 2 ลักษณะคือ แบบใบพาย และแบบตะกร้า โดยแบบใบพายจะมีราคาแพงกว่า แต่ก็ทำเมนูได้หลากหลายกว่า เพราะมีใบพายช่วยคลุกเคล้าส่วนผสม ทำให้สามารถทำเมนูผัดได้ด้วย ส่วนหม้อทอดแบบตะกร้าก็ทำเมนูผัดได้ แต่ต้องหาภาชนะทนความร้อนมาใส่ส่วนผสมทั้งหมด และคลุกเคล้าให้เรียบร้อยตั้งแต่แรก อย่างไรก็ตามรสสัมผัสของอาหารที่ได้จะไม่ดีเท่ากับหม้อทอดแบบใบพาย
ก่อนซื้อควรรู้ หม้อทอดไร้น้ำมัน เหมาะกับเมนูอะไรบ้าง
เมนูที่ทำได้มีมากมาย ตัวอย่างเมนูยอดนิยม เช่น หมูกรอบ ซึ่งใช้เวลาเพียงไม่ถึงชั่วโมงก็ช่วยให้คุณได้หมูกรอบที่ไม่แพ้การทอดด้วยน้ำมัน นอกจากนี้การที่หม้อทอดสามารถปรับอุณหภูมิและตั้งเวลาได้ ทำให้เมนูที่ออกมามีความหลากหลายมากขึ้น ตั้งแต่เมนูง่าย ๆ อย่างเฟรนช์ฟรายส์หรือเมนูที่มีความซับซ้อนอย่างสเต็กปลาก็ทำได้ไม่ยาก หากเป็นหม้อทอดแบบใบพายจะสามารถทำเมนูยอดนิยมอย่างผัดกะเพราได้ด้วย รวมถึงสูตรการทำก็หาได้ทั่วไป เพราะมีคนใช้หม้อทอดมากขึ้นเรื่อย ๆ และแบ่งปันสูตรจำนวนมากที่คุณนำไปทำตามได้
แนะนำ 7 หม้อทอดไร้น้ำมัน ในราคาสบายกระเป๋า
- Gaabor หม้อทอดไร้น้ำมัน 3.5 – 6 ลิตร
ถึงแม้ราคาจะถูกแต่อย่าเพิ่งคิดว่าฟังก์ชันการใช้งานจะน้อยตามราคา เพราะมาพร้อมฟังก์ชันการทำอาหารสูงสุดถึง 8 รูปแบบ ตั้งเวลาได้สูงสุด 30 นาที ปรับอุณหภูมิได้ระหว่าง 80 – 200 องศาเซลเซียส ไม่ต้องกลัวว่าอาหารจะติดตะแกรง เพราะภายในเคลือบสารกันติด สำหรับความจุมีให้เลือกตั้งแต่ 3.5 – 6 ลิตร
- PHILIPS Essential Air Fryer รุ่น HD9200/91
นี่คือหม้อทอดจากแบรนด์ผู้เชี่ยวชาญเครื่องครัวชนิดนี้มานานกว่าสิบปี จึงมั่นใจได้ในคุณภาพ มาพร้อมกับความจุ 4.1 ลิตร และเทคโนโลยีหมุนเวียนความร้อนแบบ Rapid Air เอกสิทธิ์ของแบรนด์ ช่วยให้อาหารสุกกรอบอร่อยอย่างทั่วถึง
- Tefal หม้อทอด 4.2 ลิตร รุ่น EY201866
อีกหนึ่งหม้อทอดจากแบรนด์คุณภาพ มาพร้อมความจุ 4.2 ลิตร ใช้งานง่ายด้วยปุ่มหมุนปรับอุณหภูมิและตั้งเวลาได้สูงสุด 60 นาที ด้วยความจุขนาดนี้ จึงเหมาะกับการทำอาหารสำหรับครอบครัวขนาดใหญ่
- OTTO หม้อทอด รุ่น CO-725
อีกหนึ่งหม้อทอดขนาดกลาง มาพร้อมความจุ 2.8 ลิตร เหมาะกับการทำอาหารสำหรับ 2 – 3 คน ซึ่งจากรีวิวของลูกค้าส่วนใหญ่บอกว่าใช้งานง่ายและคุณภาพคุ้มค่าเกินราคา
- Xiaomi Mi Smart Air Fryer (3.5L)
นี่คือหม้อทอดที่มาพร้อมกับระบบ Smart Control ควบคุมการทำงานผ่านแอป Mi Home ซึ่งตั้งเวลาทำอาหารล่วงหน้าได้ 24 ชั่วโมง รวมถึงมาพร้อมกับเมนูอาหารง่าย ๆ กว่า 50 เมนูภายในแอป รองรับการสั่งงานผ่าน Google Assistant แม้ว่าราคาจะสูงกว่าหลายรุ่นก่อนหน้านี้ แต่ถือว่าคุณภาพเกินราคาไปมาก
- Seagull Crispy Air Fryer ความจุ 3.5 ลิตร
รุ่นนี้มาพร้อมกับเทคโนโลยี Cyclone Air Twin Turbo และใบพัดหมุนเวียนอากาศแบบสองชั้นเพื่อให้อาหารสุกกรอบอย่างทั่วถึง ซึ่งผู้ที่ซื้อไปใช้ส่วนใหญ่รีวิวไว้ว่าทำอาหารออกมาได้ดีมาก ๆ เป็นอีกหนึ่งรุ่นราคาประหยัด ขนาดกำลังพอดี
- Tefal ACTIFRY GENIUS+ ขนาด 1.2 กก.
ปิดท้ายด้วยหม้อทอดแบบใบพาย ซึ่งมาพร้อมกับ 9 โปรแกรมปรุงอาหารอัตโนมัติ ผสานการทำงานเข้ากับใบพายคนอาหาร ช่วยให้คุณไม่ต้องคลุกเคล้าส่วนผสมเอง ระบบควบคุมอุณหภูมิอัจฉริยะ ตั้งอุณหภูมิได้ระหว่าง 70 – 220 องศาเซลเซียส แม้ว่าราคาจะสูงสุดในลิสต์ของเรา แต่ถ้าคุณกำลังมองหาหม้อทอดระบบใบพายก็ต้องรุ่นนี้เท่านั้น
เป็นอย่างไรกันบ้างกับหม้อทอดไร้น้ำมันที่เราเลือกมาแนะนำกันในวันนี้ มีหลากหลายแบรนด์ หลายสไตล์ ตั้งแต่หม้อทอดขนาดเล็กสำหรับคนที่อยู่คนเดียวไปจนถึงหม้อทอดสำหรับใช้ในครอบครัว แม้หลายอย่างจะต่างกัน แต่ทุกรุ่นมาพร้อมราคาที่เหมาะสมกับคุณภาพและฟังก์ชันการใช้งาน เมื่อรู้แล้วว่ารุ่นไหนเหมาะกับคุณแนะนำให้เข้าไปเลือกซื้อมาใช้กันได้ที่ลาซาด้า แพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ที่มีสินค้าคุณภาพให้คุณเลือกซื้อมากมาย พร้อมมีบริการส่งตรงให้ถึงหน้าบ้านคุณ
ที่มาข้อมูล: wongnai , thairath , homestyle , my-best , punpro , kapook
Comments 3