การเล่นเกม เป็นการพักผ่อนอย่างหนึ่งที่ได้รับความนิยม เพราะไม่ต้องออกไปไหนก็มีความสุขอยู่ที่บ้านได้ นอกจากนี้ยังมีเกมมากมายให้คุณได้เลือกเล่น ตั้งแต่เกมสำหรับเล่นคนเดียว เล่นกับ Bot ในโปรแกรม และที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือเกมแบบ Multi-Player ซึ่งคนในทีมสามารถสื่อสารพูดคุยกันได้ขณะเล่นเกม หนึ่งในอุปกรณ์จำเป็นเพื่อให้คุณเล่นเกมได้สนุกมากขึ้นคือ หูฟังเกมมิ่ง
จะเลือกหูฟังเกมมิ่งได้ ต้องรู้จักประเภทหูฟังและระบบเสียง
การเลือกหูฟังนั้น ต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่าคุณชอบหูฟังสไตล์ไหน เพราะแต่ละสไตล์มีจุดเด่นที่ไม่เหมือนกัน โดยที่นิยมกันทั่วไปมี 3 แบบคือ
- In-Ear โดดเด่นเรื่องการตัดเสียงรบกวน
- On-ear โดดเด่นเรื่องคุณภาพเสียงเพราะใช้ไดร์เวอร์ขนาดใหญ่กว่าแบบ In-Ear
- Over-Ear หรือแบบครอบหู ซึ่งให้ทั้งการสวมใส่สบาย ไม่เจ็บหู และคุณภาพเสียงก็ทำได้ดีที่สุดด้วย เพราะเลือกใช้ไดว์เวอร์ได้ขนาดใหญ่ที่สุด
ส่วนอีกเรื่องคือ ระบบเสียง หูฟังมาตรฐานทุกวันนี้จะเป็นแบบสเตอริโอ (ระบบเสียงสองทิศทาง) โดยมีทั้งแบบ 2.0 และ 2.1 โดยแบบหลังจะเพิ่มซับวูฟเฟอร์ให้เสียงเบสด้วย แต่หูฟังระบบนี้เพียงพอกับการใช้งานทั่วไปเท่านั้น หากคุณมองหาหูฟังเพื่อการเล่นเกม (โดยเฉพาะเกมที่เน้นทิศทางการเคลื่อนไหว) ระบบสเตอริโอจัดว่าไม่เพียงพอ เพราะขาดมิติเสียง คุณจำเป็นต้องมองหาหูฟังที่ให้ระบบเสียงรอบทิศทางหรือ Surround โดยเราขอแนะนำให้มองหาหูฟังที่เป็นระบบเสียงแบบ 7.1
มีหูฟังที่เหมาะกับตัวเองแล้ว อุปกรณ์เล่นเกมต้องดีด้วย
การเลือกอุปกรณ์ที่เหมาะกับเกม ก็เป็นสิ่งสำคัญ เช่น หากเป็นเกม PC ก็จำเป็นต้องเลือกคอมพิวเตอร์ที่รองรับการเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล เบื้องต้นควรมี RAM ขั้นต่ำที่ 8 GB รวมถึง CPU และการ์ดจอก็ควรรองรับกราฟิกของเกมด้วย ซึ่งการมองหา Gaming Laptop ก็ตอบโจทย์ในส่วนนี้ได้ โดยมีหลายราคาให้คุณเลือกได้ตามงบประมาณ
ชี้เป้า 7 หูฟังเกมมิ่ง น่าใช้
แล้วก็มาถึงสิ่งที่ทุกคนรอคอย โดยในวันนี้เราได้เลือกหูฟังเพื่อการเล่นเกมมาให้เพื่อน ๆ ถึง 7 รุ่น มีตั้งแต่ราคาหลักร้อยไปจนถึงหลักพัน และมีให้เลือกหลากหลายสไตล์ มาดูกันต่อว่าแต่ละรุ่นมีข้อมูลสเปกและจุดเด่นอะไรบ้าง
1. JWMOVE P10
เริ่มด้วยหูฟังราคาเบา ๆ กันก่อน โดยรุ่นนี้เป็นแบบไร้สาย (True Wireless) มาพร้อมการใช้งานต่อเนื่อง 4-5 ชั่วโมง เคสชาร์จแบตให้แบตเตอรี่มาถึง 1200 mAh ให้คุณชาร์จหูฟังได้ 6 รอบ มี Game Mode ช่วยคุมอัตรา Latency หรือการดีเลย์ของเสียงให้อยู่ในระดับต่ำ ซึ่งผู้ใช้งานรุ่นนี้ส่วนใหญ่รีวิวว่าเสียงดีคุ้มค่ากับราคา โดยเฉพาะย่านเสียงเบสที่ทำได้ดี
2. Tsunami M10
ต่อกันที่อีกหนึ่งหูฟังราคาหลักร้อยแต่คุณสมบัติเกินราคาไปมาก เพราะมาพร้อมกับระบบเสียง 7.1 ให้คุณได้เพลิดเพลินกับทุกการเล่นเกม ตัวหูฟังเป็นแบบครอบหู ใส่สบาย ให้พลังเสียงเต็มอิ่มทุกมิติด้วยไดร์เวอร์ขนาด 50 มม. รุ่นนี้เป็นการเชื่อมต่อแบบ USB จึงเหมาะกับการใช้เล่นเกม PC เป็นหลัก
3. Razer Kraken V3 X
หากพูดถึงอุปกรณ์เล่นเกม ไม่พูดถึงแบรนด์นี้คงไม่ได้ เพราะ Razer มีความเชี่ยวชาญเรื่องอุปกรณ์เล่นเกมจนเป็นที่ยอมรับทั่วโลก สำหรับหูฟังรุ่นนี้เป็นแบบครอบหู ใช้ไดร์เวอร์ Razer TriForce ขนาด 40 มม. พร้อมระบบเสียงแบบ 7.1 จุดเด่นคือ ไมโครโฟนคุณภาพสูงทั้งรับเสียงได้ดีและตัดเสียงรบกวน มาพร้อมกับการเชื่อมต่อแบบ USB หากคุณกำลังมองหาหูฟังที่โดดเด่นทั้งระบบเสียงและไมโครโฟนคุณภาพสูงเพื่อทุกการเล่นเกม ต้องรุ่นนี้เลย
4. JBL Quantum 50
JBL ทำหูฟังเพื่อการเล่นเกมออกมาหลายรุ่น โดยรุ่นนี้ถือเป็นรุ่นเล็กที่สุด เป็นรุ่นที่คนเล่นเกมควรมีเก็บไว้ การเชื่อมต่อเป็นแบบสายสัญญาณ 3.5 มม. ใช้ไดร์เวอร์แบบ Dynamic ขนาด 8.6 มม. โดดเด่นย่านเสียงเบสและเวทีเสียงกว้าง ทำให้ระบุตำแหน่งต่าง ๆ ในเกมได้อย่างชัดเจน
5. SteelSeries Arctis 5
มาในสไตล์หูฟังแบบครอบหู พร้อมระบบเสียงรอบทิศทางเสมือนจริงระบบ 7.1 พร้อมด้วยไมโครโฟนแบบสองทิศทาง เก็บรายละเอียดคมชัดทุกการสื่อสารในเกม จุดเด่นของรุ่นนี้คือไมค์ที่ได้รับการปรับแต่งมาเป็นพิเศษจนได้เสียงรีวิวคะแนนเต็ม 5 ดาวจากผู้ใช้หลายคน
6. JBL Quantum 350
อีกหนึ่งรุ่นจาก JBL โดยรุ่นนี้เป็นหูฟังไร้สายซึ่งใช้งานผ่านการเชื่อมต่อ USB ได้ด้วย มาพร้อมกับไดร์เวอร์ขนาด 40 มม. โดดเด่นด้วยการให้เสียงแบบสมจริง มาพร้อมกับไมโครโฟนที่มีระบบโฟกัสเสียงพูดเพื่อเก็บรายละเอียดทุกการสื่อสารในเกมให้คุณสื่อสารกับเพื่อนร่วมทีมได้แม้ในสภาวะที่มีเสียงรอบข้าง ใช้งานแบบไร้สายได้นาน 22 ชั่วโมง และด้วยการชาร์จเพียง 5 นาที ก็ใช้งานต่อได้อีก 1 ชั่วโมง จัดเป็นอีกรุ่นที่คอเกมตัวจริงไม่ควรพลาด
7. HyperX Cloud Alpha S
แล้วก็มาถึงหูฟังตัวสุดท้ายของเราในวันนี้ โดยเป็นรุ่นล่าสุดจากแบรนด์ HyperX ที่ได้รับการอัปเกรดระบบเสียงให้ดียิ่งขึ้นจนกระทั่งให้เสียงระบบ 7.1 (โดยต้องเชื่อมต่อผ่าน USB Dongle ที่มีมาให้) หูฟังเป็นแบบครอบหู ใส่สบาย เชื่อมต่อด้วยสายสัญญาณ 3.5 โดยสามารถถอดสายได้ มาพร้อมกับแถบเลื่อนปรับเบสที่ตัวหูฟัง และไมโครโฟนแบบสองทิศทางซึ่งสามารถถอดเก็บได้เมื่อไม่ต้องการใช้ รีวิวจากผู้ใช้ส่วนใหญ่บอกว่ารุ่นนี้เหมาะกับเกมที่ต้องการเน้นทิศทางเป็นพิเศษ เช่น แนว FPS
หูฟังที่เราเลือกมาให้ในวันนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะในท้องตลาดยังมีหูฟังที่ราคาแพงกว่านี้ ซึ่งก็มาพร้อมกับเทคโนโลยีพิเศษหลายรูปแบบ แต่หากคุณมองหาหูฟังเพื่อการเล่นเกมทั่ว ๆ ไป ครอบคลุมเกมได้แทบทุกประเภท อย่างน้อยจะต้องมีรุ่นใดรุ่นหนึ่งข้างต้นที่ลงตัวกับความต้องการของคุณ และเนื่องจากระดับราคาที่เราจัดมาให้ในวันนี้มีความหลากหลาย จึงเท่ากับว่าต่อให้คุณจะมีงบเท่าไหร่ ก็สามารถเล่นเกมกับเพื่อน ๆ ได้สนุกไม่แพ้กัน
ที่มาข้อมูล: my-best , my-best , mercular , millionheadpro , computeandmore
Comments 3