นอกจากสารอาหารหลักอย่างคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมันที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันเพื่อให้พลังงานแล้ว วิตามินและแร่ธาตุก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน แม้ว่าจะไม่ได้ให้พลังงาน แต่สองอย่างนี้ช่วยทำให้การทำงานของระบบต่าง ๆ ภายในร่างกายเป็นไปได้ตามปกติ ความแตกต่างของแร่ธาตุกับวิตามินคือร่างกายสังเคราะห์วิตามินบางตัวได้ แต่แร่ธาตุนั้นร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์ขึ้นเองจำเป็นต้องได้รับจากอาหารเท่านั้น ความสำคัญของแร่ธาตุอยู่ตรงที่วิตามินจะทำงานและดูดซึมเข้าสู่ร่างกายไม่ได้เลยหากขาดแร่ธาตุที่จำเป็น จากข้อมูลทางการแพทย์ในปัจจุบันระบุว่าร่างกายต้องการแร่ธาตุ 18 ชนิด แต่แร่ธาตุที่จำเป็นมากและถูกกำหนดไว้ในปริมาณสารอาหารที่ควรบริโภคหรือ RDA ซึ่งมีด้วยกัน 7 ชนิด คือ แคลเซียม ไอโอดีน ฟอสฟอรัส ซีลีเนียม เหล็ก สังกะสี และอีกหนึ่งชนิดที่หลายคนอาจมองข้าม นั่นคือ แมกนีเซียม (Magnesium)
ประโยชน์และความสำคัญของ แมกนีเซียม ต่อร่างกาย
อย่างที่เกริ่นไปแล้วว่าวิตามินจะดูดซึมเข้าสู่ร่างกายและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพจำเป็นต้องอาศัยแร่ธาตุ ความสำคัญอย่างแรกของMagnesiumจึงเป็นการทำงานร่วมกับวิตามิน ซึ่งวิตามินที่แร่ธาตุชนิดนี้มีส่วนช่วยเสริมประสิทธิภาพได้ ได้แก่ วิตามินเอ วิตามินบีชนิดต่าง ๆ วิตามินดี และวิตามินอี โดยจำเป็นต้องทำงานร่วมกับแร่ธาตุชนิดอื่นด้วย และนอกจากความสำคัญในเรื่องนี้แล้ว แร่ธาตุชนิดนี้ยังมีประโยชน์อื่น ๆ อีกอย่างน้อย 6 ข้อ ดังนี้
- ช่วยควบคุมระดับคอเลสเตอรอลในเลือด รวมถึงช่วยควบคุมการเผาผลาญไขมันเพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- มีประโยชน์ต่อการทำงานของหัวใจ เช่น ทำให้หัวใจและหลอดเลือดแข็งแรง ป้องกันโรคหัวใจเฉียบพลัน รวมถึงช่วยลดอาการปวดสำหรับผู้ที่มีอาการกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
- บรรเทาภาวะอาการผิดปกติก่อนมีประจำเดือน หรือที่เรียกว่า Premenstrual Syndrome (PMS)
- มีส่วนช่วยป้องกันโรคต่าง ๆ เช่น หอบหืด ภาวะนิ่วในไตและนิ่วในถุงน้ำดี บรรเทาอาการอาหารไม่ย่อย
- ช่วยป้องกันอาการกล้ามเนื้อหดเกร็งหรืออาการตะคริว จึงเป็นแร่ธาตุที่นักกีฬารวมถึงคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำจะขาดไม่ได้
- เมื่อทำงานร่วมกับแคลเซียม จะช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน เสริมสร้างกระดูกและฟัน รวมถึงช่วยบรรเทาอาการปวดหัวไมเกรน และยังมีส่วนช่วยควบคุมสมดุลของแคลเซียมในร่างกายอีกด้วย
เราจะพบ Magnesiumได้จากอาหารประเภทไหนบ้าง
ในแต่ละวันร่างกายต้องการแร่ธาตุชนิดนี้ประมาณ 200 – 700 มิลลิกรัม (อ้างอิงจากปริมาณสารอาหารที่ควรได้รับหรือ RDA) โดยขึ้นอยู่กับเพศ ช่วงวัย และความจำเป็นต่อร่างกาย เช่น นักกีฬาจะต้องการแร่ธาตุชนิดนี้มากกว่าบุคคลทั่วไป รวมถึงเพศชายจะต้องการมากกว่าเพศหญิง
ซึ่งเราสามารถรับแร่ธาตุนี้ได้จากอาหารประเภทธัญพืชและถั่วต่าง ๆ เช่น เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ถั่วลิสง วอลนัท ถั่วเหลือง ฯลฯ นอกจากนี้ยังพบมากในผักและผลไม้ โดยเฉพาะผักใบเขียวทุกชนิด เพราะแร่ธาตุชนิดนี้คือส่วนประกอบสำคัญในคลอโรฟิลล์หรือสารสีเขียวในพืช สำหรับเนื้อสัตว์จะพบมากในอาหารทะเล เช่น หอยนางรม ส่วนเนื้อสัตว์ประเภทอื่นและผลิตภัณฑ์นมที่ได้จากสัตว์จะมีแร่ธาตุชนิดนี้ค่อนข้างน้อย
เมื่อได้รู้แล้วว่าในแต่ละวันร่างกายต้องการแร่ธาตุชนิดนี้ปริมาณเท่าไร และได้มาจากไหนบ้าง จึงควรรู้ด้วยว่าจะเป็นอย่างไรหากร่างกายขาดแร่ธาตุจำเป็นหรือได้รับในปริมาณไม่เพียงพอต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน อาการที่เห็นได้ชัดคืออาการเกี่ยวกับกล้ามเนื้อ เช่น ตะคริวและกล้ามเนื้อหดเกร็ง นอกจากนี้ยังส่งผลต่อภูมิคุ้มกันของร่างกายด้วย และสำหรับผู้ที่มีอาการไมเกรนอยู่แล้วการขาดแร่ธาตุชนิดนี้อาจส่งผลให้อาการรุนแรงขึ้น รวมถึงยังทำให้แคลเซียมในร่างกายเสียสมดุลได้อีกด้วย
วิธีเลือกอาหารเสริม แมกนีเซียม และข้อควรระวังในการรับประทาน
การรับประทานอาหารในแต่ละวันเพียงอย่างเดียวแม้จะได้แร่ธาตุจากอาหารแต่ละชนิด แต่ปริมาณที่ได้จะไม่สม่ำเสมอ และหากพูดถึงปริมาณแร่ธาตุชนิดนี้ที่ร่างกายจะได้รับในคนบางกลุ่ม เช่น ผู้ที่ไม่กินผักก็จะได้รับแร่ธาตุชนิดนี้ในปริมาณที่ไม่เพียงพอ แต่ปัญหานี้จะหมดไปเพียงคุณเลือกผลิตภัณฑ์เสริมแร่ธาตุให้กับร่างกาย ซึ่งมักจะมาในแบบที่รวมกับแร่ธาตุหรือวิตามินตัวอื่นด้วย
แต่ข้อควรระวังก็คือหากคุณรับประทานถั่ว ธัญพืช และผักผลไม้เป็นประจำอยู่แล้ว ควรหลีกเลี่ยงอาหารเสริมแร่ธาตุตัวนี้ เพราะมีความเป็นไปได้ว่าร่างกายได้รับในปริมาณเพียงพออยู่แล้ว รวมถึงควรรับประทานร่วมกับการเสริมแร่ธาตุชนิดอื่น เช่น แคลเซียมด้วย
สำหรับใครที่ต้องการเพิ่มแร่ธาตุชนิดนี้ วิธีการเลือกแบบง่าย ๆ คือเลือกตามปริมาณ มาตรฐานความปลอดภัย และแหล่งที่มาของแร่ธาตุ โดยเราขอแนะนำว่าควรเลือกแร่ธาตุที่สกัดจากส่วนผสมตามธรรมชาติ เพราะจะดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดีกว่าแบบสังเคราะห์ วิธีสังเกตคือดูจากส่วนผสมบนฉลากผลิตภัณฑ์ เช่น สกัดจากถั่วหรือผักชนิดต่าง ๆ และนี่คือ 3 ผลิตภัณฑ์ที่เราขอแนะนำในวันนี้
- Life Extension
มาในรูปแบบเม็ด บรรจุ 100 เม็ด ปริมาณเม็ดละ 100 มิลลิกรัม จุดเด่นคือเลือกใช้รูปแบบผลึกแร่ธาตุขนาดเล็กทำให้ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- Vistra
ผลิตภัณฑ์บรรจุ 30 เม็ด จุดเด่นของผลิตภัณฑ์นี้คือเป็นทั้งอาหารเสริมแร่ธาตุและวิตามิน โดยมีส่วนผสมของวิตามินบีรวม (B1, B6 และ B12) จึงช่วยดูแลคุณได้ทั้งร่างกายและสมอง
- Amsel
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากแบรนด์ Amsel บรรจุ 30 แคปซูล จุดเด่นของผลิตภัณฑ์ตัวนี้คือให้ทั้งแร่ธาตุและกรดอะมิโนที่จำเป็นกับร่างกาย มีส่วนช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรงและลดภาวะไมเกรนได้
การดูแลร่างกายเป็นสิ่งสำคัญเพราะเมื่อระบบใดระบบหนึ่งของร่างกายทำงานผิดปกติจะส่งผลกับสุขภาพในระยะยาว เมื่อเกิดปัญหาขึ้นแล้วการรักษาให้กลับมาเป็นปกติทำได้ยากรวมถึงใช้เวลานาน การเสริมแร่ธาตุที่จำเป็นในปริมาณที่พอเหมาะจึงเป็นหนึ่งเรื่องที่ทุกคนควรให้ความสำคัญ และด้วยไลฟ์สไตล์ทุกวันนี้ที่ชีวิตเร่งรีบอาจทำให้คุณขาดแร่ธาตุและสารอาหารจำเป็นโดยไม่รู้ตัว การมองหาผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพเพื่อเสริมสิ่งที่ขาดจึงเป็นทางออกที่เหมาะกับทุกคน
ที่มาข้อมูล: megawecare , medthai , foodnetworksolution , mahidol , my-best