ปัญหากลิ่นอับ กลิ่นไม่พึงประสงค์ภายในบ้านเป็นอีกหนึ่งปัญหาน่าหนักใจ ยิ่งในวันฝนตกอากาศชื้นยิ่งมีกลิ่นอบอวลไปทั้งบ้านพาลให้หงุดหงิดรำคาญใจ ยิ่งกับคนที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจอย่างภูมิแพ้ด้วยยิ่งแล้วใหญ่ทรมานมากกว่าคนปกติหลายเท่า วันนี้เราจะมาเผยเคล็ดลับวิธีกำจัดกลิ่นอับที่ไม่พึงประสงค์ในบ้านแบบง่าย ๆ ที่คุณเองก็ทำตามได้ไม่ยุ่งยาก ช่วยให้บ้านหอมสดชื่น ไม่เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคและแบคทีเรีย ช่วยให้สุขอนามัยที่ดีขึ้นของคุณและคนในครอบครัว ส่วนจะมีเคล็ดลับอย่างไรบ้างนั้นตามไปดูกัน
สาเหตุการเกิดปัญหากลิ่นอับภายในบ้าน
ปัญหากลิ่นอับภายในบ้านนั้นจริง ๆ แล้วเกิดได้จากหลากหลายสาเหตุเลย ซึ่งเราสามารถสรุปออกมาเป็นข้อ ๆ ได้ดังนี้
- บ้านอับอากาศไม่ถ่ายเท สภาพบ้านที่อับทึบทำให้อากาศไม่สามารถถ่ายเทได้สะดวกเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหากลิ่นอับกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ ยิ่งตอนที่อากาศชื้นฝนตกก็จะยิ่งทำให้เกิดกลิ่น บวกกับอากาศที่ไม่ถ่ายเทนั้นเป็นแหล่งสะสมชั้นดีของเชื้อโรคและแบคทีเรียก็จะยิ่งทำให้เกิดกลิ่นหนักเข้าไปอีก แถมยังเสี่ยงที่จะสัมผัสกับเชื้อโรคได้อีกด้วย
- กลิ่นอบอวลของอาหาร กลิ่นอับในบ้านบางทีก็เกิดมาจากกลิ่นของอาหารที่ตลบอบอวลสะสมกันเป็นเวลานาน ยิ่งใครที่ชอบนำอาหารกลิ่นฉุนกลิ่นแรงมารับประทานบ่อย ๆ ก็จะทำให้บ้านมีกลิ่นอับ หรือไม่ก็เกิดปัญหาจากห้องครัวกับห้องภายในบ้านไม่แยกออกจากกันเมื่อทำอาหารก็อาจจะทำให้กลิ่นเล็ดลอดเข้าไปภายในบ้านได้
- กลิ่นจากสัตว์เลี้ยง ใครที่เลี้ยงสัตว์จะรู้ดีว่ากลิ่นอับภายในบ้านอาจจะโชยมาจากมุมที่อยู่อาศัยของน้อง ๆ สัตว์เลี้ยงได้ เพราะบริเวณนั้นจะมีฉี่ อึ หรืออาหาร หากปล่อยให้หมักหมมก็จะกลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคและแบคทีเรียซึ่งเป็นบ่อเกิดของกลิ่นอับตามมา
- กลิ่นจากเครื่องปรับอากาศ กลิ่นจากเครื่องปรับอากาศก็เป็นต้นตอของปัญหากลิ่นอับภายในบ้านได้ ยิ่งเครื่องปรับอากาศที่ไม่เคยทำความสะอาดเลยอาจจะมีฝุ่นและกลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งนอกจากจะมีกลิ่นอับแล้วยังก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ ตามมาหากเราสูดดมเข้าไป
- การหมักหมมเสื้อผ้าที่ใส่แล้ว เสื้อผ้าที่เราใส่แล้วหรือเสื้อผ้าที่ซักตากแล้วแห้งไม่สนิทก็ก่อให้เกิด ปัญหากลิ่นอับ ขึ้นมาได้ ดังนั้นจึงไม่ควรหมักหมมเสื้อผ้าใส่แล้วไว้เป็นจำนวนมาก ควรนำเสื้อผ้าไปซักทำความสะอาดและตากให้แห้งอยู่เสมอ รวมถึงสามารถใช้ สเปรย์ฉีดผ้าหอม เพื่อลดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ลงได้
เคล็ดวิธีขจัด ปัญหากลิ่นอับ ภายในบ้าน
- ทำความสะอาดบ้าน
เมื่อบ้านเริ่มมีกลิ่นอับก็ถึงเวลาที่เราจะต้องทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่กันสักที เริ่มจากเปิดประตูหน้าต่างเพื่อระบายลม จะช่วยให้ลมโกรก อากาศถ่ายเทสะดวก กลิ่นก็จะลดลง นอกจากนั้นควรทำความสะอาดจุดอับชื้นต่าง ๆ เช่น โซฟา ผ้าม่าน พรม เพื่อลดการสะสมของเชื้อโรคและแบคทีเรีย อาจจะใช้ผลิตภัณฑ์สเปรย์ฉีดเพื่อปรับกลิ่นให้มีความสดชื่นขึ้นได้
- เครื่องหอม
การใช้เครื่องหอมไม่ว่าจะเป็นสเปรย์ปรับอากาศ ก้านไม้หอมอโรม่า ฯลฯ เหล่านี้จะช่วยปรับอากาศให้ภายในบ้านหอมสดชื่น ช่วยลดกลิ่นอับไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ และยังช่วยให้ผ่อนคลายขึ้นได้ด้วย
- ล้างเครื่องปรับอากาศ
เป็นการกำจัดเชื้อโรคที่อยู่ในไส้กรอกเครื่องปรับอากาศ รวมถึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องปรับอากาศไปในตัวด้วย ซึ่งนอกจากจะกำจัดกลิ่นอับแล้วยังเป็นการลดความเสี่ยงของโรคภูมิแพ้ไรฝุ่น หอบหืด ปอดอักเสบ หลอดลมอักเสบ จมูกอักเสบ และโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจอื่น ๆ
- ทำความสะอาดเสื้อผ้า
หลายครั้งที่ต้นตอของกลิ่นอับมาจากกองเสื้อผ้าที่หมักหมม ยิ่งเจอความชื้นให้อากาศเข้าไปอีกยิ่งกลายเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค ควรหมั่นทำความสะอาดเสื้อผ้าให้สะอาด เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยยับยั้งเชื้อโรค น้ำยาปรับผ้านุ่ม รวมถึงสเปรย์ฉีดผ้าหอมจะช่วยลดปัญหากลิ่นอับลงได้
- สมุนไพรดับกลิ่น
เราสามารถใช้พืชผักสมุนไพรไทย เช่น มะกรูด ตะไคร้ ใบเตย ส้ม การบูร มาวางตามมุมต่าง ๆ ของบ้านโดยเฉพาะในบริเวณห้องน้ำเพื่อดูดซับกลิ่นอับ เพราะสมุนไพรเหล่านี้จะช่วยดูดกลิ่นไม่พึงประสงค์ แถมยังได้กลิ่นหอมสดชื่นเข้ามาแทนอีกด้วย
- ปลูกต้นไม้ฟอกอากาศ
การปลูกต้นไม้ฟอกอากาศไว้ตามมุมต่าง ๆ ของบ้านก็จะช่วยเพิ่มความเขียวขจีและความสดชื่น ช่วยฟอกเอากลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ให้อากาศภายในบ้านบริสุทธิ์ขึ้น
- ผงฟูหรือเบกกิ้งโซดา
ผงฟูหรือเบกกิ้งโซดานอกจากจะใช้ทำอาหารและขนมแล้วยังมีคุณสมบัติช่วยขจัดกลิ่นอับและกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ จะเอาใส่ขวดหรือภาชนะเล็ก ๆ ไปวางตามจุดต่าง ๆ ของบ้าน หรือจะโรยลงบนพื้นตามซอกต่าง ๆ ประมาณ 40 นาที แล้วใช้เครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาดก็จะช่วยลดปัญหากลิ่นอับลงได้
ปัญหากลิ่นอับภายในบ้านไม่ใช่แค่เรื่องของกลิ่นเพียงอย่างเดียวเพราะมันอาจกลายเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของคนในบ้านได้ บ้านไหนที่กำลังปวดหัวกับปัญหากลิ่นอับกลิ่นไม่พึงประสงค์อยู่ลองนำเคล็ดวิธีดี ๆ ที่เรานำมาฝากนี้ไปทำตามกันดูได้เพื่อสุขอนามัยที่ดีของที่อยู่อาศัยและตัวคุณเอง
ที่มาข้อมูล: mamaexpert , jorakay