ใครมีความฝันอยากอยู่ในโลกเสมือนอันเต็มไปด้วยจินตนาการที่คาดไม่ถึง มาทำความรู้จักกับ Metaverse เทคโนโลยีล่าสุดที่จะช่วยให้ความฝันของคุณเป็นจริงกันเลย เพราะหลายบริษัทกำลังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Facebook สื่อโซเชียลยอดนิยมที่ตื่นตัวต่อเทคโนโลยีดังกล่าวเป็นรายแรก ๆ และเมตาเวิร์ส ก็กำลังมีบทบาทต่อชีวิตประจำวันอย่างต่อเนื่อง มีหลายคนจินตนาการว่าในอนาคตผู้คนอาจใช้เวลาอยู่ในโลกเสมือนมากกว่าโลกจริงก็เป็นได้
Metaverse คืออะไร มีหลักการพื้นฐานอย่างไรบ้าง
Metaverse หรือชื่อภาษาไทยตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานว่า “จักรวาลนฤมิต” โดยลักษณะของเทคโนโลยีดังกล่าว คือ การสร้างโลกจำลอง 3 มิติ ซึ่งแตกต่างจากการใช้งานสื่อโซเซียลธรรมดา เพราะผู้ใช้งานสามารถเข้าสู่โลกเสมือน อยู่อาศัยได้จริง
รวมทั้งยังให้คุณสวมบทบาทของบุคคลสมมติ (เป็นตัวละครที่เราเลือกหน้าตา เสื้อผ้า สีผิว อย่างไรก็ได้ ให้นึกถึงเกม Sim) และตัวละครสามารถโต้ตอบบทสนทนาของบุคคลอื่นราวกับว่าบุคคลผู้ที่เรากำลังพูดคุยด้วยนั้นอยู่ตรงหน้าเราจริง ๆ ทั้งที่บุคคลนั้นอาจอาศัยอยู่คนละจังหวัด หรือคนละประเทศเลยก็ได้ โดยพื้นฐานของเมตาเวิร์สประกอบด้วย 2 เทคโนโลยีดังนี้
- AR (Augmented Reality) : ความเป็นจริงเสริม
เทคโนโลยี AR เป็นการแสดงวัตถุของโลกเสมือนบนอุปกรณ์ที่ต้องการให้แสดงภาพออกมา เช่น เกม Pokemon Go ที่มีระบบจับโปเกม่อนด้วยโหมด AR ซึ่งจะปรากฏตัวโปเกม่อนขึ้นมาในพื้นหลังที่อยู่ในโลกจริง
หรือแว่น AR ที่แสดงผลอุณหภูมิ รวมทั้งระยะทางใกล้-ไกลบนเลนส์แว่น รวมทั้งป้ายบอกทางของ Google อันแสดงผลของกราฟิกของลูกศรแสดงทิศทางเลี้ยวบนภาพถ่ายจริง โดยสรุปหลักการของ AR ง่าย ๆ คือ “วัตถุโลกของเสมือนอยู่บนโลกจริง”
- VR (Virtual Reality) : ความเป็นจริงเสมือน
VR แตกต่างจาก AR ตรงที่ “จะรู้สึกถึงความเป็นจริง ในขณะที่เข้าไปอยู่ในโลกเสมือน แต่ตัวอยู่โลกจริง” โดยระบบของ VR จะอยู่บนโลกเสมือนทั้งหมด โดยการเข้าสู่โลกเสมือนต้องใช้แว่นตา VRเสมอ เช่น เกม Resident Evil ที่เมื่อสวมแว่นตาดังกล่าวแล้วจะสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของซอมบี้มากยิ่งขึ้น
หรือเกมที่ออกแบบมาเพื่อออกกำลังกายไปด้วยในตัวอย่าง “Beat Saber” ทำให้ผู้เล่นต้องรำดาบไลท์เซเบอร์ไปตามจังหวะของดนตรี และเกม Star War ที่ให้ผู้เล่นรับบทนักบิน ขับยานต่อสู้กับศัตรู เป็นต้น
Metaverse สร้างความเปลี่ยนแปลงให้โลกอนาคตของเราอย่างไรบ้าง
การเข้ามาของเมตาเวิร์สได้เข้ามาปฏิวัติในหลายวงการ ได้แก่
- การรักษาโรคทางจิตเวช โดยเฉพาะผู้ป่วยกลุ่ม PTSD ที่ไม่สามารถอาศัยอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง เพราะไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้เลย เนื่องจากวนเวียนอยู่กับความทรงจำและสถานที่อันเลวร้าย แต่เมื่ออยู่ในโลกเสมือนจะช่วยบรรเทาให้อาการดีขึ้น เนื่องจากได้ออกแบบสภาพแวดล้อมในเมตาเวิร์สที่ช่วยเยียวยาจิตใจของผู้ป่วย
- พัฒนาระบบการศึกษา มีคำถามว่าในประเทศไทยมีกี่โรงเรียนที่จัดทริปให้นักเรียนไปเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างประเทศบ้าง? คำตอบอาจมีน้อยมาก หรือไม่มีเลย เพราะค่าใช้จ่ายสำหรับการทัศนศึกษาสูงมาก แต่เมตาเวิร์สช่วยให้นักเรียนท่องเที่ยวในโลกเสมือนได้ทันที และภาพกราฟิกก็ออกมาสมจริง ช่วยให้นักเรียนสนใจกับการศึกษารูปแบบใหม่ มีสมาธิต่อการเรียนมากยิ่งขึ้น
- ลดอาชญากรรมสภาพแวดล้อมของโลกเสมือนนั้นไม่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอาชญากรรม เพราะผู้อยู่อาศัยในโลกเสมือนไม่ได้มีร่างกายจริง ๆ ตรงข้ามกับโลกที่อาศัยอยู่ ที่อาจเสี่ยงเกิดการโจรกรรมได้ง่าย แม้ใส่ทองของมีค่าออกจากบ้าน ซึ่งของมีค่าในเมตาเวิร์สมีโอกาสน้อยมากที่จะเกิดการสูญหาย
อาชีพที่คาดว่าจะมาพร้อมกับเมต้าเวิร์ส
- นักดีไซเนอร์โลกเสมือน แม้โลกเสมือนเราไม่ต้องเสียเงินซื้อเสื้อผ้า เพราะระบบได้ออกแบบเสื้อผ้ามาให้อยู่แล้ว แต่ลองนึกถึงเกมออนไลน์ของผู้เล่น Free2Play ที่สกินตัวละครมีจำกัด ตรงข้ามกับผู้เล่นสายเติมที่เสื้อผ้าสวยจนผู้เล่นสายฟรีอิจฉาตาร้อน ซึ่งโลกเสมือนก็เป็นเหมือนกัน เนื่องจากไม่ใช่ทุกคนจะชื่นชอบเสื้อผ้าที่ระบบเสนอมาให้ ทำให้อาชีพดีไซเนอร์มีโอกาสเกิดขึ้น สำหรับรองรับรสนิยมเรื่องแฟชั่นของผู้อยู่อาศัยในเมตาเวิร์ส
- ที่ปรึกษาเรื่องสินทรัพย์ทางการเงิน สินทรัพย์ของโลกเสมือนแตกต่างจากโลกแห่งความเป็นจริงพอสมควร โดยเฉพาะเรื่อง “ความเสี่ยง” เช่น ที่ดินในเมตาเวิร์สมีการแย่งซื้อที่ดินเพื่อเก็งกำไรกันอย่างมาก จนราคาพุ่งสูงเกินกว่า 100 % ภายในเวลาไม่นาน ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติของวงการนี้ และที่ดินหลายแห่งก็ฟองสบู่แตก ทำให้นักลงทุนขาดทุนเป็นจำนวนไม่น้อย ในขณะที่โลกที่เราอยู่อาศัย แม้มีการเก็งกำไรอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้อยู่ในระดับที่ “สูงจนผิดปกติ” และใช้เวลา 10 – 20 ปีขึ้นไป ถึงจะได้กำไรระดับ 100-200% เพราะมีการควบคุมจากภาครัฐอยู่ ด้วยเหตุนี้เองอาชีพ “ที่ปรึกษาสินทรัพย์ทางการเงิน” จึงมีบทบาทช่วยไม่ให้ผู้ที่ต้องการลงทุนเก็งกำไรเผชิญกับความเสี่ยงสูง และช่วยป้องกันการขาดทุนจำนวนมาก
อยากสัมผัสเทคโนโลยี Metaverse ต้องใช้อุปกรณ์อะไรบ้าง
- Oculus Quest 2 ชุดหูฟังเสมือนจริงออลอินวัน
แว่นตา VR หนึ่งในเทคโนโลยี Metaverse น้ำหนัก 503 กรัม พื้นที่เก็บข้อมูล 64 GB แรม 6 GB ความละเอียดสูงถึง 1832 x 1920 พิกเซล แสดงภาพคมชัด ใช้งานได้สูงสุด 3 ชั่วโมง การใช้งานเพียงแค่สวมแว่นตา + หูฟัง VR +บัญชี Facebook ก็สามารถติดต่อกับชุมชน VR ทั่วโลก และให้ความรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในโลกของเกมจริง ๆ
- Zealot G13 IMAX VR 3D
แว่น VR ยังสามารถใช้งานกับสมาร์ทโฟนได้ด้วย และ Zealot ใช้งานได้ดีกับระบบปฏิบัติการ Android ซึ่งแว่นตา VR รุ่นนี้เหมาะกับโทรศัพท์ขนาด 4.7-7 นิ้ว ออกแบบมาให้สวมใส่ง่าย ช่วยให้เล่นเกมบนมือถือแล้วรู้สึกสมจริง ที่สำคัญใช้งานง่ายเพียงแค่เปิดโหมด 3DVR Movie และวางสมาร์ทโฟนบนช่องเสียบตรงกลาง ก็สามารถสัมผัสกับโลกของเกมแล้ว
แม้เมตาเวิร์สจะอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนา และราคาของแว่นตายังสูงมาก จนมีผู้บริโภคน้อยรายที่สามารถเอื้อมถึง แต่ในอนาคตอันใกล้เมตาเวิร์สอาจเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของทุกคน การศึกษาและทำความเข้าใจเทคโนโลยีนี้จึงเป็นเรื่องใกล้ตัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ที่มาข้อมูล: medium , metaevent02 , ttbbank