สำหรับนักดนตรีมือใหม่หัดเล่น ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เราเล่นได้เก่งขึ้นก็คือการมีเวลาซ้อมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถ้าหากเป็นเครื่องดนตรีชิ้นไม่ใหญ่มากอย่าง ไวโอลิน,กีตาร์, ขลุ่ย ฯลฯ เราก็สามารถฝึกซ้อมได้เองที่บ้าน แต่หากเป็นเครื่องดนตรีชิ้นใหญ่ แถมมีส่วนประกอบหลายชิ้นอย่าง “กลองชุด” ก็อาจจะต้องเสียเงินไปซ้อมที่ห้องดนตรี แต่ปัญหานี้จะหมดไปหากเรามี กลองไฟฟ้า (Electric Drums) ที่มีขนาดเล็กกว่าไว้ซ้อมได้เองที่บ้าน
แต่ปัญหาคือกลองที่วางขายอยู่ในตลาดปัจจุบันก็มีด้วยกันหลายรุ่นหลายราคา ทำให้มือใหม่หลายคนเลือกไม่ถูกว่าควรจะซื้อกลองรุ่นไหนดี ดังนั้น เพื่อเป็นตัวช่วยให้กับมือใหม่หัดเล่น วันนี้เราก็มีสาระความรู้เกี่ยวกับกลองชุดไฟฟ้ารวมถึงเทคนิคการเลือกกลองมาฝากกัน
กลองไฟฟ้า แตกต่างจาก กลองชุด ทั่วไปอย่างไร?
แม้ กลองไฟฟ้า กับกลองชุดทั่วไปจะถือเป็นเครื่องดนตรีชนิดเดียวกัน แต่ทั้งคู่ก็มีความแตกต่างกันทั้งในเรื่องของวิธีใช้, แหล่งกำเนิดเสียง และระดับความดังของเสียง ซึ่งสามารถอธิบายเป็นข้อ ๆ ได้ดังต่อไปนี้
- วิธีใช้ กลองชุดไฟฟ้าเวลาจะใช้ต้องเสียบปลั๊กไฟถึงจะมีเสียงออกมาให้ได้ยินผ่านลำโพง ขณะที่กลองของจริงจะตีแล้วมีเสียงภายในตัวเองเลยไม่ต้องเสียบปลั๊ก
- แหล่งกำเนิดเสียง กลองชุดไฟฟ้ามีแหล่งกำเนิดเสียงจาก “โมดูล” (Module) คอยรับสัญญาณจากแป้นของกลองแล้วแปลงออกมาเป็นเสียงให้ผู้เล่นได้ยิน พูดง่าย ๆ ว่า เวลาเราลงไม้กลองไปที่แป้น ก็จะส่งสัญญาณไปที่โมดูล แล้วโมดูลก็จะแปลงสัญญาณดังกล่าวเป็นเสียงที่มีระดับความดังตามน้ำหนักที่เราตี ขณะที่กลองชุดทั่วไปจะสามารถกำเนิดเสียงภายในตัวเองอยู่แล้ว
- การปรับเสียง กลองชุดไฟฟ้าเวลาปรับเสียงจะต้องปรับผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเราสามารถคอนโทรลทุกอย่างจากตรงนี้ ไม่ว่าจะเป็นปรับความดัง, เปลี่ยนรูปแบบเสียง, ปรับเสียงสูง-ต่ำ เป็น ยิ่งเป็นรุ่นที่มีราคาแพงก็ยิ่งมีฟังก์ชันในการปรับตั้งค่าต่าง ๆ มาก ขณะที่วิธีการปรับเสียงของกลองชุดทั่วไปจะทำผ่าน “กุญแจกลอง” ซึ่งต้องไขน็อตที่ยึดหนังกลองให้ตึงหรือคลาย เพื่อปรับเสียงสูง เสียงต่ำ แล้วใช้หูฟัง ไม่มีระบบอิเล็กทรอนิกส์คอยช่วย
ข้อดีที่ทำให้กลองไฟฟ้า เหมาะสำหรับมือใหม่หัดเล่น
แม้ว่าในการเล่นดนตรีระดับมืออาชีพแล้วกลองไฟฟ้าอาจจะยังทดแทนกลองชุดจริง ๆ ไม่ได้ แต่สำหรับมือใหม่หัดเล่นแล้ว กลองชุดไฟฟ้าถือเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์มากกว่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของขนาด, ระบบช่วยเหลือในการฝึกซ้อม รวมถึงระบบเสียงที่หลากหลาย
- กลองชุดไฟฟ้ามีขนาดเล็กกว่า อย่างที่ทราบกันดีว่ากลองชุดของจริงนั้นมีขนาดค่อนข้างใหญ่ มีส่วนประกอบต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก และที่สำคัญคือเคลื่อนย้ายได้ยาก แต่สำหรับกลองชุดไฟฟ้าจะตรงกันข้ามคือมีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา และเชื่อมติดกันเป็นชิ้นเดียว สามารถเคลื่อนย้ายได้ง่ายกว่ามาก
- กลองชุดไฟฟ้าปรับระดับเสียงได้ กลองชุดของจริงจะมีเสียงที่ดังมาก ทำให้เวลาจะเล่นต้องเล่นให้ห้องที่เก็บเสียงเพื่อไม่ให้เสียงไปรบกวนเพื่อนบ้าน แต่สำหรับกลองชุดไฟฟ้าจะไม่มีปัญหาเรื่องเสียงดังเพราะสามารถปรับระดับเสียงได้ตามต้องการ หรือจะใส่หูฟังให้ตัวเองได้ยินคนเดียวก็ยังได้
- กลองชุดไฟฟ้ามีระบบช่วยฝึกซ้อม กลองรุ่นใหม่ ๆ จะมีระบบช่วยฝึกซ้อมสำหรับผู้ที่เพิ่งหัดตีกลอง มีทั้งแบบฝึกหัดการตี แบบฝึกหัดการนับจังหวะ ระบบแบคกิ้งแทรคที่จะช่วยให้มือใหม่พัฒนาฝีมือการเล่นได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงยังมีระบบประเมินศักยภาพของผู้เล่นที่แม่นยำ
- กลองชุดไฟฟ้าเลือกเสียงได้หลากหลาย กลองชุดไฟฟ้าส่วนใหญ่จะมีโมดูลรับสัญญาณจากแป้นของกลองแล้วแปลงออกมาเป็นเสียงให้ผู้เล่นได้ยิน ซึ่งเจ้าตัวโมดูลที่ว่านี้มีเสียงกลองหลากหลายชนิด เช่น เสียงแนวร็อค, แนวแจ๊ส, แนวป๊อป ฯลฯ เราสามารถเลือกใช้ได้ตามความต้องการ
เทคนิคการเลือก กลองไฟฟ้า สำหรับมือใหม่
อย่างที่เราได้บอกไปแล้วว่ากลองแบบไฟฟ้านั้นถูกออกแบบมาเพื่อเป็นตัวช่วยให้ผู้เล่นใหม่พัฒนาฝีมือได้เร็วขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่แล้วกลองแต่ละรุ่นก็จะมีความสามารถพื้นฐานคล้าย ๆ กัน เช่น มีระบบช่วยฝึกซ้อม, มีสมองกลคอยประมวลผล, มีระบบเสียงให้เลือกหลากหลาย เป็นต้น แต่สำหรับใครที่ยังไม่มีประสบการณ์เลือกซื้อกลองมาก่อนเลย วันนี้เราก็มีเทคนิคการเลือกซื้อกลองง่าย ๆ มาแนะนำกัน ส่วนจะมีอะไรบ้างต้องลองไปติดตามกันในแต่ละข้อดังนี้
- เลือกจาก “ราคา” ก่อน
สิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ ในการเลือกซื้อกลองชุดไฟฟ้าก็คือ “ราคา” เพราะถึงต่อให้เราเจอกลองที่เหมาะกับเรา แต่หากราคามันอยู่ไกลเกินเอื้อมก็คงไม่มีประโยชน์ ดังนั้น ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อควรพิจารณาราคาโดยอิงกับประสิทธิภาพตัวสมองกลและแป้นกลอง
ซึ่งกลองชุดไฟฟ้าที่ดีนั้นจะต้องให้เสียงที่เป็นธรรมชาติใกล้เคียงกับกลองชุดของจริงมากที่สุด รวมถึงน้ำหนักมือที่ใช้ในการตีก็ต้องเป็นธรรมชาติใกล้เคียงกับกลองชุดของจริงมากที่สุดด้วยเช่นกัน เพราะหากต่อไปเราเปลี่ยนไปตีกลองชุดของจริงก็จะไม่ต้องปรับอะไรมาก ฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นกลองราคาแพงหรือราคาถูกก็ต้องดูเรื่องประสิทธิภาพเป็นพื้นฐาน แม้จะเป็นกลองราคาถูกแต่หากให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับของจริงก็ถือว่าใช้ได้
- เลือกจากลักษณะการใช้งาน
กลองชุดไฟฟ้ามีทั้งแบบที่เป็น กลองขนาดเล็ก (Electronic Drum Pad) และกลองที่มีลักษณะเหมือนกลองชุดจริง (Electronic Drum Set) โดยกลองขนาดเล็กจะมีแป้นเรียงติดกันตั้งแต่ 4 แป้นไปจนถึง 8 แป้น ใช้พื้นที่ไม่มากเพียงแค่หาโต๊ะหรือขาตั้งมาวางแล้วเสียบปลั๊กก็สามารถใช้งานได้แล้ว เหมาะสำหรับเล่นหรือฝึกซ้อมที่บ้าน
ส่วนกลองที่เหมือนกลองชุดจริงนั้น จะมีการตั้งเครื่องตำแหน่งของกลองแต่ละใบ และคันเหยียบ (Pedal) เหมือนของจริงแทบทุกประการ ทำให้เหมาะกับคนที่เป็นนักดนตรีมืออาชีพไว้ใช้ฝึกซ้อมหรือเล่นตามงานอีเว้นท์ต่าง ๆ
- เลือกจากลักษณะของแป้น
แป้นของกลองชุดไฟฟ้าจะมีด้วยกัน 2 แบบ คือ แป้นยาง (Rubber Pad) และ แป้นตาข่าย (Mesh Heads) โดยแป้นยางจะมีราคาถูก แต่จะให้ความรู้สึกในการตีไม่ดีเท่ากับกลองจริง ๆ และที่สำคัญคือเวลาตียังมีเสียงอยู่ ไม่ได้เงียบ 100%
ส่วนแป้นตาข่ายจะมีราคาที่แพงกว่า แต่จะให้ความรู้สึกในการตีคล้ายกับกลองจริงมากกว่าแป้นยาง แถมแป้นขาต่ายรุ่นใหม่ ๆ ยังถูกออกแบบให้สามารถปรับความตึงของหนังได้ ทำให้เวลาตีจะได้ความรู้สึกเหมือนกับตีกลองจริงมากขึ้น
- เลือกจากประสิทธิภาพของโมดูลหรือสมองกล
โมดูลหรืออาจจะเรียกได้ว่าเป็น “สมองกล” ของกลองชุดไฟฟ้านั้น นอกจากจะคอยแปลงสัญญาณที่เราตีลงไปเป็นเสียงกลองแล้ว มันยังมีฟังก์ชันอื่น ๆ ให้เราเลือกใช้งานด้วย ซึ่งกลองแต่ละรุ่นจะมีความหลากหลายของฟังก์ชันไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและราคาของกลองตัวนั้น ๆ แน่นอนว่ายิ่งสมองกลมีฟังก์ชันให้เลือกใช้งานมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งทำให้เราฝึกเล่นได้ง่ายและรวดเร็วมากเท่านั้น
ทั้งหมดนี้คือสาระความรู้เกี่ยวกับกลองชุดไฟฟ้าที่เราหวังว่าน่าจะเป็นประโยชน์ให้กับคนที่มือใหม่หัดเล่น ขอเพียงแค่ศึกษาข้อมูลก่อนจะเลือกซื้อกลอง และเลือกซื้อกลองไฟฟ้าให้เหมาะสมกับงบประมาณ รวมถึงลักษณะการใช้งาน รับรองว่าต้องได้กลองที่ตอบโจทย์ความต้องการในราคาที่ไม่แพงอย่างแน่นอน
ที่มาข้อมูล: ongartdrums , bestreview , shabumusic , musicarms , bigbromusic