ปัจจุบันกระแส บ้านอัจฉริยะ (Smart Home) ถือว่ามาแรงสุด ๆ อุปกรณ์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าแทบทุกอย่างภายบ้านสามารถสั่งผ่านผ่านหน้าจอสมาร์ทโฟนหรือสั่งการด้วยเสียงได้โดยที่เราไม่ต้องลุกขึ้นไปเปิด-ปิดสวิตช์ด้วยตัวเอง ทุกอย่างเชื่อมต่อกันด้วยเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ทำให้ชีวิตของเราสะดวกมากขึ้น ซึ่งหนึ่งในอุปกรณ์ที่บ้านอัจฉริยะจะขาดไปไม่ได้เลยก็คือ สมาร์ทปลั๊ก และวันนี้เราก็จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับปลั๊กไฟชนิดนี้ พร้อมเคล็ดลับในการเลือกซื้อปลั๊กที่มีคุณภาพ รวมทั้งแนะนำปลั๊กรุ่นที่น่าสนใจด้วย
สมาร์ทปลั๊ก คืออะไร? แตกต่างจากปลั๊กไฟทั่วไปอย่างไร?
สมาร์ทปลั๊กก็เหมือนปลั๊กไฟทั่วไปที่มีหน้าที่จ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ เพียงแต่มันรองรับการเชื่อมต่อกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเพื่อให้ผู้ใช้สามารถควบคุมการทำงานผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนได้จากระยะไกล หรือควบคุมการทำงานผ่านทางเสียงโดยผู้ช่วยอัจฉริยะ (AI) ของแพลตฟอร์มต่าง ๆ
ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าปลั๊กอัจฉริยะนี้ยังมีคุณสมบัติล้ำ ๆ อีกมากมาย ขึ้นอยู่กับว่าเราเลือกซื้อปลั๊กรุ่นไหนและมีคุณสมบัติอะไร ตัวอย่างเช่น ปลั๊กบางรุ่นมีเซนเซอร์ความปลอดภัยที่จะแจ้งเราทันทีที่เกิดเหตุไฟฟ้าลัดวงจร หรือปลั๊กบางรุ่นก็มีระบบตั้งเวลาทำงานอัตโนมัติ ขณะที่ปลั๊กบางรุ่นก็สามารถตัดการทำงานของทีวีเพื่อควบคุมเวลาใช้งานของเด็ก ๆ ในบ้านได้ด้วย
เคล็ดลับการเลือกซื้อ ปลั๊กไฟอัจฉริยะ ให้ได้ของดีมีคุณภาพ
ปัจจุบันมี สมาร์ทปลั๊ก หลายรุ่นจากหลายยี่ห้อที่วางจำหน่ายอยู่ในท้องตลาด มีให้เลือกตั้งแต่ราคาหลักร้อยไปจนถึงหลักพัน ซึ่งการเลือกซื้อปลั๊กอัจฉริยะให้ได้ของดีมีคุณภาพและเหมาะสมกับการใช้งานนั้น ควรพิจารณาจากปัจจัยดังต่อไปนี้
- ระบบการเชื่อมต่อเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ปลั๊กอัจฉริยะที่เราเลือกซื้อนั้นจะต้องรองรับการเชื่อมต่อกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตไร้สายหรือ Wi-Fi ที่บ้านของเราได้ 100% โดยปัจจุบันมาตรฐานการเชื่อมต่อ Wi-Fi มีด้วยกันหลายมาตรฐาน เช่น 802.11a, 802.11b, 802.11g, 802.11n, 802.11ac ฯลฯ ซึ่งในบางครั้งแต่ละมาตรฐานก็ไม่สามารถใช้งานร่วมกันได้ ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องพิจารณาในส่วนนี้ก่อนจะเลือกซื้อ
- กำลังไฟที่ปลั๊กรองรับได้ ปลั๊กอัจฉริยะแต่ละรุ่นถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานร่วมกับอุปกรณ์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินกระแสไฟแตกต่างกัน เช่น บางรุ่นรองรับแค่โคมไฟ หรือหลอดไฟ LED กำลังไฟไม่เกิน 200 – 300W ขณะที่บางรุ่นก็รองรับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟสูง เช่น กาต้มน้ำ, พัดลม, เครื่องชงกาแฟ หรืออุปกรณ์ที่มีกำลังไฟตั้งแต่ 1,800W ขึ้นไป ซึ่งหากเราใช้ปลั๊กเกินกำลังไฟที่ปลั๊กรองรับได้ ก็เสี่ยงเกิดอันตราย
- ระบบสมาร์ทโฮมที่ปลั๊กรองรับ ระบบสมาร์ทโฮมในปัจจุบันมีด้วยกันหลายค่าย เช่น Google Assistant, Amazon Alexa, Apple Home kit ฯลฯ ซึ่งเราต้องพิจารณาให้ดีว่าปลั๊กอัจฉริยะที่เราเลือกซื้อนั้นรองรับระบบสมาร์ทโฮมของค่ายไหนบ้าง โดยดูรายละเอียดจากข้อมูลที่ผู้ผลิตระบุไว้ข้างกล่อง
- ระบบความปลอดภัยของตัวปลั๊ก แม้ว่าปลั๊กอัจฉริยะจะช่วยให้ชีวิตเราง่ายขึ้น แต่หากเราเลือกซื้อของไม่มีคุณภาพมาใช้งานก็อาจทำให้ตัวเราและคนในครอบครัวตกอยู่ในอันตรายได้ เพราะการที่มันเชื่อมต่อกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตอยู่ตลอดเวลาทำให้มันอาจถูกผู้ไม่ประสงค์ดีแฮกเข้าระบบได้โดยที่เราไม่รู้ตัว รวมถึงความปลอดภัยในกรณีที่มีกระแสไฟฟ้าลัดวงจรหรือกระแสไฟฟ้าเกิน ดังนั้นก่อนเลือกซื้อทุกครั้งเราควรอ่านรายละเอียดของสินค้าที่ผู้ผลิตระบุไว้ข้างกล่องอยู่เสมอ
- ระบบควบคุมการทำงานด้วยมือ แม้ว่าปลั๊กอัจฉริยะจะสามารถควบคุมการทำงานผ่านมือถือหรือควบคุมผ่านเสียงได้ แต่ระบบควบคุมการทำงานด้วยมือแบบแมนนวลก็ยังคงต้องมีอยู่ เพราะบางกรณีเราก็ไม่ได้ต้องควบคุมผ่านอุปกรณ์อื่น ๆ ซึ่งการมีปุ่มควบคุมด้วยมือจะช่วยให้การใช้งานมีความยืดหยุ่นและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
แนะนำ 5 สมาร์ทปลั๊ก น่าใช้ประจำปี 2023
สำหรับ ปลั๊กไฟอัจฉริยะ ที่เรานำมาแนะนำกันในวันนี้มีด้วยกันถึง 5 รุ่น จาก 4 ยี่ห้อชั้นนำด้านปลั๊กไฟ ซึ่งแต่ละรุ่นก็มีจุดเด่นต่างกัน เพื่อให้ผู้ใช้เลือกรุ่นที่ตรงกับความต้องการ
- TP-Link Tapo P100
ปลั๊กไฟขนาดกะทัดรัด ผลิตจากวัสดุทนไฟ รองรับปลั๊กแบบ 1 หัวกลม 2 ขาแบน รับกำลังไฟสูงสุดถึง 2,200W รองรับ Wi-Fi 2.4GHz สามารถควบคุมการทำงานผ่านแอปพลิเคชัน Tapo APP บนสมาร์ทโฟน มีฟังก์ชันการทำงานที่หลากหลาย
เช่น การตั้งเวลาล่วงหน้าเพื่อจัดการอุปกรณ์อัตโนมัติ, การตั้งเวลานับถอยหลังเพื่อปิดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงการตั้งเวลาเปิด-ปิดอุปกรณ์อัตโนมัติเสมือนว่ามีคนอยู่ที่บ้าน แถมตัวปลั๊กยังรองรับคำสั่งเสียงผ่าน Amazon Alexa และ Google Assistant อีกด้วย
- HACO HS-SUP10A
ปลั๊กไฟขนาดกะทัดรัดอีกหนึ่งรุ่น มีน้ำหนักเพียง 70 กรัม รองรับกำลังไฟสูงสุดถึง 2,200W รองรับการเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi 2.4GHz สามารถควบคุมการทำงานผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนได้พร้อมกันถึง 3 ปลั๊ก
มีฟังก์ชันการทำงานที่หลากหลาย เช่น ตรวจสอบการใช้พลังงานของอุปกรณ์ต่าง ๆ , ตั้งโปรแกรมเวลาเปิด-ปิดอุปกรณ์แบบอัตโนมัติ แถมยังรองรับคำสั่งเสียงผ่าน Amazon Alexa และ Google Assistant ด้วยเช่นกัน
- TP-Link Tapo P105
ปลั๊กไฟขนาดเล็กรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวปลั๊กไปบังเต้าเสียบในกรณีที่ปลั๊กตัวเมียอยู่ติดกัน รองรับกำลังไฟสูงสุดถึง 1,800W ทำให้สามารถใช้งานร่วมกับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟสูงอย่าง กาต้มน้ำ, เครื่องปิ้งขนมปัง, เครื่องชงกาแฟ ฯลฯ ได้อย่างสบาย
รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 2.4GHz สามารถควบคุมการทำงานผ่านแอปพลิเคชัน Tapo APP บนสมาร์ทโฟน มีฟังก์ชันการใช้งานให้เลือกหลากหลาย เช่น ตั้งค่าเปิด-ปิดอุปกรณ์แบบสุ่ม ทำให้ดูเหมือนว่ามีคนอาศัยอยู่ในบ้านเสมอ ตั้งค่าระยะเวลาการทำงานของอุปกรณ์ เป็นต้น
- LAMPTAN Smart Wifi Socket
ปลั๊กไฟขนาดเล็กดีไซน์เก๋ไก๋รูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีเหลี่ยมมุมให้ความรู้สึกเหมือนตัวต่อเลโก้ รองรับกำลังไฟสูงสุดถึง 2,200W สามารถควบคุมการทำงานผ่านแอปพลิเคชัน LAMPTAN HOME บนสมาร์ทโฟน มีฟังก์ชันการทำงานที่น่าสนใจ
เช่น ตั้งเวลาเปิด-ปิดอุปกรณ์อัตโนมัติ, ตรวจสอบสถานะการใช้ไฟฟ้าได้แบบเรียลไทม์, แจ้งเตือนเมื่อมีกำลังไฟเกินพร้อมระบบตัดไฟอัตโนมัติ โดยตัวปลั๊กมีให้เลือกด้วยกันถึง 4 สี ได้แก่ สีขาว, สีแดง, สีน้ำเงิน และสีเทา
- Homemall Smart Plug Wi-Fi
ปลั๊กไฟดีไซน์แบบตลับทรงกลม ผลิตจากวัสดุพลาสติก ABS ไม่ติดไฟ รองรับปลั๊กแบบ 1 หัวกลม 2 ขาแบน รองรับกำลังไฟสูงสุดถึง 3,840W รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 2.4 สามารถควบคุมการทำงานผ่านแอปพลิเคชัน TuyaSmart หรือ Smart Life บนมือถือได้จากระยะไกล
มีฟังก์ชันการทำงานที่หลากหลาย เช่น ตั้งเวลาเปิด-ปิดอุปกรณ์, ตั้งเวลานับถอยหลัง, ระบบล็อกป้องกันเด็กเปิด-ปิดปลั๊ก แถมยังสามารถแชร์การควบคุมให้กับแขกที่มาบ้านได้ด้วย
ทั้งหมดนี้คือสาระความรู้เกี่ยวกับ สมาร์ทปลั๊ก ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ โดยรวมแล้วถือเป็นอุปกรณ์ที่จะช่วยให้ชีวิตของเราสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เพียงแต่เราต้องมีความรอบคอบในการเลือกซื้อ ต้องพิจารณาถึงปัจจัยต่าง ๆ ก่อนเลือกซื้อปลั๊กชนิดนี้ทุกครั้ง ทั้งนี้ก็เพื่อความคุ้มค่า ตอบโจทย์การใช้งาน และที่สำคัญที่สุดคือเพื่อความปลอดภัยของเราและสมาชิกในครอบครัว
ที่มาข้อมูล: bestreview , 168watt , ai-corporation