เชื่อว่าเพื่อน ๆ ผู้สนใจอยากซื้อเราเตอร์มาติดตั้งภายในบ้านเพราะอยากได้สัญญาณอินเทอร์เน็ตแรง ๆ ครอบคลุมพื้นที่วงกว้าง ต่างตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับเราเตอร์มีสาย กับ เราเตอร์ไร้สาย ว่าทั้ง 2 ประเภทแตกต่างกันอย่างไร เนื่องจากไม่ว่าจะเราเตอร์แบบใดต่างก็ส่งสัญญาณออกมาได้ดี รองรับการดูหนัง หรือเล่นเกมผ่านมือถือก็แทบไม่มีสะดุด แต่แค่อีกแบบไม่มีสายเท่านั้นเอง ดังนั้นเราจึงพาเพื่อน ๆ มาทำความรู้จักกับเราเตอร์ทั้ง 2 แบบให้มากขึ้น
ความแตกต่างระหว่าง เราเตอร์แบบมีสาย กับ เราเตอร์แบบไร้สาย
- เราเตอร์ไร้สาย (Wireless Router)
หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อว่า Wi-Fi router ซึ่งเป็นรูปแบบเราเตอร์ที่พบเห็นได้ทั่วไป โดยการเชื่อมต่อทำได้โดยเข้ารหัสไวไฟของ Router เครื่องนั้น และข้อดีของ Wireless Router ที่หลายคนชื่นชอบคือ รองรับผู้ใช้งานได้จำนวนมาก มีคนใช้งาน 100 คนพร้อมกัน สัญญาณก็ยังคงเสถียร ที่สำคัญแม้อุปกรณ์จะลักษณะแตกต่างกันก็สามารถใช้งานได้อยู่ ไร้อุปสรรคในการเชื่อมต่อ ไม่เหมือนกับ Wired Router ที่อาจไม่รองรับ USB ของสาย Ethernet ของบางรุ่น
- เราเตอร์มีสาย (Wired Router)
Wired Router จำเป็นต้องใช้สาย Ethernet สำหรับการเชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ก โดยข้อดีของการใช้เราเตอร์มีสาย คือ สัญญาณจะเสถียรกว่าอุปกรณ์ที่ใช้สัญญาณไวไฟซึ่งมีโอกาสถูกรบกวนจากคลื่นภายนอกอื่น ๆ
อีกทั้งการอัตราการส่งสัญญาณด้วยสาย Ethernet ย่อมเร็วกว่าการใช้สัญญาณไวไฟและการใช้สายเชื่อมต่อกับอุปกรณ์มีความปลอดภัยมากกว่าการเชื่อมต่อด้วยสัญญาณไวไฟซึ่งมีโอกาสที่บุคคลอื่นจะสามารถล้วงข้อมูลส่วนบุคคลของเราได้
ทั้งนี้ Wired Router มีช่องรับพอร์ตเชื่อมต่อไปยังอุปกรณ์อื่น ๆ ค่อนข้างจำกัด เช่น ถ้า Wired Router เครื่องหนึ่ง มีพอร์ตเชื่อมต่อสาย Ethernet 5 ช่อง หมายความว่าจะเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้พร้อมกันไม่เกิน 5 เครื่อง
ดังนั้นการใช้สายเชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์โดยตรง จะมีข้อจำกัดในด้านที่รองรับอุปกรณ์ได้จำกัด และความยาวของสาย Ethernet ค่อนข้างยาว ทำให้ต้องใช้พื้นที่ในการติดตั้ง Router พอสมควร
ด้วยข้อจำกัดการเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้น้อย ประกอบกับใช้พื้นที่ค่อนข้างมาก ผู้ใช้งานจึงนิยม Wireless Router มากกว่า ทำให้ Wired Router รุ่นปัจจุบันจำนวนไม่น้อยที่มีคุณสมบัติการเชื่อมต่อแบบไวไฟเพื่ออำนวยความสะดวกการใช้งานภายในบ้านหรือสำนักงานขนาดเล็ก
แนะนำ เราเตอร์ไร้สาย ส่งสัญญาณ Wi-Fi ดีเยี่ยม
- Humax Quantum
เราเตอร์ไร้สาย ที่เป็นได้ทั้ง Wired Router และ Wireless Router ภายในตัว มีพอร์ตรองรับการเชื่อมต่อรูปแบบมีสาย (LAN) 4 พอร์ต สัญญาณ Wi-Fi ทำงานบน 2 ย่านความถี่ คือ 2.4 GHz และ 5GHz ความเร็วในการส่งข้อมูลสูงสุดอยู่ที่ 1200 Mbps
ประกอบด้วยเสาอากาศจำนวน 4 เสา สามารถตั้งค่าได้ถึง 5 โหมด ได้แก่ 1.router mode, 2.bridge mode, 3.repeater mode, 4.AP Mode และ 5.PPPOE โดยผู้ใช้งานสามารถเลือกโหมดที่เหมาะสมต่อการทำงานของ Wi-Fi ได้ที่การตั้งค่าของเราเตอร์
- Xiaomi Router 4A
Wireless router จากแบรนด์ Xiaomi ซึ่งประกอบด้วยเสาอากาศ 4 เสา ทำให้สัญญาณกว้างและครอบคลุมทุกพื้นที่ภายในบ้าน นอกจากนี้ยังรองรับคลื่นความถี่ 2 ประเภท ได้แก่ 2.4 GHz, 5GHz และมีพอร์ต WAN 1 * 10 / 100 Mbps
โดยความเร็วของการส่งต่อข้อมูลผ่านสาย LAN สูงสุดถึง 1167 Mbps ที่สำคัญระบบซัพพอร์ตลูกค้าของทาง Xiaomi ก็ดีเยี่ยม สามารถติดต่อผ่านแอปพลิเคชัน และสแกนผ่าน QR Code ใต้กล่อง เพื่อขอรับความช่วยเหลือหากมีปัญหาในการติดตั้งและปัญหาด้านการใช้งาน
- Expose
เราเตอร์จากร้านค้า Expose ประกอบด้วยเสาอากาศจำนวน 4 เสา พอร์ต LAN Ethernet จำนวน 1 ช่อง รองรับการใช้งานทั้งรูปแบบ Wired และ Wireless สามารถใส่ซิมได้ทุกค่ายมือถือ ความแรงสัญญาณอยู่ที่ 300 Mbps รัศมีการกระจายสัญญาณ 25 เมตร ครอบคลุมทุกอาณาเขตบริเวณบ้าน
จึงทำให้เป็น Router อีกตัวที่เหมาะแก่การใช้งานคู่กับกล้องวงจรปิดไร้สาย รวมทั้งกล้องวงจรปิด Wi-Fi ได้ดีเยี่ยม เพราะพื้นที่ครอบคลุมสัญญาณกว้าง นอกจากนี้ยังมีระบบป้องกันการใช้เน็ตและป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลโทรศัพท์ไปยังแฮกเกอร์อีกด้วย
ก่อนซื้อ เราเตอร์ไร้สาย ควรรู้เกี่ยวกับอะไรบ้าง
- เสาสัญญาณ ผู้ใช้งานคงสงสัยกันว่าเสาสัญญาณบนกล่องRouterมีผลต่อความเร็วของสัญญาณหรือไม่ ต้องบอกเลยว่า “มีผล” โดยทั่วไปกล่องเราเตอร์รุ่นปกติ มักมีเพียงเสาอากาศเพียง 1 – 2 เสา แต่สำหรับรุ่นที่ใช้งานกับธุรกิจอาจมีเสามากกว่า 4 ข้าง ยิ่งจำนวนเสามากเท่าไหร่ ย่อมส่งผลต่อความเข้มข้นต่อสัญญาณมากขึ้นเท่านั้น ทั้งนี้มีข้อแนะนำสำหรับการใช้งานเสาอากาศของเราเตอร์คือ ไม่ควรขยับเสาหันไปยังทิศทางใด ทางหนึ่ง เพราะไม่มีผลต่อความเร็วของสัญญาณอินเทอร์เน็ต ถ้าขยับเสาสัญญาณแรงไปก็เสี่ยงหักขาดออกมาอีก ดังนั้นเพียงแค่ตั้งเสาอากาศให้ตรง กล่องเราเตอร์ก็สามารถทำงานได้อย่างปกติแล้ว
- พอร์ตเชื่อมต่อพอต่อการใช้งานหรือไม่ สำหรับผู้ใช้งานสายเกมมิ่งก็คงอยากใช้สัญญาณอินเทอร์เน็ตแรง ๆ ด้วยการเชื่อมต่อกับพอร์ตของกล่อง Router โดยตรงแทนที่จะใช้สัญญาณ Wi-Fi ทำให้ผู้ใช้งานกลุ่มนี้นอกจากต้องพิจารณาเลือกซื้อกล่อง Wi-Fi ที่มีจำนวนเสามาก ๆ แล้ว ต้องเลือกซื้อ Router ที่มีพอร์ต LAN มากกว่า 1 สายด้วย เพื่อรองรับการเชื่อมต่อกับ PC เครื่องอื่น ๆ
- คลื่นความถี่ของผู้ให้บริการแต่ละพื้นที่ แม้ Router จะสามารถรองรับซิมมือถือได้จากทุกค่าย แต่ความแรงของสัญญาณอินเทอร์เน็ตของแต่ละพื้นที่ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับว่าผู้ให้บริการได้รับสัมปทานคลื่นความถี่มีสัญญาณแรงมากพอหรือไม่ และมีเสาอากาศของผู้บริการรายนั้นตั้งอยู่หรือไม่ ดังนั้นหากกำลังมองหาซิมสำหรับใช้งานคู่กับกล่อง Router ต้องตรวจสอบความเร็วของสัญญาณของค่ายมือถือผ่านเว็บไซต์ที่สามารถตรวจเช็กค่าความเร็ว “Internet Speed test” ได้
จะเห็นได้ว่ากล่อง Router ส่วนมากมีคุณสมบัติทั้ง Wired และ Wireless ภายในตัว เพื่อรองรับการใช้งานของกลุ่มผู้บริโภคที่หลากหลาย ซึ่งมือใหม่ที่สนใจอยากซื้อกล่องเราเตอร์ แนะนำพิจารณาถึง 2 ข้อหลัก ๆ คือ 1.จำนวนเสาอากาศ และ 2.พอร์ตเชื่อมต่อ ก็เพียงพอต่อการเป็นเจ้าของ Router สเปกสูงสักเครื่องแล้ว
ที่มาข้อมูล: Tadoo , ACT , TelecomTalk