ยาบำรุงเลือด อาหารเสริมที่มีสรรพคุณหลักในการเพิ่มจำนวนและเพิ่มความแข็งแรงให้กับเซลล์เม็ดเลือดแดง เพื่อให้เซลล์เม็ดเลือดแดงทำหน้าที่ขนส่งออกซิเจนไปยังเนื้อเยื่อและอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ วันนี้เรามีสาระดี ๆ มาแนะนำกัน พร้อมแนะนำผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่ช่วยบำรุงเลือดได้ ตามมาดูพร้อม ๆ กันเลย
ส่วนประกอบหลักของยาบํารุงเลือด มีอะไรบ้าง?
ยาบำรุงเลือด ที่วางจำหน่ายในประเทศไทยมีทั้งแบบที่เลือกใช้สารสกัดจากสมุนไพรเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตที่เห็นได้ทั่วไปในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เช่น ดอกคำฝอย มีสรรพคุณในการขจัดไขมันในเส้นเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนดี หรือโสมตังกุย ที่ช่วยบำรุงให้ร่างกายสามารถผลิตเม็ดเลือดแดงเพิ่มขึ้น เป็นต้น
ส่วนผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบำรุงเลือดอีกแบบที่ได้รับความนิยม เป็นประเภทวิตามินสังเคราะห์ เช่น ธาตุเหล็ก, วิตามินบี 12, โฟเลต และสังกะสี เป็นต้น ซึ่งวิตามินสังเคราะห์ได้รับความนิยมสูง เพราะรวมคุณประโยชน์ที่ช่วยในการบำรุงเซลล์เม็ดเลือดแดง ดังนี้
- ธาตุเหล็ก ช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง
- วิตามินบี 12 ช่วยลดประมาณกรดโฮโมซีสทีนในเลือด รวมถึงช่วยลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมองและโรคหัวใจ
- โฟเลต ช่วยในการพัฒนาเซลล์เม็ดเลือดแดง บำรุงระบบประสาทและสมอง
- สังกะสี ช่วยกระตุ้นให้เกิดการผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดงและเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
ยาบำรุงเลือดทั้งแบบสกัดจากสมุนไพร และแบบวิตามินสังเคราะห์ ต่างก็มีประโยชน์และได้รับความนิยมจากผู้ใช้ ขึ้นอยู่กับว่าผู้ใช้ชื่นชอบอาหารเสริมบำรุงเลือดแบบใด รวมถึงสภาพร่างกายของแต่ละคนว่าเหมาะกับการใช้แบบไหน
4 คุณประโยชน์ที่ร่างกายควรได้รับจากยาบำรุงเลือด
- ช่วยการไหลเวียนโลหิตดีขึ้น เมื่อเซลล์เม็ดเลือดแดงได้รับการบำรุงก็จะทำให้เกิดการไหลเวียนโลหิตในร่างกายดีขึ้น ส่งผลให้เกิดการลำเลียงออกซิเจนไปยังส่วนต่าง ๆ ในร่างกายดีขึ้นด้วย
- เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน เนื่องจากใน ยาบำรุงเลือด อุดมไปด้วยสังกะสีที่มีความสำคัญต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน เมื่อรับประทานยาบำรุงเลือดในปริมาณที่เหมาะสมต่อความต้องการของร่างกาย จะช่วยให้ระดับของสังกะสีในร่างกายเพิ่มสูงขึ้น และส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันร่างกายให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- ช่วยลดความเหนื่อยล้า เมื่อระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้นจะช่วยลดภาระการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกาย ทำให้ร่างกายไม่เหนื่อยล้าง่าย
- ช่วยบำรุงระบบประสาทและสมอง เมื่อเม็ดเลือดแดงมีปริมาณเพิ่มขึ้น สามารถลำเลียงออกซิเจนและน้ำไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ดีขึ้นจึงช่วยลดอาการเหน็บชาได้ รวมถึงลดการเกิดอาการมึนหัว เวียนศีรษะระหว่างวันด้วย
ยาบำรุงเลือด เหมาะกับใครบ้าง?
- ผู้ที่มีภาวะโลหิตจาง ภาวะโลหิตจางเป็นภาวะที่มีจำนวนเม็ดเลือดแดงน้อยกว่าปกติ ส่งผลให้เกิดอาการอ่อนเพลีย หรือหากมีจำนวนเม็ดเลือดแดงน้อยกว่าปกติในระดับอันตรายสามารถทำให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลวได้ ซึ่งการรับประทานยาบำรุงเลือดสามารถช่วยเพิ่มเซลล์เม็ดเลือดแดงที่จะช่วยลดภาวะโลหิตจางได้
- ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ ร่างกายของผู้หญิงตั้งครรภ์ต้องการธาตุเหล็กและสารอาหารอื่น ๆ มากขึ้นกว่าปกติเพื่อให้ทารกในครรภ์นำสารอาหารที่จำเป็นไปใช้ในการเสริมสร้างเซลล์ กระดูก กล้ามเนื้อและระบบประสาท โดยการรับประทานยาบำรุงเลือดจะช่วยให้คุณแม่ตั้งครรภ์และลูกน้อยในครรภ์มีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง
- ผู้ที่อยู่ระหว่างพักรักษาตัวจากการผ่าตัด ยาบำรุงเลือดสามารถช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วขึ้นจากการเพิ่มปริมาณของผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดงและกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตหลังจากได้รับยาบำรุงในปริมาณที่เหมาะสมกับร่างกายต้องการ
- นักกีฬาหรือผู้ออกกำลังกายหนัก ยาบำรุงเลือดเป็นยาบำรุงที่ช่วยในการผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดงและลำเลียงออกซิเจนไปยังกล้ามเนื้อ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ออกกำลังกายไม่เหนื่อยง่าย กล้ามเนื้อทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เคล็ดลับในการรับประทาน ยาบำรุงเลือด ให้ได้ผลมากที่สุด
แม้ว่ายาสำหรับบำรุงเลือดจะให้ประโยชน์กับร่างกายของคนทั่วไปก็ตาม แต่ก็ควรรู้วิธีรับประทานยาบำรุงให้ถูกต้องร่วมด้วย การรับประทานยาได้ถูกต้องเป็นตัวช่วยให้ร่างกายได้รับประโยชน์จากยาบำรุงอย่างเต็มประสิทธิภาพ และไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย โดยเคล็ดลับในการรับประทานยาบำรุงเลือด มีดังนี้
- ปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญแพทย์หรือเภสัชกร ก่อนเริ่มทานอาหารบำรุงเลือด ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพอย่างเภสัชกร หรือแพทย์ก่อนเสมอ เพราะยาบำรุงเลือดเป็นเพียงส่วนช่วยเสริมสารอาหารที่ร่างกายขาดแคลนแต่ไม่ได้ใช้เพื่อรักษาโรคและมีข้อบ่งใช้ที่ควรระมัดระวัง การปรึกษาเภสัช หรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะให้คำแนะนำได้อย่างถูกต้องว่าควรรับประทานอย่างไร หรือแนะนำข้อห้ามในการทานยาบำรุงเลือดพร้อมกับอาหารหรือยาบางประเภท
- ควรรับประทานพร้อมอาหาร เพื่อให้ร่างกายสามารถดูดซึมยาบำรุงได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงอย่างอาการคลื่นไส้หลังจากทานอาหารเสริม จึงควรรับประทานพร้อมกับมื้ออาหารเพราะจะช่วยลดอาการไม่พึงประสงค์
- รับประทานในปริมาณที่เหมาะสม แม้ว่ายาบำรุงเลือดจะมีส่วนช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ไม่ควรรับประทานในปริมาณที่มากเกินความจำเป็นเพราะจะส่งผลเสียต่อร่างกายได้ โดยผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากยาบำรุงในปริมาณมากเกินความจำเป็น ได้แก่ อาการคลื่นไส้ ท้องผูก เป็นต้น
อาหารเสริมบำรุงเลือด ยี่ห้อไหนดี
- Yanhee Himorin
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบำรุงโลหิตยันฮี ฮีโมรินช่วยลดความเสี่ยงจากโรคโลหิตจาง ลดอาการอ่อนเพลีย ช่วยบำรุงสมองและระบบประสาท มีส่วนผสมของวิตามินบี สังกะสี เหล็กและกรดโฟลิค ซึ่งมีสรรพคุณในการบำรุงเลือด
- Swisse Ultivite Multivitamin With Folic Acid
ผลิตภัณฑ์เสริมบำรุงเลือดที่มาพร้อมกับวิตามินรวมหลากชนิด มีส่วนผสมของกรดโฟลิคและเหล็กที่ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงและบำรุงระบบไหลเวียนโลหิตให้ดียิ่งขึ้น พร้อมเสริมวิตามินหลากหลายตัวสำหรับผู้ที่ร่างกายขาดแคลน เช่น วิตามินซี , เบต้าแคโรทีน , กรดอะมิโนจำเป็น แอล-ไลซีน
- Dii No.6 Venus
สมุนไพรบำรุงเลือดสำหรับผู้หญิงที่ไม่เพียงแต่ช่วยปรับสมดุลในร่างกายทำให้เลือดไหลเวียนสะดวก แต่ยังช่วยรักษาระดับฮอร์โมนให้คงที่ เลือกใช้ส่วนผสมจากสารสกัดจากสมุนไพร หากรับประทานเป็นประจำจะช่วยลดอาการไม่พึงประสงค์กระหว่างมีประจำเดือน เช่น อาการปวดท้อง หรืออาการร้อนวูบวาบในร่างกายได้ด้วย
ยาบํารุงเลือด เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีประโยชน์มาก เช่น ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ลดอาการวิงเวียนศีรษะ ลดอาการเหน็บชา ช่วยบำรุงระบบประสาทและเซลล์สมอง เสริมสร้างภูมิคุ้มกันและลดความเหนื่อยล้า เนื่องจากตัวยาจะช่วยให้ร่างกายสามารถผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดงมากขึ้นและกระตุ้นการไหลเวียนให้ดียิ่งขึ้น
แต่การรับประทานยาบำรุงให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับร่างกายควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสมกับที่ร่างกายต้องการ ผู้ที่ต้องการรับประทานยาบำรุงเลือด ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานและควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ หรือเภสัชกรผู้เชี่ยวชาญอย่างเคร่งครัด
ที่มาข้อมูล : megawecare , mbrace.bnhhospital , saldraartuaclinic , siphhospital , hd , medium , naturebiotec , poonrada