ปัจจุบันต้องยอมรับว่าคนไทยหันมาเลี้ยงสัตว์แปลกหรือกลุ่ม Exotic pet อย่างชูการ์ไกลเดอร์ เม่นแคระ ชินชิล่า แมวป่าคาราคัล เต่าซูคาต้า งูคอร์นสเนค ตุ๊กแกลายเสือดาว และอาปาก้า แต่นอกจากกลุ่ม Exotic pet แล้ว ยังมีอีกหนึ่งสิ่งมีชีวิตสุดแปลกที่กำลังได้รับความนิยมไม่แพ้กัน นั่นก็คือสาหร่าย มาริโมะ สาหร่ายสีเขียวเข้มทรงกลมที่มาพร้อมความน่ารัก แต่เจ้าสิ่งนี้คืออะไรและมีวิธีเลี้ยงอย่างไรบ้างนั้น เรามีคำตอบมาฝาก
มาริโมะ คืออะไร ทำไมถึงได้รับความนิยม
เนื่องจากคนที่เลี้ยงมาริโมะนิยมใช้คำว่าเลี้ยง แถมยังเลี้ยงอยู่ในตู้ปลาหรือในโหลแก้วเหมือนการเลี้ยงปลา ทำให้บางคนอาจเข้าใจว่าสาหร่ายมาริโมะเป็นสัตว์ชนิดหนึ่ง แต่ในความจริงแล้วเจ้าสิ่งนี้เป็นพืชน้ำจืด จัดอยู่ในกลุ่มสาหร่ายสีเขียว มีต้นกำเนิดที่ทะเลสาบอะกัง เมืองคุชิโระ ประเทศญี่ปุ่น แต่สามารถพบได้ที่ทางฝั่งยุโรปบริเวณทะเลสาบ Myvatn ประเทศไอซ์แลนด์ และทะเลสาบ Shatskyi ประเทศยูเครน ได้เช่นกัน
สำหรับชื่อทางวิทยาศาสตร์คือ Aegagropila linnaei ชื่อภาษาอังกฤษมีเรียกกันในหลายชื่อ ได้แก่ Moss Ball, Cladophora Ball, Lake Ball หรือ Seaweed Ball พบครั้งแรกในปี ค.ศ. 1820 โดยนักพฤกษศาสตร์ชาวออสเตรเลีย แต่คำว่ามาริโมะเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1890 โดยนักพฤกษศาสตร์ชาวญี่ปุ่น เพราะคำว่า “มาริ” แปลว่าลูกบอล ส่วนคำว่า “โมะ” แปลว่าสาหร่าย ตรงกับรูปลักษณ์ที่มีลักษณะเป็นทรงกลมคล้ายลูกปิงปอง ด้านนอกเป็นโครงสร้างเส้นใยสีเขียวจับนุ่มมือคล้ายกำมะหยี่ทำหน้าที่สังเคราะห์แสง โดยปกติแล้วสาหร่ายชนิดนี้จะเติบโตได้เพียงปีละ 1 เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลางอยู่ระหว่าง 20 – 30 เซนติเมตร ซึ่งขนาดของสาหร่ายจะเป็นตัวกำหนดราคา ยิ่งสาหร่ายโตมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางกว้างยิ่งราคาแพง
วิธีเลี้ยงสาหร่าย มาริโมะ
ปกติแล้วชาวญี่ปุ่นนิยมเลี้ยง มาริโมะ ไว้ตกแต่งตู้เลี้ยงปลาเพื่อความสวยงาม แต่สำหรับคนไทยนอกจากเลี้ยงเพื่อความสวยงามแล้ว ยังเชื่อว่าสาหร่ายชนิดนี้เป็นเครื่องรางที่นำโชคดีเรื่องความรักมาให้อีกด้วย แต่การเลี้ยงสาหร่ายมาริโมะต้องทำอย่างไรบ้างนั้น เรามีคำตอบมาฝาก
- เตรียมอุปกรณ์เลี้ยง ขั้นตอนแรกของการเลี้ยงสาหร่ายมาริโมะคือ การเตรียมอุปกรณ์ในการเลี้ยงให้พร้อม โดยภาชนะที่ใช้ควรเป็นภาชนะใสแสงส่องผ่านได้ อย่างตู้ปลา ขวดแก้ว แก้วน้ำดื่ม โหลแก้ว หรือแก้วไวน์ เพราะสาหร่ายต้องการแสงแดดในการสังเคราะห์แสง ส่วนน้ำสามารถใช้น้ำประปาสะอาดเลี้ยงได้ แต่ต้องพักน้ำล่วงหน้าอย่างน้อย 1 วัน เพื่อให้คลอรีนและสารเคมีระเหยให้หมดก่อนนำมาใช้เลี้ยง นอกจากนั้นแนะนำว่าให้ใส่หิน เปลือกหอย หรือของตกแต่ง จะช่วยให้ดูน่ารักมายิ่งขึ้น
- การเลี้ยงสาหร่าย สำหรับการเลี้ยงสาหร่ายมาริโมะให้เลี้ยงในน้ำที่มีอุณหภูมิระหว่าง 25 – 30 องศาเซลเซียส เนื่องจากน้ำเย็นจะช่วยให้เจริญเติบโตได้ดีกว่าน้ำอุ่น เพราะฉะนั้นจึงไม่ควรนำไปตั้งในจุดที่โดนแสงแดดโดยตรงด้วยจะทำให้น้ำร้อนเกินไป อีกทั้งแสงไฟจากหลอดไฟในบ้านก็เพียงพอต่อการสังเคราะห์แสงแล้ว แต่ถ้าวันไหนอากาศร้อนเกินไปสามารถใส่น้ำแข็งเพื่อปรับอุณหภูมิได้ อย่างไรก็ตามหลังจากเลี้ยงได้สักพักสาหร่ายมาริโมะจะเกิดการปรับตัวและอยู่ในอุณหภูมิที่สูงขึ้น
- การดูแลสาหร่าย ในการเลี้ยงสาหร่ายมาริโมะไม่จำเป็นต้องใส่ปุ๋ย เพราะสาหร่ายสามารถสังเคราะห์แสงได้เอง แต่ให้อาบน้ำให้กับสาหร่ายมาริโมะสัปดาห์ละ 1 – 2 ครั้ง เพื่อช่วยสาหร่ายมาริโมะผลัดขน นอกจากนั้นควรทำความสะอาดภาชนะเลี้ยงสาหร่ายอาทิตย์ละ 2 – 3 ครั้ง
เรื่องระวังเกี่ยวกับการเลี้ยง สาหร่ายมาริโมะ
จากวิธีการเลี้ยงจะเห็นว่าการเลี้ยง สาหร่ายมาริโมะ นั้นไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่เปลี่ยนน้ำและหมั่นทำความสะอาดอยู่เสมอ แต่ถึงอย่างนั้นก็มีหลายจุดที่ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ ดังนี้
- อุณหภูมิและความสะอาด ถ้าสาหร่ายอยู่ในน้ำที่อุณหภูมิสูงเกินไปจะทำให้ขนของสาหร่ายเป็นสีเหลืองหรือสีน้ำตาลและตายได้ นอกจากควรรีบทำความสะอาดน้ำที่ใช้เลี้ยงแล้ว ควรใส่เกลือทะเลลงไปประมาณ 5% เพื่อช่วยให้สาหร่ายปรับสมดุลได้เร็วขึ้น ส่วนขนที่เป็นสีน้ำตาลสามารถใช้นิ้วถูส่วนที่เปลี่ยนสีออกได้ แต่ถ้าสาหร่ายเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลทั้งก้อนแสดงว่าสาหร่ายตายไม่สามารถเจริญเติบโตได้อีก
- รูปร่างของสาหร่ายเปลี่ยนแปลง หากเห็นว่ารูปร่างของสาหร่ายมาริโมะเกิดการเปลี่ยนแปลงให้ใช้นิ้วคนน้ำเบา ๆ เพราะสาหร่ายมาริโมะเป็นพืชมีต้นกำเนิดที่ทะเลสาบอะกัง เมืองคุชิโระ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีกระแสน้ำที่เหมาะกับการดำรงชีวิตของสาหร่ายมาริโมะ ด้วยเหตุนี้การวนน้ำเล็กน้อยจึงเป็นการช่วยให้สาหร่ายเจริญเติบโตได้ดีขึ้นและเป็นก้อนกลมสวยงาม
- ไม่ควรเลี้ยงสัตว์น้ำบางชนิดรวมกับสาหร่ายมาริโมะ ถึงแม้เริ่มแรกสาหร่ายมาริโมะจะเลี้ยงด้วยวัตถุประสงค์เพื่อตกแต่งตู้ปลา แต่ไม่ใช่สัตว์น้ำทุกชนิดที่สามารถเลี้ยงรวมกันได้ เพราะปลาบางชนิดจะกินสาหร่าย ในขณะที่กุ้งจะทำให้ขนของสาหร่ายหลุดออกและทำให้สาหร่ายตายในที่สุด ดังนั้นทางที่ดีควรเลี้ยงสาหร่ายมาริโมะเพียงอย่างเดียว
- มือใหม่ไม่ควรเร่งการขยายพันธุ์ แม้ว่าจะมีการสอนขยายพันธุ์สาหร่ายมาริโมะด้วยการผ่าครึ่งลูก ปั้นเป็นลูกกลมแล้วผูกเชือกไว้หนึ่งสัปดาห์ จากนั้นปล่อยให้สาหร่ายเจริญเติบโต แต่สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งหัดเลี้ยงไม่ควรเร่งการขยายพันธุ์ เพราะอาจทำให้สาหร่ายตายได้ ควรปล่อยให้สาหร่ายขยายพันธุ์ตามธรรมชาติ
เป็นอย่างไรบ้างสำหรับข้อมูลดี ๆ เกี่ยวกับสาหร่าย มาริโมะ ที่นำมาฝากในวันนี้ เรียกได้ว่าอีกหนึ่งสิ่งมีชีวิตที่มีความน่าสนใจ เพราะมีครบทั้งความน่ารักน่าเอ็นดู ไม่ว่าใครเห็นก็ต้องใจฟู และที่สำคัญเลี้ยงง่าย เหมาะกับคนวัยเรียนวัยทำงานที่ไม่ค่อยมีเวลา
ที่มาข้อมูล: Trueid , Anngle , Kapook , Macrazy , Kapook , Iurban