อีกไม่กี่เดือนก็จะถึงเทศกาล วาเลนไทน์ วันที่ 14 กุมภาพันธ์อีกแล้ว ซึ่งหนึ่งในของสำคัญที่จะขาดไม่ได้เลยในวันนี้ก็คือของหวานที่ทำจากส่วนผสมของเมล็ด “โกโก้” หรือ ช็อกโกแลต นั่นเอง โดยเฉพาะคนที่มีคู่แล้วถือว่าขาดไม่ได้เด็ดขาด เพราะถือเป็นสิ่งแทนใจที่สื่อถึงความรักในวันพิเศษ แต่สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกช็อกโกแลตแบบไหนให้เหมาะกับวันพิเศษดังกล่าว วันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับช็อกโกแลตแบบต่าง ๆ และวิธีการเลือกให้เหมาะกับคนพิเศษของเรา รับรองว่าถูกใจคนมีคู่กันอย่างแน่นอน
รู้จักต้นกำเนิดของการมอบ ช็อกโกแลต วันวาเลนไทน์
จุดเริ่มต้นของเทศกาล “วันแห่งความรัก” ของโลกตะวันตก เริ่มขึ้นในสมัยจักรพรรดิคลอดิอัสที่ 2 (Emperor Claudius II) แห่งอาณาจักรโรมัน เมื่อราวคริสต์ศตวรรษที่ 3 โดยในยุคสมัยของพระองค์มีการทำสงครามบ่อยครั้ง ผู้ชายในอาณาจักรถูกเกณฑ์ไปออกรบเกือบหมด และเพื่อป้องกันไม่ให้มีผู้ชายหนีทัพ พระองค์จึงได้ออกกฎ “ห้ามสมรส” เพื่อให้ผู้ชายไปออกศึกโดยไม่ต้องห่วงและกังวลเรื่องครอบครัว ใครฝ่าฝืนมีโทษถึงประหารเลยทีเดียว แต่ไม่ว่ากฎจะเข้มงวดแค่ไหนก็ไม่สามารถห้ามความรักของหนุ่มสาวได้ ทำให้มีชายหญิงหลายคู่แอบแต่งงานกัน โดยมี “นักบุญวาเลนไทน์” ทำหน้าที่เป็นบาทหลวงประกอบพิธีให้อย่างลับ ๆ ต่อมาเมื่อจักรพรรดิคลอดิอัสที่ 2 ทรงทราบเรื่องก็เกิดพิโรธ สั่งประหารนักบุญวาเลนไทน์ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ จึงเป็นที่มาของเทศกาลแห่งความรักในวันดังกล่าวเพื่อระลึกถึงนักบุญวาเลนไทน์นั่นเอง
ส่วนสาเหตุของการมอบ ช็อกโกแลต ให้กันในวันที่ 14 กุมภาพันธ์นั้น เป็นเพราะในสมัยโบราณ ขนมชนิดนี้มีราคาแพงและหายาก นิยมบริโภคกันในหมู่ชนชั้นสูงเท่านั้น ดังนั้นการที่คู่รักมอบขนมชนิดนี้ให้กันจึงเหมือนการแสดงออกถึงความรักที่มีค่ายิ่งกว่าของราคาแพง ที่สำคัญคือมีรสชาติหวานเปรียบได้กับความรักที่กำลังผลิบาน
รู้จักความแตกต่างของช็อกโกแลตประเภทต่าง ๆ
ช็อกโกแลตเป็นขนมหวานที่ผลิตจากเมล็ดของต้นโกโก้ ซึ่งมีถิ่นกำเนิดในอเมริกากลางและอเมริกาใต้ ก่อนจะได้รับความนิยมไปทั่วโลกในช่วงศตวรรษที่ 18 – 19 นิยมใช้เป็นส่วนประกอบของขนมหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นไอศกรีม ลูกอม คุกกี้ หรือเค้ก ในปัจจุบันช็อกโกแลตมีด้วยกันหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทมีส่วนประกอบและรสชาติที่แตกต่างกัน
- Dark Chocolate มีปริมาณของโกโก้ค่อนข้างมาก มีตั้งแต่ 58% ไปจนถึง 99% แต่ส่วนใหญ่จะไม่ต่ำกว่า 70% และใส่น้ำตาลเพียงเล็กน้อย ทำให้มีสีดำ รสชาติเข้มข้น มีรสขมตามธรรมชาติของเมล็ดโกโก้ เหมาะสำหรับใช้ละลายเพื่อทำขนม
- Milk Chocolate มีปริมาณโกโก้ค่อนข้างน้อย ตั้งแต่ 20% ไปจนถึง 38% ส่วนที่เหลือเป็นนม ทำให้มีกลิ่นและรสที่อ่อน รสชาติหวานโดดเด่น ถือเป็นช็อกโกแลตที่ได้รับความนิยมมากที่สุด แต่ไม่เหมาะกับการใช้ละลายเพื่อทำขนม
- White Chocolate ไม่มีส่วนผสมของโกโก้ แต่ใช้บัตเตอร์โกโก้แทน ทำให้มีสีขาว มีรสชาติหอมหวานและนุ่มละมุน
- Chocolate Chip มีลักษณะเป็นเม็ดขนาดเล็ก มีเนยโกโก้ต่ำ ทนความร้อนได้มาก นิยมใช้ทำคุกกี้หรือขนมเค้กร่วมกับขนมประเภทอื่น เช่น มาร์ชแมลโลว์ ถั่ว หรือผลไม้อบแห้ง เพื่อช่วยเพิ่มเนื้อสัมผัส
วิธีเลือกซื้อ ช็อกโกแลต ให้คนพิเศษในวันแห่งความรัก
สำหรับใครที่กำลังมองหา ช็อกโกแลต เพื่อมอบให้กับคนพิเศษในช่วงเทศกาลวันแห่งความรัก วันนี้เรามีวิธีเลือกซื้อให้ได้ของที่มีคุณภาพ มีประโยชน์ต่อร่างกาย และรสชาติถูกปากมาแนะนำกัน
- ระดับความเข้มข้น
อันดับแรกที่ควรต้องพิจารณาก่อนเลือกซื้อช็อกโกแลตให้คนพิเศษของเราก็คือ “ระดับความเข้มข้น” ซึ่งสามารถดูได้จากตัวเลขที่บอกเป็นปริมาณ “เปอร์เซ็นต์” บนบรรจุภัณฑ์ หากมีปริมาณความเข้มข้นสูงตั้งแต่ 58 – 99% จะเรียกว่า Dark Chocolate ซึ่งจะมีรสขมปนหวาน ยิ่งระดับความเข้มข้นสูงรสชาติก็จะยิ่งขมมากขึ้น เพราะมีปริมาณน้ำตาลน้อย แต่หากใครที่ชอบรสหวานเป็นหลักก็ควรเลือกช็อกโกแลตที่มีความเข้มข้นไม่เกิน 70%
- ขนาดของขนม
เนื่องจากช็อกโกแลตเป็นขนมที่มีปริมาณน้ำตาลและไขมันค่อนข้างมาก โดยเฉพาะ Milk Chocolate และ White chocolate ที่มีรสชาติหวานโดดเด่นทำให้เกิดอาการเลี่ยนได้ง่าย ดังนั้น จึงไม่ควรเลือกซื้อช็อกโกแลตที่มีขนาดใหญ่จนเกินไป เพราะผู้ที่เรามอบให้อาจรับประทานไม่หมด แนะนำให้เลือกขนาด 200 กรัม หรือมากสุดไม่ควรเกิน 600 กรัม
- ส่วนผสมของขนม
ส่วนผสมหลัก ๆ ของช็อกโกแลตประกอบด้วยโกโก้ น้ำตาล และบัตเตอร์โกโก้ แต่ขนมบางยี่ห้ออาจมีการเติมสารแต่งกลิ่นและสีประเภทต่าง ๆ ซึ่งแม้จะไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ แต่ก็อาจทำให้รสชาติและกลิ่นดั้งเดิมของช็อกโกแลตสูญเสียไปได้ แนะนำให้เลือกขนมที่ผ่านการปรุงน้อยที่สุด มีส่วนผสมเรียบง่ายที่สุด เพื่อให้ได้ช็อกโกแลตที่รับประทานง่ายและมีรสชาติหวานอย่างเป็นธรรมชาติ
- ตรวจสอบส่วนผสมที่ก่อให้เกิดอาการแพ้อาหาร
ช็อกโกแลตที่วางขายอยู่ตามท้องตลาดมักเพิ่มส่วนผสมของนม ถั่ว และธัญพืชชนิดต่าง ๆ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผู้ที่แพ้อาหารบางชนิด เพื่อป้องกันการเกิดอาการแพ้อาหารจากส่วนผสมที่มีอยู่ในช็อกโกแลตจึงควรตรวจสอบส่วนผสมบนฉลากทุกครั้งก่อนซื้อ
ทั้งหมดนี้คือสาระความรู้เกี่ยวกับการเลือกซื้อช็อกโกแลตในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ซึ่งเราหวังว่าทุกคนจะสามารถเลือกซื้อช็อกโกแลตมาเป็นตัวแทนของความรักให้กับคนพิเศษของตัวเองได้ และอย่าลืมหาดอกกุหลาบสวย ๆ สักดอกมอบให้คู่กันด้วยจะยิ่งสื่อถึงความรักของคุณได้มากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม แม้ช็อกโกแลตจะมีความหมายลึกซึ้งและมีรสชาติอร่อยมากแค่ไหน แต่ก็ไม่ควรรับประทานในปริมาณมากเกินไป เพราะอาจก่อให้เกิดโรคอ้วน โรคเบาหวาน รวมทั้งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิวอีกด้วย
ที่มาข้อมูล : bestreview.asia, thairath, jinpiin, bread-at-home