ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ตโฟนหรือแท็บเล็ตรุ่นไหน ๆ ก็จะต้องมีอุปกรณ์เสริมสำคัญอยู่ชิ้นหนึ่งที่จะต้องใช้งานคู่กันตลอด ซึ่งอุปกรณ์ที่ว่านี้ก็คือสายชาร์จแบตเตอรีนั่นเอง ที่เดี๋ยวนี้เราจะเห็นว่ามีออกมาหลายประเภทมาก ๆ ทั้งแบบธรรมดาทั่วไปและ สายชาร์จเร็ว ที่สะดวกสุด ๆ ประเด็นสำคัญก็คือหลายคนอาจยังสงสัยว่าในความเป็นจริงแล้วเราจำเป็นหรือไม่ที่จะต้องใช้สายแบบชาร์จเร็ว วันนี้เรามาหาคำตอบกัน
สายชาร์จเร็ว กับแบบธรรมดาต่างกันอย่างไร
อันดับแรกเรามาลองดูกันว่าสายชาร์จที่เขาว่าชาร์จแรง แบตเต็มไว และมีการถ่ายโอนข้อมูลที่เร็วกว่าสายชาร์จธรรมดาทั่วไปนั้นมีความแตกต่างกันอย่างไรทั้งในแง่ของการออกแบบและประสิทธิภาพ
- สายชาร์จธรรมดาส่วนใหญ่เป็น Type เก่า อย่างแรกเลยกับการออกแบบสายชาร์จ หากพบว่าสายชาร์จของคุณเป็น USB Type รุ่นเก่าอย่าง Type-A Micro และ USB Type-B Micro ตรงนี้ก็จะพอบอกได้เลยว่านี่คือสายชาร์จธรรมดาทั่วไป ที่ต่อให้คุณจะเอาไปใช้กับหัวชาร์จแบบ Fast Charge ก็ไม่สามารถที่จะใช้งานฟีเจอร์ชาร์จเร็วได้เพราะตัวสายชาร์จออกแบบมาให้รองรับการจ่ายไฟได้น้อยทำให้ปริมาณการจ่ายไฟมีอัตราที่จำกัด
- สายชาร์จแบบเร็วส่วนมากเป็น Type-C เราจะเห็นได้ว่าสมาร์ตโฟนหรือแท็บเลตยุคหลัง ๆ จะมีการใช้งานสายชาร์จแบบ Type-C กันมากขึ้น (ยกเว้นในสมาร์ตโฟนตระกูล iOS ที่ยังคงเป็น Lightning อยู่) ซึ่งสายชาร์จประเภทนี้ส่วนใหญ่จะรองรับฟีเจอร์ชาร์จเร็วที่สามารถนำไปใช้กับหัวชาร์จแบบ Super Charge หรือ Fast Charge ได้ ความต่างด้านวัสดุของสายแบบชาร์จเร็วกับสายทั่วไปก็คือความสามารถในการรับกระแสไฟฟ้าที่มากกว่า ซึ่งคุณสามารถสังเกตได้จากข้างกล่องที่จะมีการระบุว่าสายชาร์จนี้รองรับฟีเจอร์การชาร์จแบบเร็วหรือรองรับกำลังไฟ 2A/3A
ทำไมสายชาร์จที่เร็วถึงเป็นตัวเลือกที่เราแนะนำ
หลังจากที่ได้รู้ถึงความต่างของสายชาร์จแบบเร็วกับสายแบบทั่วไปอาจยังไม่เห็นความจำเป็นของการใช้งานสายชาร์จไวนี้เท่าไหร่ เพราะอาจมองว่าแค่เลือกสายชาร์จให้ตรงกับ Type ของสมาร์ตโฟนก็พอแล้ว แต่คุณรู้หรือไม่ว่าสายแบบชาร์จเร็วนั้นมีดีมากกว่าแค่ทำให้แบตโทรศัพท์เต็มไว เพราะนี่คือเทคโนโลยีที่จะช่วยให้ชีวิตคุณง่ายขึ้นเยอะ
- ความรวดเร็วในการถ่ายโอนข้อมูล อย่างที่รู้กันว่าไฟล์ทั้งภาพและวิดีโอของสมาร์ตโฟนเดี๋ยวนี้มีขนาดที่ใหญ่ใช่เล่น นั่นทำให้การถ่ายโอนข้อมูลจะใช้เวลาค่อนข้างนาน แต่ทุกอย่างจะไวขึ้นถ้าเปลี่ยนมาใช้สายชาร์จไวที่มีความสามารถในการถ่ายโอนไฟล์ข้อมูลได้มากถึง 10 Gbps หรือสองเท่าเมื่อเทียบกับสายทั่วไป
- ฟังก์ชันการเชื่อมต่อที่หลากหลาย โดยหลักแล้วสายชาร์จไวที่เป็น Type-C จะมีสามารถนำไปใช้สำหรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้หลากหลายมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ตทีวี คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต หรือจะเป็นอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ ช่วยให้สมาร์ตโฟนของเราใช้งานฟังก์ชันและฟีเจอร์ที่หลากหลายได้เต็มประสิทธิภาพ จากความ Universal ของตัว Type-C นี้เอง
- การใช้งานที่ง่ายกว่า ใครที่เคยใช้งานสมาร์ตโฟนรุ่นเก่าที่มีช่องเสียบชาร์จแบบเดิมจะเข้าใจดีเลยว่าเวลาจะชาร์จทีหนึ่งก็จะต้องเล็งให้ดีว่าจะเสียบสายชาร์จถูกด้านหรือไม่ รวมไปถึงการเสียบทางฝั่ง USB ด้วย แต่ถ้าเป็น Type-C แทบไม่ต้องคิดเลยเพราะสายชาร์จนี้สามารถใช้งานได้ทั้งสองฝั่ง จะพลิกหงายพลิกคว่ำก็ได้หมด
สายชาร์จเร็ว มีวิธีเลือกอย่างไร
จากข้อดีและฟังก์ชันการใช้งานที่สะดวกสุด ๆ ของสายชาร์จแบบเร็วที่จะช่วยให้ชีวิตของคุณง่าย สะดวก และทำอะไรได้ไวขึ้นหลายเท่า ทีนี้พอตัดสินใจได้แล้วเราลองมาดูวิธีการเลือกซื้อสายแบบชาร์จเร็วกันเลย
- การรองรับ Fast Charge ของสมาร์ตโฟน ก่อนที่จะไปเลือกซื้อสายชาร์จไวมาใช้ คุณต้องดูก่อนว่าสมาร์ตโฟนของคุณนั้นสามารถรองรับฟีเจอร์ Fast Charge หรือไม่ ถ้าคุณใช้ Apple อุปกรณ์ที่รองรับก็จะต้องเป็น iPhone 8 ขึ้นไป แต่ถ้าเป็น Android นี่ต้องดูให้ละเอียดสักหน่อย แต่โดยทั่วไปแล้วถ้าเป็นสมาร์ตโฟนเรือธงที่ใช้หัวแบบ Type-C ส่วนมากก็จะรองรับหมด ซึ่งถ้าใครมี Device หลายเครื่องที่ใช้หัวชาร์จหลายแบบ เราแนะนำให้เลือกแบบ 3 in 1 ไปเลยก็สะดวกดี
- ดูที่กำลังไฟฟ้าที่รองรับ หลักการง่าย ๆ ในการดูว่าสายชาร์จนั้นรองรับฟังก์ชันชาร์จเร็วหรือไม่ ให้ดูว่าตัวสายสามารถขับไฟได้เท่าไหร่ ถ้าชาร์จเร็วจะต้องมากกว่า 1A และถ้าจะให้มั่นใจในคุณภาพควรเลือกสายที่มีเครื่องหมายมาตรฐานรองรับว่าเป็นสายชาร์จแท้เท่านั้น และหากใครมีหัวชาร์จกำลังไฟสูง ก็สามารถเลือกตัวสายที่รองรับไฟแรง ๆ ได้
- อย่าลืมดูหัวชาร์จด้วย อีกหนึ่งส่วนสำคัญที่จะละเลยไม่ได้ก็คือการดูหัวชาร์จด้วยว่ารองรับ Fast Charge หรือไม่ โดยทั่วไปแล้วจะนิยมดูกันที่ Output ของหัวชาร์จ ตัวเลือกที่ดีที่สุดคือ 2.1A ซึ่งเป็นระดับที่ปลอดภัยและอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
ด้วยการเลือกใช้สายชาร์จแบบเร็วจะช่วยให้การใช้งานสมาร์ตโฟนของเราสะดวกขึ้นมาก ๆ ทั้งในแง่ของการชาร์จที่ไวกว่า ใช้เวลาไม่นาน รวมไปถึงความรวดเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลและการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้หลากหลาย ที่ช่วยให้เราสามามารถใช้งานฟีเจอร์ของสมาร์ตโฟนได้คุ้มสุด ๆ แต่ที่สำคัญอีกอย่างก็คือควรเลือกสายชาร์จคุณภาพจากแบรนด์ที่วางใจได้เท่านั้น เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้และเป็นการยืดอายุแบตเตอรี่ของอุปกรณ์ให้ใช้งานได้นานขึ้นด้วย
ที่มาข้อมูล : kapook , priceza