ตัวตึงของวงการองุ่นในช่วงนี้ต้องยกให้ องุ่นไซมัสแคท (Shine Muscat) องุ่นลูกโตสีเขียวผิวตึงให้รสชาติที่หอมหวาน เนื้อกรอบฉ่ำแสนอร่อย เป็นที่ถูกอกถูกใจใครต่อใครมากมาย แท้จริงแล้วไซมัสแคทมีต้นกำเนิดมาจากที่ไหนกันแน่ จีน ญี่ปุ่น หรือว่าเกาหลีใต้ ?
ว่ากันว่า “ไซมัสแคท” เป็นองุ่นสายพันธุ์เก่าแก่ที่สุดในโลกด้วยอายุที่ยาวนานกว่า 3,000 ปี โดยแรกเริ่มมีถิ่นกำเนิดอยู่ในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน จากนั้นจึงแพร่ขยายพันธุ์มายังฝั่งเอเชียด้วยเส้นทางสายไหมทำให้ไซมัสแคทนิยมปลูกกันมากในจีนและเกาหลีก่อนที่จะเข้าสู่ญี่ปุ่นในสมัยเมจิ ช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ตลอดเวลาที่ผ่านมาญี่ปุ่นได้พยายามศึกษาค้นคว้าวิจัยเพื่อพัฒนาสายพันธุ์ขององุ่นชนิดนี้ในทุกด้านทั้งความต้านทานต่อโรค รสชาติ และลักษณะการเจริญเติบโต จนกระทั่งปี ค.ศ. 1988 National Institute of Fruit Tree Science (NIFTS) หรือศูนย์วิจัยพืชผลไม้ของญี่ปุ่น ประสบความสำเร็จในการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างองุ่นพันธุ์ Akitsu21 [Steuben (Vitislabruscana) x Muscat of Alexandria (V. vinifera)] กับองุ่นพันธุ์ Hakunan [Katta Kurgan (V. vinifera) x Kaiji (V. vinifera)] ได้เป็นองุ่นไซมัสแคทที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ให้ผลสีเขียวขนาดใหญ่ กรอบ เนื้อสัมผัสดี มีกลิ่นหอม และแทบจะไร้เมล็ด จึงกลายเป็นองุ่นระดับพรีเมียมที่ได้รับความนิยมทั้งภายในและภายนอกประเทศโดยเฉพาะจีน ฮ่องกง เกาหลี และไต้หวัน
แม้จะพัฒนาสายพันธุ์สำเร็จตั้งแต่ปี ค.ศ. 1988 และทำการขึ้นทะเบียนสายพันธุ์องุ่นไซมัสแคทในปี ค.ศ. 2006 แต่ทางประเทศญี่ปุ่นได้ออกกฎหมายห้ามส่งออกต้นกล้าและเมล็ดพันธุ์พืชผลไม้สำคัญบางชนิดรวมทั้งไซมัสแคทเมื่อต้นปี ค.ศ. 2021 ที่ผ่านมา ซึ่งระหว่างนั้นเมล็ดพันธุ์และต้นกล้าขององุ่นไซมัสแคทได้ถูกลักลอบนำออกไปจากญี่ปุ่นโดยมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่จีนและเกาหลีใต้ ปัจจุบันทั้งสองประเทศต่างให้ผลผลิตขององุ่นไซมัสแคทสูงกว่าญี่ปุ่นหลายเท่าตัว ทั้งตอนนี้ไซมัสแคทยังสามารถปลูกได้ในบริเวณภาคเหนือของประเทศไทยด้วย
ลักษณะเด่นของ องุ่นไซมัสแคท
ผลของ องุ่นไซมัสแคท มีขนาดใหญ่กว่าองุ่นทั่วไป ให้ช่อผลแน่น ผิวองุ่นตึงเรียบเนียน สีเขียวอ่อนสดใส เกือบจะไม่มีเมล็ด (อาจจะเจอเมล็ดเล็ก ๆ ที่ยังไม่พัฒนาอยู่บ้าง) เนื้อองุ่นแน่นมีลักษณะโปร่งแสงคล้ายเจลลี นุ่ม กรอบฉ่ำน้ำ รสชาติหวานหอมละมุน เปรี้ยวน้อย ผิวเปลือกบางแต่ไม่ปริแตกง่าย สามารถรับประทานได้ทั้งเปลือกและเก็บได้นานหลังจากการตัด
ประโยชน์ของ องุ่นไซมัสแคท
- ไซมัสแคทเป็นองุ่นกลุ่มสีเขียวซึ่งมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งเต้านม นอกจากนี้ยังสามารถป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ โรคเกี่ยวกับระบบประสาทและสมอง ลูคิเมีย ทั้งยังช่วยป้องกันการติดเชื้อทั้งจากไวรัสและราได้
- อุดมไปด้วยไฟเบอร์ จึงช่วยกระตุ้นระบบย่อยอาหารได้ดี
- มีวิตามินซีสูง ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและลดการอักเสบของร่างกาย
- ชะลอวัยด้วยการช่วยผลิตคอลลาเจนภายในผิวหนัง
- มีโพแทสเซียมซึ่งช่วยในการปรับสมดุลระดับของเหลวในร่างกาย
- แคลอรีต่ำจึงช่วยในเรื่องการลดน้ำหนัก
- อุดมด้วยไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ เช่น วิตามินเค วิตามินบี 6 แมกนีเซียม แคลเซียม และธาตุเหล็ก จึงให้ประโยชน์ที่หลากหลายต่อร่างกาย
- มีสารอินซูลินซึ่งช่วยเพิ่มการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรตในร่างกาย ทำให้รู้สึกหิวน้อยลง
- น้ำตาลในองุ่นช่วยให้ร่างกายสดชื่น ลดความเหนื่อยล้า และให้พลังงานแก่สมอง
เรียกได้ว่าองุ่นไซมัสแคทอัดแน่นไปด้วยประโยชน์และความอร่อยอย่างแท้จริง ในขณะเดียวกันก็มีขนาดพวงองุ่นที่ค่อนข้างใหญ่อาจจะรับประทานไม่หมดในวันเดียว แถมราคายังค่อนข้างสูง ดังนั้นจึงต้องรู้จักวิธีการเก็บรักษาเพื่อให้คุ้มค่ากับเงินที่ต้องจ่ายไป
วิธีการเก็บรักษาองุ่นไซมัสคัสให้อร่อยนาน
โดยธรรมชาติขององุ่นชนิดนี้ไม่เหมาะกับการเก็บที่อุณหภูมิห้องเนื่องจากอุณหภูมิมีผลต่อความสดและความอร่อย แต่หากไม่สามารถเก็บไว้ได้ในตู้เย็นให้นำเอากระดาษหนังสือพิมพ์มาห่อพวงองุ่นแล้วเก็บไว้ในที่เย็นซึ่งจะเก็บได้ประมาณ 3 วัน และเก็บได้เพียงหนึ่งวันเท่านั้นสำหรับห้องที่มีอุณหภูมิสูง วิธีการเก็บรักษาองุ่นไซมัสแคทที่ถูกต้องคือเมื่อตัดแต่งและแยกผลองุ่นด้วยกรรไกรเรียบร้อยแล้ว ให้ห่อแยกด้วยกระดาษชำระสำหรับงานครัว แล้วนำไปใส่ไว้ในภาชนะที่มีฝาปิด เก็บใส่ตู้เย็นในช่องแช่ผัก เมื่อจะรับประทานจึงค่อยนำออกมาล้างให้สะอาด วิธีนี้จะช่วยให้องุ่นไซมัสแคทคงความสดอร่อยได้นาน 5 – 7 วัน
หากซื้อ องุ่นไซมัสแคท มาเยอะแนะนำให้แยกเก็บบางส่วนไว้ในช่องฟรีซ ซึ่งสามารถเก็บไว้ได้นานถึงหนึ่งเดือนเพียงแต่ต้องแลกกับความกรอบขององุ่นที่ลดลงแต่ก็จะได้เป็นเชอร์เบทองุ่นไซมัสแคทแสนอร่อยมาแทน วิธีการไม่ยุ่งยากเมื่อใช้กรรไกรตัดแต่งและแยกผลองุ่นเรียบร้อยแล้ว นำองุ่นที่ต้องการแช่แข็งไปล้างทำความสะอาดอย่างเบามือด้วยการใช้น้ำไหล จากนั้นใช้ผ้าสะอาดหรือกระดาษชำระสำหรับงานครัวซับน้ำออกให้หมด แล้วนำองุ่นไปใส่ในถุงซิปล็อกสำหรับแช่แข็งโดยจัดวางองุ่นในถุงให้มีระยะห่างแยกจากกัน จากนั้นไล่อากาศออก ปิดปากถุงให้สนิท แล้วนำไปแช่ในช่องฟรีซองุ่นก็จะกลายเป็นเชอร์เบทรสชาติหวาน ๆ หอม ๆ เก็บไว้รับประทานได้นาน
ที่มาข้อมูล: brandinside , fruitage , thairath , miwfood , technologychaoban , hongthongrice , line , abc-cooking , anngle