หากพูดถึง กล่องทีวีดิจิตอล กล่องดาวเทียม และกล่องแอนดรอยด์ หลายคนก็คงสงสัยว่าแตกต่างกันอย่างไร ทำไมหลายคนถึงได้เปรียบเทียบว่าจะเลือกซื้อกล่องแบบใด มาใช้สำหรับการรับชมทีวีดี ? และกล่องแบบใดรองรับรายการทีวีดิจิตอล 48 ช่องได้ ซึ่งเราจะพามาดูกันว่าข้อแตกต่างของกล่องทีวีทั้ง 3 แบบ ต่างกันอย่างไร และจะเลือกใช้แบบไหนที่เหมาะกับคุณ
ข้อแตกต่างระหว่าง กล่องทีวีดิจิตอล กล่องดาวเทียม กล่องแอนดรอยด์
พูดให้เข้าใจง่ายที่สุด กล่องทีวีดิจิตอล คือ การอัปเกรดขั้นเบื้องต้นของฟรีทีวี หากจำกันได้ ทีวีสมัยก่อนต้องมีเสาก้างปลาตั้งอยู่บนทีวี หรือติดตั้งบนหลังคาบ้าน แต่กล่องดิจิตอลช่วยให้คุณสามารถรับชมช่องฟรีทีวีได้สูงสุดถึง 48 ช่อง แบบไม่ต้องมีเสาก้างปลา โดยแต่ละช่องก็มีเนื้อหาคอนเทนต์แตกต่างกันออกไป
- กล่องดิจิตอล มีจุดเด่นหลักๆ คือ เป็นกล่องประเภทมีสาย เชื่อมต่อผ่านสายสัญญาณ HDMI และสัญญาณ AV ซึ่งจะรวบรวมรายการต่าง ๆ มากมายไว้ให้ชมความบันเทิงแบบหลากหลาย
- กล่องทีวีดาวเทียม เป็นกล่องอีกรูปแบบที่ใช้เครือข่ายดาวเทียมในการเชื่อมต่อกับกล่องด้วยคลื่นความถี่ต่างๆ ซึ่งเราสามารถพบเห็นกล่องประเภทนี้กับเครือข่ายมือถือ เช่น กล่อง True ที่มีช่องให้รับชมนอกจากช่องดิจิตอลแล้วยังรับชมช่องอื่นๆ ที่ทรูได้รับลิขสิทธิ์เอง ได้แก่ พรีเมียร์ลีก ลาลีกาสเปน หรือช่องภาพยนตร์ เป็นต้น โดยกล่องดาวเทียมนอกจากต้องเสียค่าบริการกล่องแล้ว ยังอาจเสียค่าบริการรายเดือน/รายปีในกรณีที่รับชมรายการติดลิขสิทธิ์เฉพาะลูกค้ากลุ่มพรีเมี่ยม
- กล่องแอนดรอยด์ เป็นกล่องรูปแบบล่าสุดที่ปรับให้โทรทัศน์ของคุณปรับเปลี่ยนการทำงานคล้ายกับสมาร์ทโฟนของคุณได้ ทำให้รับชมรายการผ่านแอพพลิเคชั่น เช่น Netflix หรือ Disney+ และช่องดิจิตอลทั่วไปได้เลย
เลือก กล่องทีวีดิจิตอล อย่างไรให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์
การเลือกกล่องทีวีดิจิตอลนั้นขึ้นอยู่กับว่าการใช้งานของคุณนั้นเป็นเช่นไร เน้นรับชมความบันเทิงแบบไหน เพื่อให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ผู้รับชมมากที่สุด
- ความคมชัดของภาพ ขึ้นอยู่กับกล่องดิจิตอลที่เลือกใช้ หากคุณเป็นหนึ่งในคนที่ต้องการรับชมแบบ FULL HD 1080 ควรหากล่องทีวีดิจิตอลที่รองรับระบบภาพแบบนี้ด้วย
- ฟังก์ชันเสริม กล่องทีวีแบบดิจิตอลนั้นมีฟังก์ชันให้ลองเล่นได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น การค้นหาช่องแบบอัตโนมัติ การตรวจสอบรายการโปรแกรมล่วงหน้า หรือฟังก์ชันบันทึกรายการที่รับชม หากต้องการฟังก์ชันเสริมแบบไหนสามารถศึกษาข้อมูลก่อนซื้อได้เพื่อให้ได้กล่องที่เหมาะกับตัวเองมากที่สุด
- พอร์ตการเชื่อมต่อ ช่องที่ใช้เสียบพอร์ตก็เป็นเรื่องสำคัญ เพราะแต่ละกล่องทีวีมักมีช่องมาให้เยอะหรือน้อยแตกต่างกันไป การสังเกตว่าคุณต้องการช่องแบบไหนบ้างจะทำให้เลือกได้อย่างตอบโจทย์มากขึ้น
แนะนำ 6 กล่องทีวี ที่น่าสนใจ
1.กล่องรับสัญญาณทีวีดิจิตอล Aconatic
มาพร้อมการรับประกัน 1 ปี รองรับภาพระดับ SD+HD และรับชมได้สูงสุดระดับ Full HD 1080p ในกล่องประกอบด้วย รีโมท สาย AV และสาย HDMI กล่อง Aconatic สามารถเชื่อมต่อกับทีวีในเครือ Aconatic ได้ทุกชนิด ตัวเครื่องด้านนอกไม่มีปุ่มกด ต้องควบคุมผ่านรีโมทเท่านั้น และยังรับชมวิดีโอย้อนหลังได้ด้วย
2.กล่อง TV Digital DVB T2 DVD1
กล่องทีวีดิจิตอลที่ภายในกล่องประกอบด้วย 1.สาย HDMI 2.รีโมท 3.ถ่านรีโมท 4.สาย AV 5.เสาสัญญาณ การเชื่อมต่อเพียงแค่เสียบสาย AV เข้ากับพอร์ตของกล่องสัญญาณ และเชื่อมต่อสาย HDMI เพื่อเชื่อมการทำงานระหว่างตัวกล่อง และโทรทัศน์ เหมาะสำหรับทีวีรุ่นเก่าที่รองรับสาย AV อยู่ หน้าจอ LED แสดงผลด้วยช่องทีวี หากไม่มีรีโมทก็ใช้ปุ่มกดบนหน้าจอแทนได้ และยังรองรับพอร์ต USB สำหรับเชื่อมต่อไฟล์ VDO Audio รวมทั้งบันทึกวิดีโอผ่านพอร์ตได้ด้วยเช่นกัน
3.กล่องรับสัญญาณดาวเทียม PSI รุ่น S2X
PSI S2X เป็นกล่องดาวเทียมที่ไม่รองรับการใช้งานผ่านสัญญาณอินเทอร์เน็ต พูดง่าย ๆ คือเป็นกล่องดาวเทียมทั่วไปนั่นเอง เชื่อมต่อโทรทัศน์ผ่านสาย AV มาตรฐาน และด้วยรูปแบบการรับชมดังกล่าว ทำให้รับชมช่องผ่านสัญญาณ KU-Brand 100 ช่อง และ C- brand อีก 200 ช่อง ซึ่งบางรายการที่ติดลิขสิทธิ์ เช่น รายการพรีเมียร์ลีกของช่องทรู จำเป็นต้องเสียค่าบริการเพิ่มเติมตามที่กำหนด กล่องนี้สามารถเข้าดูได้ทั้งช่องดิจิตอล และช่องดาวเทียม จัดว่าคุ้มค่ามาก
4.กล่องรับสัญญาณดาวเทียม PSI รุ่น S3 Hybrid
กล่องดาวเทียมที่ได้รับการอัปเกรดมาจากรุ่น S2X ตรงที่เพิ่มคุณสมบัติให้เหมือนกับกล่องแอนดรอยด์ได้ด้วยการเชื่อมต่อกับสัญญาณอินเทอร์เน็ต เมื่อเปิดกล่องออกมาจะพบกับอุปกรณ์เสริมอย่างสาย HDMI รีโมท หม้อแปลงไฟ ซึ่งรูปร่างหน้าตาภายนอกกล่อง PSI รุ่นนี้มีขนาดเล็กกะทัดรัด รูปทรงทันสมัย ไม่รองรับพอร์ต AV จึงไม่กินพื้นที่ในการติดตั้งมากนัก และถือว่าคุณภาพคุ้มค่ามากเพราะได้ทั้งภาพคมชัดระดับ HD กล่องเดียวทำหน้าที่ทั้งกล่องทีวี 3 อย่าง และประกันยาวนานถึง 2 ปีเต็มๆ
5. TrueID TV GEN 2 กล่องทรูไอดีทีวี
กล่องแอนดรอยด์ TrueID TV GEN 2 ใช้ระบบปฏิบัติการ Android TV 10 รองรับพอร์ตการเชื่อมต่อ 2 รูปแบบ คือ USB 2.0 และ USB 3.0 ตัวกล่องนำระบบการค้นหาและออกคำสั่งด้วยเสียงอย่าง Google Voice Assistant ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้งานอย่างมาก ส่วนจำนวนคอนเทนต์ของ Gen 2 สามารถรับชมได้ทั้งเนื้อหาจากแอพพลิเคชั่นชื่อดัง เช่น Netflix, YouTube หรือ iQiYi รวมทั้งดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นเพิ่มเติมจาก Google Play Store และรับชมคอนเทนต์ถูกลิขสิทธิ์อื่นๆ ของทรูได้อีกด้วย
6. Xiaomi Mi TV Stick
รูปทรงมองภายนอกก็จัดได้ว่าเร้าใจ ด้วยดีไซน์ที่ออกแบบมาคล้าย Thumb Drive ที่มาพร้อมกับ RAM 1 GB + ROM 8 GB ซึ่งการเชื่อมต่อเพียงแค่เสียบเข้าไปยังโทรทัศน์ที่รองรับพอร์ตเชื่อมต่อโดยตรงได้เลย ไม่จำเป็นต้องใช้สาย HDMI ต่อเหมือนกับกล่องทีวีชนิดอื่น แต่ต้องการเน็ตที่มีความแรงในระดับหนึ่ง สำหรับรับชมผ่านเว็บไซต์ และแอพพลิเคชั่นที่ต้องการ ซึ่งมีข้อเสียบางประการคือ TV stick จะร้อนเร็วมากหากใช้งานไปนานๆ ดังนั้นควรเว้นระยะสักพักก่อนเริ่มใช้งานต่อ
เลือก กล่องทีวีดิจิตอล จะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์หรือไม่
ผู้ซื้อกล่องทีวีหลายคนพบปัญหาหลังการใช้งานโดยทั่วไป คือใช้งานไม่คุ้มค่ากับการซื้อกล่องมา ซึ่งกล่องทีวีดิจิตอลเหมาะกับผู้ใช้งานไม่ต้องการเน้นรับชมคอนเทนต์ผ่านทางโทรทัศน์มากนัก หรือเป็นกลุ่มผู้ใช้งานทีวีรุ่นเก่าที่มีความประสงค์เปลี่ยนโทรทัศน์ให้รับชมช่องทีวีดิจิตอลได้ หากเป็นผู้ชมกลุ่มนี้ก็สามารถเลือกรับชมผ่านกล่องดิจิตอลได้
ส่วนกล่องทีวีชนิดดาวเทียม และแอนดรอยด์ เหมาะสำหรับผู้ชื่นชอบคอนเทนต์เฉพาะ หรือดูหนังร่วมกับสมาชิกครอบครัวอยู่เป็นประจำ ดังนั้นก่อนการซื้อทุกครั้ง จึงควรสำรวจไลฟ์สไตล์ของตัวเองเสียก่อนว่าชอบใช้โทรทัศน์ หรืออุปกรณ์รับชมชนิดอื่นมากกว่ากัน อาจต้องสังเกตเสียหน่อยว่ากล่องทีวีเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ในการรับชมมากกว่าหรือไม่ จึงควรศึกษาข้อมูลพื้นฐานกล่องให้ดีก่อนซื้อทุกครั้ง
ที่มาข้อมูล: trueid , chorchaichana , specphone , my-best