เชื่อว่าผู้ชื่นชอบการถ่ายรูปคงอยากมีสมาร์ตโฟนสเปกสูง ภาพที่ออกมาคมชัดใช่หรือไม่ ? แต่การเลือกซื้อ มือถือกล้องเทพ ถ่ายรูปดีสักเครื่อง หลายคนต้องเปรียบเทียบแล้วเปรียบเทียบอีกว่าแบรนด์ใดคุณภาพดีกว่า อีกทั้งสมาร์ตโฟนบางยี่ห้อมีฟังก์ชันเสริมให้ถ่ายรูปได้น่าสนใจยิ่งขึ้นด้วยเหตุนี้เอง เราจึงนำมือถือกล้องสเปกดีมาแนะนำให้ทุกคนรู้จักกัน รวมทั้งหลักการเลือกกล้องถ่ายรูปมือถือที่ควรรู้
มือถือกล้องเทพ สเปกสูงน่าซื้อสักเครื่อง
1. POCO C40
กล้องมือถือสเปกดีมาพร้อมขนาดแบตเตอรี่ 6,000 mAh หน้าจอรูปแบบ IPS LCD 6.71 นิ้ว ความละเอียดของหน้าจออยู่ที่ HD+(720 x 1650) ซึ่งหน้าจอ IPS จัดว่าสว่างสูงกว่าหน้าจอ AMOLED แต่ด้วยเหตุนี้เองหน้าจอ IPS จึงกินพลังงานสูงมากกว่าด้วย ในด้านของกล้องถ่ายรูป POCO C 40 ใช้กล้องหลัง 2 ตัว ได้แก่ กล้องหลัก 13 MP +กล้อง Depth 2 MP มาพร้อมกับกล้องหน้า 5 MP รูรับแสงขนาด f/2.2 แถมเพิ่มฟังก์ชัน Sunlight Mode Display ที่ช่วยให้การถ่ายรูปกลางแดดดียิ่งขึ้น
2. Redmi Note 11S
จัดว่าเป็นอีกมือถือกล้องสเปกสูงที่ไม่ควรมองข้าม โดยตัวเครื่องขนาด 6.43 นิ้ว แบตเตอรี่ 5,000 mAh ใช้องค์ประกอบกล้อง 4 เลนส์ ได้แก่ กล้องหลัก 108 MP +กล้องอัลตร้าไวด์ 8 MP +กล้องมาโคร 2 MP +กล้อง Depth 2 MP รูรับแสงกล้องหลังใช้รูปแบบ f/1.9 และใช้กล้องหน้าขนาด 16 MP พร้อมรูรับแสง f/2.4 หน้าจอแสดงผลใช้รูปแบบ AMOLED แสดงความละเอียด 1080 x 2400 พิกเซล การถ่ายรูปของสมาร์ตโฟนรุ่นนี้มาพร้อมกับโหมดถ่ายรูปหลายแบบ ได้แก่ ปรับรูรับแสงตั้งแต่ f/1.0 ถึง f/16 ที่มีความเบลอน้อยสุด หรือตั้งค่าโหมด Pro ซึ่งช่วยให้ปรับแต่งภาพถ่าย ค่ารูรับแสง รวมไปถึง White Balance ได้อีกด้วย
3. ViVo V25
มือถือกล้องเทพหน้าจอขนาด 6.44 นิ้ว แบตเตอรี่ความจุ 4,500 mAh ใช้หน้าจอรูปแบบ AMOLED ความละเอียดระดับ 1080 x 2404 พิกเซล ใช้กล้องหลัง 3 เลนส์ ได้แก่ กล้องหลักขนาด 64 MP รูรับแสง f/1.79 +กล้องมาโคร 2 MP รูรับแสงกว้าง f/2.4 และกล้อง wide – angle 8 MP รูรับแสง f/2.2 รวมทั้งใช้กล้องหน้าขนาด 50 MP รูรับแสง f/2.0 นอกจากเลนส์กล้องมีความแตกต่างรองรับการถ่ายรูปหลายโหมดแล้ว ยังมาพร้อมกับฟังก์ชัน Human Eye Tracking ช่วยให้โฟกัสดวงตา และใบหน้าได้ดียิ่งขึ้น สาว ๆ หลายคนต้องหลงใหลไปกับ Vivo V24 แน่นอน
4. iPhone 14 Pro
มือถือถ่ายรูปสเปกดีiPhoneจากค่ายแอปเปิลต้องติดอันดับด้วยแน่นอน ด้วยหน้าจอใช้รูปแบบ Super Retina XRD ที่ช่วยให้แสงดูสดกว่า Amoled และ LCD ทั่วไปอย่างมาก มาพร้อมกับความละเอียด 2532 x 1170 พิกเซล ขนาดหน้าจอ 6.1 นิ้ว กล้องหลัง 3 ตัว ได้แก่ กล้องหลักความละเอียด 48 MP รูรับแสงขนาด f/1.78 กล้องอัลตร้าไวด์ 12 MP รูรับแสง f/2.2 และกล้องเทเลโฟโต้ 12 MP ถึงแม้ขนาดกล้องจะต่ำกว่ามือถือแอนดรอยด์หลายแบรนด์ แต่ฟังก์ชันการถ่ายรูปก็น่าสนใจไม่น้อย เช่น เซ็นเซอร์ Quad-pixel ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมา ทำให้ถ่ายรูปได้ดีกว่ากล้องมือถือขนาดพิกเซลสูงกว่า
5. Samsung Galaxy S23 Ultra
ถ้าพูดถึงมือถือถ่ายรูปจะขาดรุ่นนี้ไปไม่ได้เลย เพราะเปิดตัวมาด้วยหน้าจอขนาด 6.8 นิ้ว แบตเตอรี่ความจุ 5,000 mAh ทั้งยังมีระบบชาร์จไว 45 W มาพร้อมหน้าจอรูปแบบ Dynamic AMOLED 2X ความละเอียดระดับ WQHD+ 3080 x 1440 มีกล้องหลังทั้งหมด 4 เลนส์ ได้แก่ กล้องหลักขนาด 200MP f/1.7 ที่มาด้วยกันกับ OIS และ Dual Pixel , กล้อง Ultra Wide มุมกว้าง 120º f/2.2 , กล้อง Tele 10MP รูรับแสง f/2.4 ที่ซูมได้มากถึง 3X และกล้องสุดท้ายก็คือ Periscope 10MP f/4.9 ที่มี Optical Zoom ถึง 10X เรียกได้ว่าซูมได้แบบจัดเต็มและเก็บทุกเม็ดจริง ๆ กับซัมซุงรุ่นใหม่ล่าสุดตัวนี้
หลักการเลือกซื้อ มือถือถ่ายรูปสวย ต้องพิจารณาจากอะไรบ้าง
เมื่อคุณทราบถึงแบรนด์มือถือสเปกดีแล้ว สิ่งสำคัญที่ควรรู้ต่อมาคือการเลือกซื้อ ว่าต้องเลือกอย่างไรจึงจะได้โทรศัพท์กล้องเทพจริง ซึ่งมีหลักการเลือกดังนี้
1.รูรับแสง
ค่ารูรับแสง แสดงให้เห็นถึงความสามารถในระยะโฟกัส หากค่าขนาดรูรับแสงยิ่งกว้าง ย่อมส่งผลให้แสงลอดผ่านใต้เลนส์ได้ดียิ่งขึ้น โดยทั่วไปแล้วรูรับแสงของกล้องสเปกสูงควรมีค่าระหว่าง f/1.6 – f/1.8 ซึ่งหากอยู่ระหว่างค่าดังกล่าว จะช่วยให้การถ่ายรูปช่วงเวลากลางคืนทำได้ดี ภาพที่ออกมาชัดเหมือนถ่ายรูปตอนกลางวัน และถ่ายรูปในโหมดหน้าชัดหลังเบลอ หรือที่เรียกกันว่า Bokeh ได้เลย ดังนั้นแม้ว่าค่า MP ของกล้องจะสูงเพียงใด แต่สิ่งสำคัญกว่าคือค่ารูรับแสงที่มีค่าเข้าใกล้ 1 ได้ยิ่งดีนั่นเอง
2. ฟีเจอร์เสริม
ผู้ใช้งานสมาร์ตโฟนมือใหม่ จะให้ถ่ายรูปเหมือนมือโปรคงทำได้ยาก การพึ่งพาฟีเจอร์เสริมจึงเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งฟีเจอร์ที่คุณควรเลือก คือ ระบบกันสั่นภาพ ที่ช่วยให้ภาพออกมาดูไม่สั่นจนเกินไป ซึ่งมือถือรุ่นเก่าใครมือไม่นิ่งก็เห็นภาพเบลอชัดเจนเลยล่ะ และอีกฟีเจอร์ คือ “HDR” ซึ่งทำหน้าที่ช่วยเหลือเวลาถ่ายรูปย้อนแสง ให้ภาพถ่ายเพิ่มระดับแสงสว่างโดยรวมได้ดียิ่งขึ้น
นอกจาก มือถือกล้องเทพ สเปกดีแล้ว เทคนิคการถ่ายภาพก็สำคัญไม่แพ้กัน
การถ่ายรูปแบบ Bokeh ปัจจุบันเป็นที่นิยมสำหรับสาว ๆ หลายคนเลยล่ะ เพราะช่วยให้ภาพจับโฟกัสได้ดีว่าคุณต้องการสื่ออะไร และช่วยให้บุคคลในภาพโดดเด่นขึ้น ด้วย Background อันน่าสะดุดตา ซึ่งภาพถ่ายแบบ Bokeh ส่วนใหญ่จะใช้ได้ดีกับกล้องถ่ายรูปดิจิทัลราคาสูง เพราะปรับโฟกัสได้หลากหลาย แต่สมาร์ตโฟนก็ทำได้เช่นกัน ซึ่งแต่ละรุ่นก็มีเทคนิคต่างกันออกไปดังนี้
- ใช้ฟีเจอร์ของมือถือรุ่นนั้น ๆ
มือถือบางรุ่นของค่าย iPhone และ Oppo สามารถปรับโหมด Bokeh ได้ง่าย ๆ เพียงแค่กดค้างหน้าจอระยะเวลาหนึ่ง จากนั้นภาพถ่ายที่ออกมาจะหน้าชัดหลังเบลอ แต่ก็ไม่ได้ชัดเจนจนเห็นความแตกต่างมากนัก เนื่องจากกล้องสมาร์ตโฟนสเปกยังไม่แรงเท่ากล้องดิจิทัล หรือมีอีกวิธี คือ เลือกถ่ายโดยใช้โหมด Portrait ระบบจะขึ้นกริด 9 ช่อง ให้คุณจับโฟกัสของภาพที่ต้องการทำ Bokeh ได้ง่ายขึ้น
- ใช้แอปพลิเคชันเข้าช่วย
โทรศัพท์ที่ใช้ระบบ Android บางรุ่นการถ่ายรูปด้วยเทคนิค Bokeh อาจต้องใช้แอปพลิเคชันเข้าช่วย เช่น Meitu หรือ PicsArt เนื่องจากไม่มีฟีเจอร์รองรับโดยตรง ซึ่งมีข้อควรรู้บางประการ คือ พื้นหลังภาพถ่ายควรมีความสว่างพอสมควร เพื่อช่วยให้วัตถุที่ต้องการโฟกัสเห็นได้ชัดเจนมากขึ้น หรือคุณอาจปรับความเบลอพื้นหลังก่อนใช้ฟีเจอร์ Bokeh ก็ได้เช่นกัน
เมื่อคุณทำความรู้จักกับสมาร์ตโฟนกล้องเทพเรียบร้อยแล้ว อย่าลืมใช้เทคนิคการถ่ายภาพเข้าช่วยเพื่อให้ภาพถ่ายเหมือนดั่งมือโปร ที่สำคัญยิ่งกล้องมือถือมีขนาดรูรับแสงมาก ยิ่งแสดงถึงการถ่ายภาพได้ดีขึ้นเท่านั้น อย่างไรก็ตามไม่ว่าคุณภาพของกล้องจะดีเพียงไร ควรหมั่นดูแลรักษาความสะอาดเลนส์กล้อง และระมัดระวังไม่ให้มือถือตกบ่อยจนทำให้เลนส์เสียการโฟกัสไป
ที่มาข้อมูล: siamphone , rabbitcare , thesmartphonephotographer , apple , photoschoolthailand , mangozero , iphone-droid, capcut
Comments 1