เวลาเช็กเครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์ ส่วนมากก็คงตรวจสอบน้ำมันเครื่อง ล้อจักรยานยนต์หรือโช้คเบรกกันใช่หรือไม่? ซึ่งส่วนใหญ่ก็คงไม่ได้ตรวจเช็กชิ้นส่วนที่เรียกว่า ไส้กรองอากาศมอเตอร์ไซค์ เนื่องจากเป็นชิ้นส่วนขนาดเล็กด้านใน ที่ขั้นตอนถอดออกมาตรวจสอบก็ใช้เวลาพอสมควร แต่ความสำคัญของอุปกรณ์ชิ้นนี้เรียกได้ว่าไม่แพ้กับอุปกรณ์อื่น ๆ ดังนั้นเราจึงพามาทำความรู้จักกับอุปกรณ์ชิ้นนี้ให้มากขึ้น พร้อมแนะนำวิธีการดูแลรักษาไส้กรองที่เหล่าไบเกอร์พลาดไม่ได้แน่นอน
ไส้กรองอากาศมอเตอร์ไซค์ คืออะไร ทำไมจึงสำคัญในการใช้งาน
แม้ว่ามอเตอร์ไซค์ทุกรุ่นจะมีฝาครอบกันด้านหน้า เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับเครื่องยนต์ด้านในแล้ว แต่นั่นก็ยังไม่เพียงพอสำหรับการป้องกันอนุภาคขนาดเล็กอย่างฝุ่นละออง ดังนั้นไส้กรองอากาศสำหรับจักรยานยนต์จึงถูกสร้างขึ้น เพื่อป้องกันฝุ่นเข้าไปด้านใน ซึ่งฝุ่นละอองเหล่านี้สามารถสร้างปัญหาแก่เครื่องยนต์ภายหลัง โดยเฉพาะในส่วนของใบพัดของเทอร์โบชาร์จเจอร์จะเสียหายจนทำงานไม่ได้
ซึ่งหากตัวเทอร์โบทำงานได้ไม่ปกติ กำลังเครื่องยนต์จะลดลง สังเกตได้ชัดจากกำลังสันดาปภายในจะเปลี่ยนไป เนื่องจากฝุ่นเกาะทำให้ใบพัดเสียดสี หมุนกำลังลมเข้าไม่เต็มที่ ใบพัดเหล็กด้านในก็ฝืนการทำงานกับการหมุนของเครื่องยนต์ จนสุดท้ายเศษเหล็กใบพัดหัก และเศษเหล็กที่หักอาจเข้าไปยังเครื่องยนต์ด้านในให้เกิดความเสียหายทั้งระบบ ถึงแม้ใบพัดของเทอร์โบจะไม่เกิดการเสียหายนัก แต่เศษฝุ่นอาจเข้าไปยังเครื่องยนต์ด้านใน ส่งผลให้ชิ้นส่วนอื่น ได้แก่ วาวล์ ลูกสูบ หรือผนังกระบอกสูบทำงานหนักขึ้น เกิดความผิดปกติต่าง ๆ ตามมา เช่น ใช้น้ำมันขับเคลื่อนมากขึ้น หรือเครื่องยนต์เสื่อมสภาพในท้ายที่สุด
ตัวอย่างประเภท ไส้กรองอากาศ ในรถจักรยานยนต์ที่มักพบเห็นได้บ่อย
- ไส้กรองแบบโฟม ไส้กรองประเภทนี้สามารถทำความสะอาดได้ง่าย เพราะสามารถซักล้าง – ใส่กลับเข้าไปได้เลย และป้องกันไม่ให้ฝุ่นเข้าไปได้มากที่สุด แต่ก็มีข้อเสียสำคัญ คือ ตัววัสดุออกแบบมาให้มีความหนา อากาศด้านนอกจึงเข้าไปภายในยาก สมรรถนะของเครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์อาจไม่แรงเท่าที่ควร ด้วยเหตุนี้เองเราจึงมักไม่เห็นไส้กรองประเภทนี้มากนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับรถแต่งซิ่ง
- ไส้กรองกระดาษ ไส้กรองกระดาษมักพบเห็นเป็นประจำกับรถมอเตอร์ไซค์ที่เพิ่งผลิตออกใหม่ เนื่องจากต้นทุนต่ำกว่าไส้กรองชนิดอื่น ซึ่งกระดาษที่นำมาผลิตไส้กรองนี้ เป็นกระดาษน้ำมันชนิดพิเศษซ้อนกันหลายชั้น โดยแต่ละชั้นก็สามารถกรองฝุ่นได้ในขนาดแตกต่างกันออกไป ส่วนมากแล้วจะกรองฝุ่นได้ที่ขนาด 0.35 ไมครอน
- ไส้กรองแบบผ้า จุดเด่นของไส้กรองแบบผ้า คือ สามารถถอดซักทำความสะอาดได้ ราคาจึงสูงกว่าไส้กรองแบบกระดาษที่ใช้งานจนฝุ่นเต็มกระดาษกรองแล้วต้องถอดทิ้งทันที เนื่องจากน้ำยาชุบผิวหน้าของไส้กรองกระดาษมีความมัน ทำให้เคาะฝุ่นออกยาก และล้างไม่ค่อยออก ไส้กรองชนิดผ้าจึงตอบโจทย์ให้การซักล้างมากกว่า ด้วยเหตุนี้เองอายุการใช้งานจึงนานส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 5 ปี ถ้าทำถอดล้างเป็นประจำจะใช้วิ่งบนถนนได้ถึง 100,000 กิโลเมตร และไส้กรองแบบผ้าอากาศจะเข้าเครื่องยนต์ด้านในได้ดีกว่าไส้กรองแบบโฟม จึงเป็นที่นิยมสำหรับมอเตอร์ไซค์แต่งซิ่ง หรือผู้ใช้งานรถจักรยานยนต์บ่อย ๆ
- ไส้กรองแบบสเตนเลส เป็นไส้กรองที่ราคาสูงสุด เพราะถูกออกแบบมาสำหรับรถที่ต้องการความเร็วมากเป็นพิเศษ อย่างเช่น รถแข่ง หรือรถแต่งซิ่ง เนื่องจากไส้กรองมีรูขนาดใหญ่ รถใช้พลังงานขับเคลื่อนมากจึงควรใช้งานไส้กรองสเตนเลส ในด้านของการกรองฝุ่น ไส้กรองชนิดนี้เหมาะสำหรับกรองฝุ่นขนาดใหญ่ระดับ 0.75 ไมครอน แต่ด้วยการออกแบบมาเพื่อใช้งานกรองฝุ่นขนาดใหญ่ ดังนั้นฝุ่นขนาดเล็กก็อาจเข้าไปยังด้านในได้เช่นกัน ซึ่งคุณอาจถอดล้างไส้กรองในภายหลัง หากรู้สึกว่าฝุ่นเริ่มเกาะตัวมากจนเกินไป
สัญญาณเตือนต้องตรวจเช็ก ไส้กรองอากาศมอเตอร์ไซค์
- เครื่องเร่งไม่ขึ้น หัวเทียนเป็นอุปกรณ์ที่ใช้งานเพื่อจุดกระบอกสูบสำหรับเดินเครื่องยนต์ ถ้าหัวเทียนเสื่อมสภาพจะไม่สามารถเร่งเครื่องได้ตามปกติ ซึ่งหลักการทำงานของเครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์ หัวเทียนจะทำปฏิกิริยากับอากาศด้านนอกเพื่อจุดติดเครื่องยนต์ หากไส้กรองทำงานได้ไม่ปกติ มีฝุ่นละอองเต็มไปหมด หัวเทียนอาจมีปัญหาทำให้รถเร่งไม่ขึ้นได้
- สตาร์ทไม่ติด ปัญหาการสตาร์ทมอเตอร์ไซค์ไม่ติดมีปัญหามาจาก 2 ส่วนหลัก ๆ คือระบบเชื้อเพลิง และระบบจ่ายไฟ ซึ่งระบบเชื้อเพลิง “หัวฉีดน้ำมัน” มักมีปัญหาเป็นประจำจากการอุดตันจากฝุ่นละออง และระบบจ่ายไฟที่มีปัญหาบ่อย ได้แก่ หัวเทียน และแบตเตอรี่รถยนต์ ซึ่งฝุ่นละอองอาจทำให้ระบบทั้ง 2 ไม่สามารถทำงานได้อย่างปกติ โดยส่วนของเชื้อเพลิง ฝุ่นละอองจะทำให้หัวฉีดจ่ายน้ำมันไม่ออก และปัญหาตรงระบบจ่ายไฟ คือจุดเครื่องยนต์ไม่ติด เมื่อเกิดปัญหาทั้ง 2 ระบบพร้อมกันจะทำให้รถมอเตอร์ไซค์สตาร์ทไม่ค่อยออก หรือแม้สตาร์ทติดก็เกิดเสียงเครื่องยนต์สั่น และกินน้ำมันมากตลอดทาง
จะเห็นได้ว่าไส้กรองของรถมอเตอร์ไซค์มีความสำคัญมาก หากลองขับขี่โดยไม่มีไส้กรองติดอยู่ด้านหน้าสัก 1 อาทิตย์ รับรองฝุ่นจะเข้าไปด้านในเกาะเครื่องยนต์เต็มไปหมด ต้องเสียค่าซ่อมไม่ใช่น้อย ๆ เลยทีเดียว ซึ่งคุณอาจทำความสะอาด ไส้กรองอากาศรถจักรยานยนต์ ได้ง่าย ๆ เพียงแค่ใช้เครื่องเป่าฝุ่นออกให้หมดเป็นประจำ จะช่วยยืดอายุไส้กรองทุกชนิดได้ หรือซักไส้กรองแบบผ้าด้วยน้ำยาทำความสะอาดโดยเฉพาะ และควรหมั่นซักตากแดดเป็นประจำ จะช่วยกรองฝุ่น ป้องกันเครื่องยนต์ด้านในได้ดียิ่งขึ้น
ที่มาข้อมูล: pgfilters , jdpower , yamaha-motor , autospinn