การท่องเที่ยว มีทั้งแบบไปเช้าเย็นกลับ (ทริปจบภายในวันเดียว) และการไปแบบค้างคืน ซึ่งการไปค้างคืนจำเป็นต้องอาศัยวันหยุดยาวและหากจะรวมกลุ่มไปเที่ยวกับเพื่อน หรือแม้แต่การไปเที่ยวกับครอบครัว จำเป็นต้องวางแผนหาเวลาที่ทุกคนว่างตรงกัน อาจดูเป็นเรื่องยุ่งยาก แต่หากคุณรู้ช่วง วันหยุด 2566 ว่ามีช่วงไหนที่เป็นวันหยุดบ้าง ก็จะช่วยให้จัดเวลาได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะคนที่ทำงานและได้หยุดตรงตามวันหยุดราชการ จะยิ่งจัดเวลาได้สะดวกขึ้น ส่วนใครที่ทำงานเอกชน ก็จะมีบางช่วงที่ได้หยุดยาวตรงกับราชการเช่นกัน
วันหยุด 2566 มีวันไหนบ้าง
- เดือนมกราคม จะเป็นช่วงหยุดยาวต่อจากช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ โดยมีวันหยุดคือวันจันทร์ที่ 2 มกราคม ซึ่งเป็นวันหยุดชดเชยวันขึ้นปีใหม่ นอกจากนี้ยังมีเทศกาลตรุษจีน ซึ่งแม้ว่าจะไม่ใช่วันหยุดราชการ แต่ธุรกิจของคนจีนก็มักจะให้พนักงานได้หยุด โดยเริ่มตั้งแต่วันศุกร์ที่ 20 ซึ่งเป็นวันจ่าย จนถึงวันอาทิตย์ที่ 22 ซึ่งเป็นวันเที่ยว
- เดือนมีนาคม มีวันหยุดวันเดียวคือ วันจันทร์ที่ 6 ซึ่งเป็นวันมาฆบูชา
- เดือนเมษายน มีวันหยุดคือพฤหัสที่ 6 ซึ่งเป็นวันจักรี และจากนั้นจะเข้าสู่ช่วงหยุดสงกรานต์ระหว่างวันที่ 13-17 โดยวันจันทร์ที่ 17 เป็นวันหยุดชดเชยของวันเสาร์ที่ 15
- เดือนพฤษภาคม มีวันหยุด 2 ครั้ง คือวันจันทร์ที่ 1 ซึ่งเป็นวันแรงงาน โดยจะได้หยุดเฉพาะภาคเอกชนเท่านั้น และวันที่ 4 พฤษภาคม คือวันฉัตรมงคล
- เดือนมิถุนายน วันที่ 3 มิถุนายน เป็นวันหยุดชดเชยวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และวันที่ 5 มิถุนายน เป็นวันหยุดชดเชยวันวิสาขบูชา
- เดือนกรกฎาคม วันศุกร์ที่ 28 กรกฎาคม เป็น วันหยุด2566 เนื่องในโอกาสวันพระบรมราชสมภพในหลวงรัชกาลที่ 10
- เดือนสิงหาคม มีวันหยุด 3 วัน คือ วันที่ 1 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันอาสาฬหบูชา วันที่ 2 สิงหาคม เป็นวันเข้าพรรษา วันที่ 12 สิงหาคม เป็นวันแม่แห่งชาติ ส่วนอีกวันคือจันทร์ที่ 14 ซึ่งเป็นวันหยุดชดเชยวันแม่ หรือวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 (12 สิงหาซึ่งเป็นวันแม่แห่งชาติ)
- เดือนตุลาคม มีวันหยุดสองวัน คือศุกร์ที่ 13 ซึ่งเป็นวันคล้ายวันสวรรคตในหลวงรัชกาลที่ 9 และวันจันทร์ที่ 23 ซึ่งเป็นวันปิยมหาราช
- เดือนธันวาคม มีวันหยุด 3 วันคือวันอังคารที่ 5 ซึ่งเป็นวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของในหลวงรัชกาลที่ 9 และวันจันทร์ที่ 11 ซึ่งเป็นวันหยุดชดเชยวันรัฐธรรมนูญ (วันที่ 10 ธันวาคม) รวมถึงมีวันหยุดปีใหม่ในวันที่ 31 ธันวาคมด้วย
มี วันหยุดยาว ทั้งที ไปเที่ยวที่ไหนดี
จากข้อมูลวันหยุด 2566 ที่เราให้ไว้อย่างครบถ้วน หากพูดถึงช่วงหยุดยาว นับเฉพาะที่ได้หยุดตั้งแต่ 3 วันขึ้นไป (รวมเสาร์-อาทิตย์) และไม่นับช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ของปี 2565 จะมีช่วงหยุดยาวทั้งหมด 10 ช่วง คือ
- มาฆบูชา 4-5-6 มีนาคม
- หยุดยาวช่วงสงกรานต์ 13-14-15-16-17 เมษายน
- วันพระบรมราชสมภพในหลวงรัชกาลปัจจุบัน 28-29-30 กรกฎาคม
- หยุดชดเชยวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ในวันที่ 12 – 13 – 14 สิงหาคม
- วันคล้ายวันสวรรคตในหลวงรัชกาลที่ 9 13-14-15 ตุลาคม
- วันปิยมหาราช 21-22-23 ตุลาคม
- วันหยุดชดเชยวันรัฐธรรมนูญ 9-10-11 ธันวาคม
- ช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ (2567) 29 ธันวาคม 2566 – 1 มกราคม 2567
นอกจากนี้ ความพิเศษของปี 2566 คือวันหยุดราชการซึ่งไม่ตรงกับวันศุกร์หรือวันจันทร์ หากคุณนำวันลาพักร้อนประจำปีมาใช้เพียงหนึ่งวันก็จะได้ช่วงวันหยุดเพิ่ม เช่น หากลาพักร้อนวันศุกร์ที่ 7 เมษายน ก็จะได้หยุดยาวช่วงวันที่ 5-8 นอกจากนี้ความพิเศษคือเรามีวันหยุดยาวกระจายอยู่ทุกฤดูกาล และเมืองไทยก็เหมาะกับการท่องเที่ยวในทุกฤดูกาลเช่นกัน
เริ่มจากหน้าร้อนช่วงเดือนมีนาคมและเมษายน ดีที่สุดคือการไปเที่ยวทะเล ซึ่งทะเลไทยแบ่งเป็น 4 โซนคือ ฝั่งอันดามัน อ่าวไทยตอนบน อ่าวไทยตอนล่าง (จากชะอำลงไปตามจังหวัดอื่น ๆ ของภาคใต้) และทะเลตะวันออก ช่วงนี้เที่ยวทะเลทุกโซนได้อย่างปลอดภัย ไม่มีลมมรสุม
ส่วนช่วงหน้าฝน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงตุลาคม การจะเที่ยวทะเลช่วงนี้ต้องดูสภาพอากาศว่าลมมรสุมเข้าจุดไหนในช่วงเวลาใด และหากจะเที่ยวอุทยานแห่งชาติ ก็ต้องดูว่ามีการปิดให้ธรรมชาติฟื้นตัวหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ช่วงหน้าฝนเหมาะกับการเที่ยวภาคเหนือตอนล่าง เช่น ภูทับเบิก เพชรบูรณ์ โดยเฉพาะช่วงสิงหาไปจนถึงตุลา เป็นช่วงที่ธรรมชาติหน้าฝนสวยงามมาก เที่ยวน้ำตกก็สนุกกว่าฤดูอื่น
เข้าสู่เดือนพฤศจิกาไปจนถึงเดือนกุมภา เป็นช่วงหน้าหนาว ไม่มีที่ไหนเหมาะกับการไปเที่ยวเท่ากับการรับลมหนาวบนดอยในภาคเหนือหรือภูในภาคอีสานซึ่งมีให้เลือกหลายแห่ง แต่สำหรับใครที่อยากไปเที่ยวทะเล ทะเลอันดามันและทะเลตะวันออกช่วงต้นปีก็น่าเที่ยวไม่แพ้กัน
ไม่อยากพลาด วันหยุด 2566 ควรมีปฏิทินติดบ้านไว้
หลายคนอาจรู้สึกว่าปฏิทินกระดาษไม่จำเป็นแล้ว ในเมื่อเราดูวันที่จากแอพปฏิทินในโทรศัพท์ได้ แต่ในความเป็นจริง ปฏิทินกระดาษก็มีความพิเศษหลายอย่าง เช่น มีวันสำคัญและระบุวันหยุดไว้อย่างครบถ้วนเข้าใจง่าย ในขณะที่แอพปฏิทินหลายตัวยังขาดรายละเอียดบางอย่าง และสำหรับใครที่กำลังมองหาปฏิทินปี 2566 ก็มีอย่างน้อยสามแบบให้คุณเลือก คือ
- ปฏิทินไทยแบบแขวนผนัง เป็นรูปแบบที่คุ้นเคยกันมากที่สุด เป็นปฏิทินรายเดือน มีรายละเอียดวันหยุดราชการและวันพระ รวมถึงข้างขึ้นข้างแรมอย่างครบถ้วน
- ปฏิทินตั้งโต๊ะ เหมาะกับการวางไว้บนโต๊ะทำงาน โดยเป็นแบบรายเดือนเช่นเดียวกับปฏิทินแขวนผนัง
- ปฏิทินจีน จัดเป็นปฏิทินที่มีข้อมูลมากที่สุด นอกจากวันสำคัญของไทยแล้ว ยังมีข้อมูลฤกษ์ยามและวันสำคัญของจีนด้วย โดยมีให้เลือกทั้งแบบรายเดือนและแบบฉีกรายวัน
ในปีหน้า มี วันหยุด 2566 ให้เลือกไปเที่ยวได้หลายโอกาส สิ่งสำคัญคือการวางแผนว่าช่วงไหนจะไปเที่ยวที่ไหนดี และหาเวลาที่ทั้งครอบครัวว่างตรงกัน ซึ่งจากข้อมูลที่เรานำมาให้ คุณจะพบว่าว่างช่วงไหนก็มีที่เที่ยวให้เลือกไปได้ เช่น ทะเลก็เที่ยวได้ทั้งปี ภูเขาก็เหมาะเที่ยวช่วงหน้าหนาว ฯลฯ เมื่อมีครบทั้งข้อมูลวันหยุดและข้อมูลที่เที่ยวแล้ว ก็ลงมือวางแผนท่องเที่ยวในปี 2566 กันได้เลย
ที่มาข้อมูล: kapook , chillpainai , tickettail , trueid
Comments 2