ถ้าจะนึกถึงการเที่ยวแบบลุยสนุก ๆ ไม่กลัวเลอะ เน้นเอามันส์ ก็ต้องมี ล่องแก่ง เป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ อย่างแน่นอน โดยล่องแก่งเล่นให้สนุกต้องเป็นช่วงน้ำเยอะซึ่งก็ต้องเป็นหน้าฝน ใครเคยไปแล้วต่างก็ติดใจอยากไปอีกเป็นครั้งที่สองที่สาม นึกถึงเสียงร้องตามจังหวะคลื่นกระแทกหรือแพยางผ่านช่วงน้ำหลากที่มีความชันก็อดสนุกไม่ได้ อยากไปล่องแก่งวันนี้พรุ่งนี้เลย อย่ารอช้า ตามมาดูสถานที่น่าไปกันดีกว่า
ระดับความยากของการล่องแก่ง
การล่องแก่งเป็นการผจญภัยทางน้ำไปในเส้นทางธรรมชาติ มีน้ำไหลหลาก มีโอกาสหลุดจากแพยาง จึงต้องไม่ลืมเรื่องความปลอดภัย ต้องสวมใส่เสื้อชูชีพ เชื่อฟังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยซึ่งเชี่ยวชาญพื้นที่ และที่สำคัญคือผู้เล่นควรต้องว่ายน้ำเป็น
ส่วนสถานที่สำหรับการล่องแก่งมีระดับความยากง่ายในการล่องแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับลักษณะโขดหิน แก่ง ความชันของพื้นที่ ความแรงของน้ำที่ไหลหลาก ฯลฯ โดยมีการแบ่งระดับความยากง่ายของการล่องแก่งดังนี้
- ระดับที่ 1 ง่ายมาก ระดับที่ 1 นี้เหมาะสำหรับครอบครัวที่มีเด็ก ๆ คนทั่วไปพายล่องแก่งเองได้ น้ำจะไหลเอื่อยไม่แรง ไม่น่ากลัวหรืออันตราย จำนวนแก่งมีไม่มากนัก
- ระดับที่ 2 ธรรมดา แก่งระดับที่ 2 นี้เป็นระดับที่สนุกขึ้นมา สายน้ำไหลแรงขึ้นกว่าระดับ 1 แต่ไม่แรงมากขนาดเป็นอันตราย อย่างไรระดับที่ 2 ต้องการผู้เชี่ยวชาญที่มีเทคนิคหรือทักษะในการพายเรือยางอยู่พอสมควร
- ระดับที่ 3 ปานกลาง การล่องแก่งระดับ 3 นี้ เป็นระดับที่มีความเสียวและสนุกเพิ่มขึ้น แต่ยังเป็นแก่งเล็กแก่งน้อย การล่องต้องอาศัยเทคนิคและความเชี่ยวชาญเพิ่มมากขึ้นด้วย
- ระดับที่ 4 ยาก ระดับที่ 4 ถือว่ายากสำหรับการล่องแก่ง ต้องอาศัยเทคนิคทักษะในการพายเรือยางจากผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์การล่องแก่งมานาน ลักษณะแก่งจะใหญ่ มีกระแสน้ำที่เชี่ยวและไหลแรง ล่องสนุกมาก
- ระดับที่ 5 ยากมาก การล่องแก่งที่มีความยากระดับ 5 ถือว่ายากมาก เพราะไม่เพียงแต่แก่งมีขนาดใหญ่ ระดับน้ำยังมีการลดระดับ น้ำไหลเชี่ยวกราก ประสบการณ์และเทคนิคของผู้พายเรือยางต้องสูงมาก เป็นการล่องแก่งในระดับที่ต้องอาศัยทั้งความเชี่ยวชาญและความระมัดระวังเป็นพิเศษ
จุดเช็กอิน ล่องแก่ง 8 แห่งสำหรับสายลุย
สายลุยวันนี้เรามีจุดเช็กอินล่องแก่ง 8 แห่งมาแนะนำค่ะ บางแห่งก็ไม่ใกล้ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ส่วนบางแห่งก็ต้องขึ้นเหนือล่องใต้ แต่รับรองว่าความสนุกบวกกับทัศนียภาพที่สวยงามแตกต่างไม่คุ้นตาทำให้นักท่องเที่ยวรู้สึกว้าวได้อย่างแน่นอนค่ะ
- แก่งหินเพิง สถานที่ล่องแก่งอันดับต้น ๆ ต้องเป็นที่นี่เลยค่ะ แก่งหินเพิงตั้งอยู่ที่จังหวัดปราจีนบุรี ระดับสำหรับแก่งหินเพิงนี้ต้องถือว่าท้าทายพอควรเลย ระยะทางสำหรับการล่องที่แก่งหินเพิงนี้ประมาณ 4.5 กิโลเมตร ใช้เวลาล่องแก่งประมาณ 2 ชั่วโมง ระดับความยากมีตั้งแต่ 3 – 5
- แก่งลำน้ำเข็ก เป็นอีกหนึ่งจุดเช็กอินสำหรับสายลุยล่องแก่ง เพราะระดับความยากของที่นี่ถึงระดับ 5 ที่ว่ายากที่สุด ระยะทางก็ยาวถึง 8 กิโลเมตร แก่งลำน้ำเข็กตั้งอยู่ที่จังหวัดพิษณุโลก
- แก่งกระจาน ไม่ไกลกรุงเทพฯ สำหรับแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี เหมาะสำหรับการไปล่องแก่งในหมู่ครอบครัวหรือเพื่อน ๆ ที่ไม่เน้นท้าทายมาก ด้วยเขื่อนแก่งกระจานรับน้ำจากเทือกเขาในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ทำให้ไม่แล้งมีน้ำให้เล่นทุกฤดูตลอดปี แก่งกระจานเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน พื้นที่กว้างใหญ่ ทำให้มีระยะทางในการล่องแก่งยาวถึง 8 กิโลเมตร
- แก่งแม่น้ำซองกาเลีย หากใครอยากล่องแก่งนาน ๆ ระยะทางไกล ๆ ขอแนะนำจุดเช็กอินนี้ที่แก่งแม่น้ำชองกาเลีย จังหวัดกาญจนบุรี เพราะมีระยะทางยาวถึง 20 กิโลเมตร ใช้เวลาล่องนานกว่า 3 ชั่วโมง ที่นี่ยังมีทั้งแพยางและแพไม้ไผ่ให้นักท่องเที่ยวเลือกได้
- แก่งแม่น้ำนครนายก เป็นแก่งที่ได้น้ำจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่และเขื่อนขุนด่านปราการชล ทำให้มีน้ำเล่นล่องแก่งได้ตลอดปี หน้าร้อนก็ลงเล่นได้ แต่น้ำจะไม่เชี่ยวไม่ไหลแรงนัก
- แก่งหนานมดแดง ตั้งอยู่จังหวัดพัทลุง เป็นแก่งที่เหมาะกับการล่องแบบชิล ๆ ไม่หวาดเสียวนัก ระยะทาง 6 กิโลเมตร
- แก่งกึ๊ด เป็นจุดเช็กอินสำหรับล่องแก่งที่จังหวัดเชียงใหม่ และยังมีกิจกรรมอื่นสำหรับนักท่องเที่ยว เช่น เดินป่า ล่องแพไม้ไผ่ ขี่ช้าง นั่งเกวียน แก่งจะยาวมีหลายแก่ง แบ่งเป็นหลายช่วงที่ระดับความยากต่าง ๆ กัน แก่งกึ๊ดตั้งอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่
- แก่งภูเกาะ กิจกรรมล่องแก่งใกล้กรุงเทพฯ นิดเดียวก็คือที่แก่งภูเกาะนี่เอง ตั้งอยู่ที่มวกเหล็ก สระบุรี เส้นทางสำหรับการล่องแก่งยาว 6 กิโลเมตร ใช้เวลาล่องประมาณ 2 ชั่วโมง
การเตรียมตัวเพื่อไปทริป ล่องแก่ง
การเตรียมตัวสำหรับทริปล่องแก่งนั้นจะมีทั้งในส่วนของเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่เหมาะสมที่จะต้องแพ็กใส่กระเป๋าเดินทางไปสำหรับทริปพิเศษนี้ และยังมีเรื่องที่ต้องคำนึงเป็นหลักคือเรื่องความปลอดภัย มีข้อแนะนำสำหรับการเตรียมตัวเพื่อไปทริปล่องแก่งดังนี้ค่ะ
- จัดเตรียมเสื้อผ้าที่สวมใส่สบาย เหมาะสำหรับการล่องแก่ง เช่น เสื้อยืด กางเกงขาสั้น เนื้อผ้าบางไม่หนาจนเกินไปเพราะจะอุ้มน้ำทำให้หนัก สำหรับสาว ๆ ควรหลีกเลี่ยงเสื้อยืดหรือกางเกงสีขาวเพราะเมื่อเปียกน้ำจะโป๊ได้ จัดเตรียมรองเท้าที่สวมใส่สบาย เช่น รองเท้าแตะ
- จัดกระเป๋าเดินทางที่เหมาะสมกับทริป เลือกกระเป๋าเดินทางที่ช่วยอำนวยความสะดวกในขณะเดินทาง โดยหากเป็นทริปนานหลายวัน มีการเปลี่ยนสถานที่พักบ่อย แต่การเดินทางไม่ลำบากไม่ต้องขึ้นเขาลงห้วยมาก สามารถเลือกใช้กระเป๋าเดินทางล้อลากเพื่อเบาเวลาขนย้าย เวลาล่องแก่งเป็นทริปครึ่งวัน หรือ 1 วันช่วงสั้น อาจใช้กระเป๋าเสริมที่กันน้ำได้แยกใส่เสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว อุปกรณ์อื่น ๆ ออกมา
- เตรียมความพร้อมให้เรียบร้อย โดยการเช็กและทำการจองวันเวลาของทริปล่องแก่งก่อนล่วงหน้า
- ปฏิบัติตามกฎระเบียบ ควรทำตามระเบียบของคณะนำเที่ยวล่องแก่งอย่างเคร่งครัดเพื่อความปลอดภัย
- สวมใส่เสื้อชูชีพ หมวกกันน็อก ไม่ยื่นแขนขาออกนอกแพขณะล่องแก่ง
ใครยังไม่เคยไปทริปล่องแก่งอยากแนะนำให้ลองไปค่ะ และสำหรับใครที่เคยล่องแล้วอยากให้ลองเปลี่ยนสถานที่ไปล่องในที่ใหม่ ๆ ที่มีระดับความยากมากขึ้น หรือมีทัศนียภาพและภูมิประเทศแตกต่างไป รับรองว่าความมันส์และความสนุกจะประทับอยู่ในความทรงจำของคุณไม่รู้ลืมเลยค่ะ และสำหรับกระเป๋าอุปกรณ์ หรือเสื้อผ้าต่าง ๆ ที่เหมาะกับการล่องแก่ง สามารถเลือกช้อปออนไลน์ได้ที่ Lazada เลย
ที่มาข้อมูล: trueid , mthai , khaoyainationalpark , tripgether , palanla