โดยปกติแล้วเมื่อเวลาไปซื้อรถยนต์ส่วนใหญ่จะแถม เครื่องเสียงรถ มาให้ ชุดเครื่องเล่นหลัก ๆ จะประกอบไปด้วย Head Unit/Front หรือที่เรียกกันเครื่องเล่นส่วนฟังก์ชันจะเล่นอะไรได้บ้างก็ขึ้นอยู่กับค่ายรถจะแถมอะไรมา เช่น เล่นแผ่น CD Audio, แผ่น MP3, เล่นผ่าน USB, Bluetooth ฯลฯ ซึ่งจะเป็นระบบแบบ All In One ที่สามารถเชื่อมต่อกับลำโพงได้โดยตรง ส่วนคุณภาพของเสียงที่ออกมาก็จะแค่พอฟังแก้เหงาระหว่างขับรถได้ หากหวังเสียงดังกระหึ่มที่เร้าใจ แยกเสียงกลาง เสียงแหลมได้ ต้องอัปเกรดอีกหลายอย่าง วันนี้เลยจะมาแนะนำ เครื่องเสียงรถยนต์ให้ทุกคนได้รู้ถึงส่วนประกอบทั้งหมด เพื่อที่จะได้นำไปพิจารณาในการปรับเปลี่ยนเครื่องเสียงเก่าให้มีความไพเราะเสนาะหูมากยิ่งขึ้น
ส่วนประกอบ เครื่องเสียงรถยนต์
- Front, วิทยุ, เครื่องเล่น
เชื่อว่าหลายคนคงรู้จักกันดี เพราะรถทุกคันจะได้รับติดตั้งมาบริเวณคอนโซลด้านหน้า ส่วนความสามารถและฟังก์ชันก็ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของ Front นั้น ๆ เช่น เป็นจอขนาดใหญ่ ระบบทัชสกรีน เชื่อมต่อ Bluetooth เล่นแผ่น CD Audio, แผ่น MP3, MP4 เชื่อมต่อ USB ได้ ใช้มองกล้องหลังรถเวลาถอยได้ เป็นต้น
- Speaker หรือ ลำโพง
ปกติรถยนต์จะมีลำโพงติดตั้งมาให้จากโรงงานประมาณ 1-2 คู่ ขึ้นอยู่กับเป็นรถยนต์ชนิดใด เช่น รถเก๋ง รถกระบะ ขึ้นอยู่กับราคาและรุ่นของรถ ในขณะที่รถ SUV รถเก๋งขนาดใหญ่อาจมีถึง 3 คู่ ซึ่งคู่ที่ 3 ที่แถมมาส่วนใหญ่จะเป็น ลำโพงเสียงแหลม หรือที่เรียกกันว่าทวิตเตอร์ มักจะติดตั้งบริเวณเสา A, ลำโพงเสียงกลางจะนิยมติดตั้งบริเวณแผงประตู ในขณะที่ลำโพงเสียงต่ำมักจะอยู่ด้านหลังหรือท้ายรถ
- Sub Woofer
คือลำโพงชนิดหนึ่งที่มีเสียงความถี่ต่ำ หรือที่หลายคนคุ้นเคยกับลำโพงเสียงซับเบสที่จะให้เสียงทุ่มแบบแน่นตึ้บ ความสามารถของ Sub Woofer นี้จะทำหน้าที่ในการดึงเสียงเบสที่ลำโพงปกติไม่สามารถเค้นพลังเสียงออกมาได้ เพราะมีความถี่ที่ต่ำมาก หากใครเคยเปิดเพลงดนตรีแนวแด๊นซ์ เสียงเบส เสียงกลองหนัก ๆ จะสังเกตได้เลยว่าอาจมีอาการเสียงแตกให้ได้ยิน หากฝืนเปิดต่อไปอาจทำให้ลำโพงแตกจนได้รับความเสียหายได้
- Pre Amp, ปรีแอมป์
คืออุปกรณ์เชื่อมต่อสัญญาณระหว่าง Front หรือ เครื่องเล่น ก่อนที่จะส่งไปยัง Crossover (หากไม่มี Crossover สามารถที่จะส่งตรงไปยัง Power Amp โดยตรงก็ได้) ซึ่ง Pre Amp ทำหน้าที่ในการขยายสัญญาณพร้อมทั้งปรับแต่งเสียงตามผู้ใช้งานต้องการ หรือในบางรุ่นจะมีโทนเสียงอัตโนมัติให้เลือกใช้งาน เช่น Rock, Jazz, Pop เป็นต้น ส่วนใหญ่จะติดตั้งบริเวณใต้ Front หรือใต้คอนโซลขึ้นอยู่กับพื้นที่ในการติดตั้งของรถแต่ละคัน
- Power Amp / Amplifier
ทำหน้าที่ในการขยายเสียงหรือตัวเพิ่มความดังของเสียงให้เพิ่มมากขึ้น บางรุ่นสามารถที่จะแยกคลาสของเสียงให้เหมาะสำหรับลำโพงแต่ละตัวเพื่อให้มีพลังเสียงที่ดีมากยิ่งขึ้น
- Crossover
เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ในการจัดการความถี่ของสัญญาณและควบคุมความถี่เสียงให้ออกจากกัน เช่น เสียงสูง เสียงกลางและเสียงต่ำ เพื่อกระจายสัญญาณดังกล่าวไปตามลำโพงแต่ละชนิด ซึ่งตัว Crossover ยังสามารถแบ่งแยกออกเป็น 3 ประเภท ตามความสามารถของเครื่อง ได้แก่
- 2 Way Crossover
- 3 Way Crossover
- 4 Way Crossover
ซึ่งตัว 4 Way Crossover สำหรับเครื่องเสียงรถยนต์นั้นยังไม่มีอุปกรณ์ใด ๆ ในการรองรับ
- Capacitor
ตัวเก็บประจุ ส่วนใหญ่จะติดตั้งเฉพาะรถที่ต้องการโชว์พลังเสียงหรือรถที่เข้าประกวด เพราะทำหน้าที่ในการสำรองไฟและจ่ายกระแสไฟในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ หากเป็นรถบ้านโดยทั่วไปจะไม่ค่อยนิยมติดตั้งสักเท่าไรนัก ยกเว้นเจ้าของรถที่อยากจะโชว์พลังเสียงอย่างแท้จริง
วิธีการเลือกซื้อ เครื่องเสียงรถ
หลังจากที่รู้ส่วนประกอบต่าง ๆ ของเครื่องเสียงรถยนต์ในรูปแบบ Full Option กันไปแล้ว ต่อไปมาดูถึงวิธีการเลือกซื้อเครื่องเสียงติดรถยนต์กันดูบ้างว่าจะเลือกแบบใดเพื่อตอบโจทย์ในการใช้งาน
- เครื่องเล่นที่ทันสมัย ต้องเป็นเครื่องเล่นที่รองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นโน้ตบุ๊ค, มือถือ Android, มือถือ iOS, iPad, Tablet, USB, Bluetooth, Wifi หรือแม้แต่อินเทอร์เน็ต ในส่วนของฟังก์ชันการใช้งานควรเล่นไฟล์เสียง ไฟล์คลิปวีดีโอต่าง ๆ ที่ใช้งานทั่วไปเป็นหลักได้ หน้าจอนอกจากจะรองรับการใช้งานในการดูหนังแล้วยังสามารถเชื่อมต่อกับกล้องมองหลังรถ เพื่อช่วยในการมองท้ายรถขณะทอยหลังได้ด้วย
- ระบบเสียง ควรจัดระบบตามความชอบและตอบโจทย์ของตนเองมากที่สุด เพราะไม่อย่างนั้นอาจนำมาซึ่งปัญหางบประมาณบานปลาย เพราะ เครื่องเสียงรถ ไม่มีคำว่าดีที่สุด มีแต่ดีพอสำหรับคนใช้งาน บางครั้งอุปกรณ์ที่เลือกและนำมาใช้งานก็ไม่เหมาะกับรถ โดยเฉพาะในการติดตั้ง เช่น ต้องการ Sub Woofer ขนาด 10-12 นิ้ว เพื่อต้องการเสียงเบสหนัก ๆ แต่ใช้รถกระบะสี่ประตู ซึ่งมันไม่มีพื้นที่ในการติดตั้ง ต่อให้มีพื้นที่ก็จะทำให้การโดยสารภายในรถจำกัดลง เป็นต้น รวมไปถึงกำลังไฟภายในรถ เพราะหากปริมาณการใช้ไฟที่มากเกินไปและไม่ได้ติดตั้ง Capacitor ก็อาจส่งผลเสียต่อระบบไฟของรถและเครื่องเสียงได้
ดังนั้น ทุกอย่างที่เลือกจะต้องมีความสัมพันธ์กันและบนพื้นฐานของการติดตั้งได้ เพราะหลายต่อหลายครั้งที่เจ้าของรถไม่พอใจก็จะเกิดการรื้อ การเจาะตัวถังรถจนเกิดความเสียหาย ยิ่งหากได้ช่างที่ไม่มีความชำนาญ ต่อให้เครื่องเสียงดีและแพงแค่ไหน ถ้าการติดตั้งไม่ดีจากเครื่องเสียงราคาหลักแสนแต่ได้เสียงคุณภาพหลักพันก็เป็นได้
ที่มาข้อมูล: kapook , kapook , kapook , powersoundv9 , autoinfo , masii
Comments 3