ฤดูฝนเป็นช่วงที่อุบัติเหตุทางรถยนต์เกิดขึ้นได้ง่าย สาเหตุหลักเพราะถนนลื่น ทำให้การควบคุมทิศทางของรถยากกว่าเดิม แถมทัศนวิสัยโดยรอบแย่ลงจนเสี่ยงต่อการชนกับรถคันรอบ ๆ ก่อนออกเดินทางช่วงหน้าฝน จำเป็นต้องตรวจเช็กสภาพรถยนต์ให้เรียบร้อยเสียก่อน รวมทั้งการใช้ น้ำยาเคลือบกระจกรถ ก็สำคัญไม่แพ้กัน ดังนั้นมาดูกันดีกว่าว่าต้องตรวจเช็กรถยนต์อะไรบ้าง และทำความรู้จักกับน้ำยาเคลือบกระจกว่าใช้งานอย่างไร
ประโยชน์ของการใช้ น้ำยาเคลือบกระจกรถ
- ลดการเกาะตัวของน้ำฝนบริเวณกระจก รถยนต์ที่ไม่ได้ผ่านการเคลือบด้วยน้ำยา เวลาฝนตกจะสังเกตได้ชัดว่าหยดน้ำเกาะจนแทบมองทางข้างหน้าไม่เห็น ถึงจะเปิดใบปัดน้ำฝนที่ระดับสูงสุดแล้วก็เห็นผลน้อยมาก เพราะน้ำจับตัวเป็นก้อนหนา ทำให้การปัดน้ำฝนออกทำได้ยากขึ้น ตรงข้ามกับกระจกรถยนต์ที่ผ่านการเคลือบ น้ำฝนจะไม่เกาะบนผิวกระจก แต่จะไหลลงด้านล่างไปเลย จึงยังช่วยให้เห็นทางด้านหน้าอย่างชัดเจน
- ป้องกันสิ่งสกปรกและช่วยให้รถสวยงามขึ้น กระจกรถยนต์ที่ผ่านการเคลือบจะมีความเงางามกว่ากระจกรถยนต์ที่ไม่ได้เคลือบอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งช่วยให้รถยนต์ของคุณดูดีไปในตัว ที่สำคัญฝุ่นละออง ขี้นก หรือสิ่งสกปรกอื่น ๆ ติดกระจกยากกว่าเดิม ทำให้เวลาจอดรถยนต์กลางแจ้ง หมดกังวลปัญหาสิ่งสกปรกเกาะกระจกไปได้
เลือก น้ำยาเคลือบกระจกรถ อย่างไรถึงจะใช้งานได้ดี
- ผลิตภัณฑ์ที่ไม่หนืดจนเกินไป น้ำยาเคลือบกระจกรถนั้นมีลักษณะแตกต่างกันออกไป ทั้งน้ำเหลวใส หรือฉีดพ่นแบบสเปรย์ที่เพียงแค่พ่นสเปรย์ก็เคลือบกระจกรถยนต์ได้แล้ว ในขณะที่บางส่วนเป็นน้ำยาเหลวหนืดมาก ทำให้ผู้ใช้งานต่างไม่นิยมน้ำยารูปแบบนี้ เพราะเวลาฝนตกหนัก ใบปัดน้ำฝนจะทำงานได้ไม่เหมือนเดิม กระโดดดีดไปมา เนื่องจากน้ำยาไปเคลือบบริเวณใบพัด ผู้ใช้งานน้ำยาเคลือบเหลวหนืด จึงควรหลีกเลี่ยงการใช้ใบปัดน้ำฝนแบบซิลิโคน (น้ำยาเคลือบมักทำปฏิกิริยากับวัสดุดังกล่าวเป็นหลัก) หรือก่อนลงน้ำยาควรใช้ผ้าปิดใบปัดน้ำฝนไว้
- ใช้ผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับลักษณะผิวฟิล์ม ผู้ขับขี่บางรายเลือกใช้น้ำยาเคลือบแก้วหรือน้ำยาเคลือบสีรถยนต์มาใช้เคลือบกระจก แทนผลิตภัณฑ์น้ำยาเคลือบกระจก แต่น้ำยาเคลือบแก้วมีความเป็นกรดสูงมาก ค่า pH 10 จึงมีโอกาสที่น้ำยาเคลือบแก้วจะกัดกร่อนแผ่นฟิล์มที่อยู่บนผิวกระจกได้
ขั้นตอนตรวจเช็กรถยนต์และวิธีการใช้น้ำยาเคลือบกระจก
- สภาพเบรก
หมั่นตรวจสอบ หม้อลมเบรก แม่ปั๊มเบรก และผ้าเบรก ว่ายังทำงานได้ปกติหรือไม่ โดยสิ่งที่ช่วยให้พบว่าสภาพอะไหล่ทั้ง 3 มีปัญหา คือ มักเหยียบเบรกไม่ค่อยลง ใช้แรงเหยียบมากเกินจนผิดปกติ และเมื่อเหยียบเบรกแล้วรถยนต์ยังไหลต่อ บางคันมีอาการน้ำมันเบรกหยดออกมา หากพบว่ามีอาการดังกล่าวเกิดขึ้น ควรรีบเข้าศูนย์แก้ไขปัญหาโดยด่วน
- ล้อรถยนต์
การตรวจเช็กล้อรถยนต์ ควรสังเกตบริเวณหน้ายางว่ามีรอยขาดหรือรูรั่วหรือไม่ ถ้าฝืนขับรถยนต์ต่อด้วยสภาพยางที่มีรอยรั่ว มีโอกาสสูงมากที่จะเกิดยางแตกระหว่างขับขี่ ดอกยางรถยนต์ก็สำคัญไม่แพ้กัน เนื่องจากดอกยางทำหน้าที่ช่วยยึดเกาะผิวยางกับถนนอย่างมีประสิทธิภาพ หากดอกยางสึกจะทำให้ความสามารถในการยึดเกาะถนนของยางลดลง ทำให้เวลาเบรกเมื่อถนนลื่น รถยนต์จะไม่หยุดทันทีและเกิดการไหลต่อ จึงมีแนวโน้มสูงที่จะชนกับรถยนต์คันข้างหน้าได้ ดังนั้นการเลือกใช้ยางรถยนต์ ควรเลือกยางมือหนึ่ง เพราะว่ายางมือสองสภาพมักไม่เต็มร้อย และอาจเกิดเหตุยางแตกกลางทางได้
- ไฟรถยนต์และแบตเตอรี่
หากเปิดไฟรถยนต์แล้วติดไม่ครบทุกดวง เกิดอาการกระพริบ และส่องสว่างน้อยลง บ่งบอกว่าปัญหาอาจเกิดจากหลอดไฟเสื่อมสภาพหรือแบตเตอรี่รถยนต์หมด ซึ่งอันตรายอย่างมากระหว่างขับขี่ช่วงฝนตกหนักเพราะทัศนวิสัยรอบข้างลดลงจนมองไม่เห็นทางข้างหน้า อาจชนรถยนต์คันอื่นได้ ดังนั้นก่อนออกเดินทางควรเปลี่ยนหลอดไฟให้เรียบร้อย และชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มเสมอ
- กระจกรถยนต์และใบปัดน้ำฝน
ในช่วงฝนตกหนัก หากใบปัดน้ำฝนทำงานไม่ปกติ เช่น มีใบปัดน้ำฝนเพียงข้างเดียวหรือใช้งานไม่ได้เลย ย่อมมีโอกาสที่ผู้ขับขี่จะมองทางข้างหน้าไม่เห็น และกระจกรถยนต์ที่ไม่ผ่านการเคลือบด้วยน้ำยา อาจมีน้ำฝนเกาะมากจนเกินไปจนเกิดรอยฝ้า สร้างความรบกวนใจแก่ผู้ขับขี่ การใช้น้ำยาเคลือบกระจกจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยวิธีการเคลือบกระจกสามารถทำได้ด้วยตนเอง เพียงแค่ใช้น้ำยาที่มีคุณภาพ แนะนำให้เลือกที่มีอายุการใช้งานนานหน่อยซักประมาณ 2 – 3 ปี ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วการลงน้ำยาเคลือบมักมีวิธีการใช้งานดังนี้
- ขั้นตอนที่ 1 ก่อนใช้น้ำยาเคลือบ ให้ทำความสะอาดกระจกให้เรียบร้อย ด้วยผ้าเช็ดกระจก หรือหากมีขี้นก ฝุ่นเกาะมากเกินไป แนะนำให้ล้างกระจกด้วยน้ำเปล่า จากนั้นเช็ดให้แห้ง และปล่อยไว้เป็นเวลา 30 นาที เพื่อมั่นใจว่าไม่มีหยดน้ำติดอยู่ที่อาจเกิดรอยฝ้าได้
- ขั้นตอนที่ 2 ลงน้ำยาเคลือบกระจกด้วยฟองน้ำ ทาให้ทั่วกระจก
- ขั้นตอนที่ 3 ทิ้งไว้เวลาประมาณ 10 นาที เพื่อให้น้ำยาเคลือบแห้งได้ที่
- ขั้นตอนที่ 4 หาผ้ามาเช็ดหยดน้ำยาที่ยังหลงเหลืออยู่ เพียงเท่านี้ก็เสร็จสิ้นขั้นตอนลงน้ำยาเคลือบด้วยตัวเองแล้ว
แม้น้ำยาเคลือบกระจกมีประโยชน์ในช่วงฝนตกหนัก ช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นทางง่าย โดยไม่ต้องเปิดใบปัดน้ำฝนมากนัก แต่การขับรถยนต์อย่างมีสติ เคารพกฎจราจรก็สำคัญไม่แพ้กัน ดังนั้นนอกจากตรวจสอบสภาพอะไหล่หรืออุปกรณ์แล้ว การขับขี่อย่างระมัดระวัง ไม่ขับเร็วจนเกินไป ก็ช่วยลดอุบัติเหตุทางจราจรได้ในระดับหนึ่ง หากต้องการ น้ำยาเคลือบกระจกรถ หรืออุปกรณ์สำหรับรถยนต์ เลือกซื้อได้ที่ร้านค้าออนไลน์ของลาซาด้า
ที่มาข้อมูล: godtowathailand , my-best , kleansquare