เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่หลายคนมักได้ยินว่า อาหารเสริม DHA มีส่วนช่วยให้ลูกฉลาดขึ้น จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่มักจะพากันไปซื้อวิตามินตัวนี้มาให้เด็กทาน แต่ว่าเจ้าอาหารเสริมตัวนี้จะช่วยได้มากน้อยขนาดไหน หรือมีความจำเป็นอย่างไร วันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักให้มากขึ้นกว่าเดิมกัน ตามมาได้เลย
อาหารเสริม DHA ช่วยได้จริงไหม
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จัก DHA กันก่อน ชื่อนี้ย่อมาจากคำว่า Docosahexaenoic acid เป็นกรดไขมันจำเป็นในกลุ่ม Omega-3 ร่างกายจะได้รับ DHA จากการทานปลาและต้องเป็นปลาน้ำลึกในทะเลเมืองหนาวจึงจะมีสารอาหารสูง ประโยชน์ของเจ้าสารอาหารชนิดนี้คือช่วยบำรุงสายตาและสมองของคนเราตั้งแต่วัยแรกเกิด เด็กที่ได้รับ DHA ในปริมาณที่เหมาะสมตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดาจะมีพัฒนาการที่ดี มีความฉลาด เรียนรู้ได้เร็ว
การเสริมสร้างพัฒนาการของลูกจะทำได้ดีหากคุณแม่บำรุงตัวเองตั้งแต่ตอนที่ลูกอยู่ในครรภ์ สารอาหารนี้จะเข้าไปเพิ่มน้ำหนักตัวของเด็ก สร้างมวลกล้ามเนื้อ และยังช่วยลดความเสี่ยงในการคลอดก่อนกำหนดอีกด้วย ในช่วงใกล้คลอด (ก่อนคลอดประมาณ 3 เดือน) เป็นช่วงสำคัญ หากเด็กได้รับ DHA มากพอ สมองและระบบประสาทจะพัฒนาเต็มที่ ว่าที่คุณแม่ที่ตั้งครรภ์ควรรับประทานอาหารที่มีดีเอชเอให้ได้ประมาณ 300 มิลลิกรัมต่อวัน เป็นภารกิจของการกินเพื่อลูกอย่างแท้จริง
อาหารเสริม DHA จำเป็นอย่างไรต่อเด็ก?
เด็กทารกมีความโชคดีอย่างมากเพราะนอกจากเขาจะได้รับสารอาหาร DHA ผ่านทางรกของคุณแม่ที่ใส่ใจบำรุงสุขภาพแล้ว เขายังมีโอกาสที่จะได้รับสารอาหาร DHA จากนมแม่หลังจากที่คลอดออกมาอีกด้วย โดยเฉพาะในช่วงระยะเวลา 3 เดือนหลังคลอด จึงควรให้ลูกได้รับนมแม่เต็มที่เพราะมี DHA ธรรมชาติที่ดีที่สุดในการบำรุงเซลล์สมองและสายตาของลูกต่อเนื่องจากตอนที่อยู่ในครรภ์ เด็กที่ได้รับน้ำนมแม่จะนำสารอาหารนี้ไปใช้อย่างเต็มที่ ดังนั้นคุณแม่ที่อยู่ระหว่างให้นมลูกควรทาน DHA ต่อเนื่องต่อไปอีก ให้ได้ปริมาณ 300 มิลลิกรัมต่อวันเช่นกัน
เมื่อเด็กเข้าสู่วัยเรียนเริ่มต้องใช้สมองและสายตา จึงควรได้รับ DHA ในปริมาณที่เหมาะสม นอกจากบำรุงสมองและสายตาแล้ว DHA ยังช่วยลดความเสี่ยงจากการเป็นโรคสมาธิสั้นอีกด้วย จากการศึกษาวิจัยทางการแพทย์พบว่า เด็กที่เป็นโรคสมาธิสั้นนั้นมีระดับ DHA ในเลือดต่ำ จึงเป็นเหตุผลที่ควรให้ลูกได้รับอาหารเสริมหลังจากลูกผ่านพ้นวัยหย่านมไปแล้วจนถึงวัยเรียน เพราะสารอาหารชนิดนี้ร่างกายคนเราสร้างขึ้นเองไม่ได้ และอาหารปกติที่ลูกทานบ้างไม่ทานบ้างนั้นเชื่อว่ามีปริมาณ DHA ไม่เพียงพอ
คุณประโยชน์ที่หลายคนยังไม่รู้ของวิตามิน DHA
เด็กสมัยนี้มีความเสี่ยงที่จะเครียดตั้งแต่เล็ก ๆ ด้วยปัจจัยต่าง ๆ ความเครียดอาจไม่ใช่ปัญหาทางสมองโดยตรง แต่เป็นอุปสรรคต่อการเรียนของลูก เมื่อลูกมีความเครียดสมาธิจะไม่มีทำให้เรียนไม่รู้เรื่อง จำเป็นอย่างมากที่คุณแม่ต้องหาวิธีลดความเครียดของลูกลงเพื่อให้เกิดสมาธิและสามารถเรียนรู้ได้ตามปกติ
วิธีลดเครียดทางหนึ่งก็คือการเลือกรับประทานอาหารที่มี DHA เพื่อช่วยเพิ่มสารแห่งความสุข เช่น ปลาทูน่า ผลไม้ต่าง ๆ ก็ช่วยได้ หรืออาหารเสริมที่มี DHA ประกอบอยู่ จะช่วยเติมความสดชื่นให้กับร่างกายและสมอง ลดความเครียดของลูกให้น้อยลงและเพิ่มสมาธิของลูกให้มากขึ้น
เรื่องควรรู้เมื่อคุณแม่ต้องซื้อวิตามินดีเอชเอ
การซื้ออาหารเสริม DHA คุณแม่ควรพิจารณาเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ โดยต้องแน่ใจว่าผลิตภัณฑ์นั้นผ่านเกณฑ์มาตรฐานสากลในเรื่องความปลอดภัยจากสารปนเปื้อนที่จะเข้าไปสะสมในร่างกายจนเป็นอันตรายต่อสุขภาพและปลอดเชื้อโรคที่จะนำมาซึ่งการเจ็บป่วย สามารถสังเกตได้จากเครื่องหมายรับรอง GMP (มาตรฐานของไทย), BfArm (มาตรฐานเยอรมัน) TGA (มาตรฐานออสเตรเลีย)
และจะต้องมีสารสกัดจากปลาทะเลน้ำลึกในเขตหนาวเพราะมีโอเมก้าสูง หรือเป็น DHA บริสุทธิ์ที่สกัดจากสาหร่ายเซลล์เดียวซึ่งเหมาะกับทารกเพราะสามารถย่อยได้ง่ายและดูดซึมได้ดี นอกจากนี้ควรดูปริมาณ DHA ที่เหมาะสมกับวัยของเด็ก สำหรับเด็กทารกแรกเกิดจนถึงวัยเรียน (อายุประมาณ 5 ขวบ) นั้น ความต้องการ DHA ในปริมาณที่เหมาะสมคือ 17 มิลลิกรัมต่อ 100 กิโลแคลอรี
อาหารเสริม DHA กับสารอาหารอื่นที่ช่วยเสริมฤทธิ์
สารอาหารดีเอชเอจะทำงานได้มีประสิทธิภาพสูง เมื่อทานร่วมกับอาหารสมองอีก 2 ชนิด คือ
- ชนิดแรกชื่อว่า MFGM ซึ่งเป็นอาหารสมองที่สำคัญอีกตัวหนึ่ง หากนำมาเป็นส่วนผสมร่วมกันจะช่วยให้สารอาหารถูกดูดซึมและส่งตรงสู่เซลล์สมองได้ดียิ่งขึ้น ได้ผลที่ดีกว่าการทานอาหารที่มี DHA เพียงอย่างเดียว
- ชนิดที่ 2 PDX หรือ Polydextrose ช่วยให้ร่างกายดูดซึม DHA ได้ดียิ่งขึ้น การเลือกผลิตภัณฑ์ที่มี PDX รวมอยู่ด้วย จะช่วยเสริมให้ลูกได้รับ DHA อย่างเพียงพอ
ดังนั้นเวลาซื้อผลิตภัณฑ์อย่าลืมดูฉลากอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจ สามารถสั่งซื้ออาหารเสริมออนไลน์ได้ที่ Lazada คุณแม่ต้องมั่นใจว่าลูกจะไม่ขาดสารอาหารเพื่อบำรุงสมองและร่างกายทุกส่วนอย่างเพียงพอ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยประกอบที่จะช่วยให้ลูกมีพัฒนาการที่ดีทุกด้าน นั่นคือการออกกำลังกายและการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ทุก ๆ ปัจจัยล้วนเสริมสร้างประสิทธิภาพซึ่งกันและกันให้ลูกของคุณมีความพร้อมต่อการเจริญเติบโตและการเรียนรู้ได้อย่างสมาร์ทสุด ๆ ไปเลย