คุณพ่อคุณแม่ยุคปัจจุบันที่ไม่มีเวลาดูแลลูกแบบเต็มเวลาเพราะต้องทำงานประจำด้วย ต้องมองหาตัวช่วยดูแลลูกในช่วงเวลากลางวันที่ไว้ใจได้ หนึ่งในตัวเลือกนั้นก็คือ เนอสเซอรี่ นั่นเอง อย่างไรก็ตามจะฝากลูกไว้กับสถานรับเลี้ยงและดูแลเด็กให้ไร้กังวลก็เป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ต้องคำนึงและให้ความสำคัญ เพราะเราต้องฝากลูกไว้ตลอดช่วงกลางวันเป็นเวลาค่อนข้างนานหลายชั่วโมง จึงจำเป็นต้องเลือกสถานที่ที่ฝากลูกแล้ว เด็กได้รับการดูแลอย่างดี เราสบายใจ ไม่กังวล มีเวลาและสมาธิทำงานได้อย่างเต็มที่
ควรส่งลูกไป เนอสเซอรี่ เมื่อไหร่ดี
สำหรับคำถามของคุณพ่อคุณแม่ที่ว่าเราควรส่งลูกไป เนอสเซอรี่ เมื่อไหร่ดีนั้น ข้อนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยของแต่ละครอบครัวที่ไม่เหมือนกัน ถ้าคุณพ่อคุณแม่แยกครอบครัวแยกบ้านออกมาหลังแต่งงานและทำงานทั้งคู่ ไม่มีผู้ใหญ่ในบ้านที่ช่วยดูแลลูกให้ได้ ก็อาจต้องส่งลูกไปตั้งแต่ยังเล็กไม่ถึงขวบ แต่บางครอบครัวที่เป็นครอบครัวขยายมีคุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยายอยู่บ้านเดียวกัน ก็อาจจ้างพี่เลี้ยงดูแลลูก และให้ผู้ใหญ่ในบ้านช่วยดูแลอีกที แต่เมื่อลูกอายุได้ขวบกว่า ๆ ถ้าคุณพ่อคุณแม่รู้สึกว่าอยากให้ลูกได้ฝึกฝนการอยู่ที่สถานบริการเลี้ยงและดูแลก่อนเข้าเรียนจริง ก็สามารถทำได้
บางครอบครัวที่ไม่ได้เน้นเรื่องการที่ลูกต้องเรียนรู้ให้เร็วมากนัก แต่เน้นเรื่องอยากให้ลูกพัฒนาการสมวัย อยากเลี้ยงลูกในบ้าน ก็อาจไม่จำเป็นต้องส่งลูกไปเลยก็ได้เช่นกัน ดังนั้นเรื่องการส่งลูกไปสถานเนอสเซอรี่ว่าควรเป็นเมื่อไหร่ดีนั้น คำตอบจึงขึ้นอยู่กับแต่ละครอบครัวมากกว่า
ปัจจัยที่ต้องพิจารณาในการเลือกเนอสเซอรี่
สำหรับครอบครัวที่ตัดสินใจแล้วว่าน่าจะต้องส่งลูกไปให้เนอสเซอรี่ช่วยดูแล เราจะมาแนะ วิธีเลือกเนอสเซอรี่ ที่เหมาะกับลูกน้อยกัน ว่ามีข้อควรพิจารณาหรือต้องคำนึงเรื่องใดบ้าง
- สถานที่ปลอดภัย ความปลอดภัยในเรื่องของสถานที่เป็นสิ่งสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ต้องพิจารณาเป็นปัจจัยแรก ควรเข้าไปสำรวจบริเวณที่สนใจว่าสถานที่ภายในเป็นอย่างไรบ้าง ห้องสะอาดเรียบร้อย ไม่มีของวางเกะกะ ห้องไม่อับชื้น ระบายอากาศได้ดี มีห้องน้ำเพียงพอ สะอาด พื้นแห้งไม่ลื่น มีที่จอดรถอยู่ห่างจากเด็ก มีประตูและทางหนีไฟที่ถูกต้องตามกฎหมาย มีระบบตรวจจับความร้อนและควันไฟ
- สนามเด็กเล่น ของเล่นควรติดตั้งอย่างแข็งแรงมั่นคงปลอดภัย ที่สำคัญควรมีห้องสำหรับแยกเด็กที่ป่วยออกมาดูแลต่างหาก ทั้งยังควรสอบถามเรื่องการรับส่งเด็กในแต่ละวันว่าทางสถานบริการเลี้ยงและดูเด็กนั้นมีวิธีการอย่างไร เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีคนแปลกหน้าที่จะสามารถมารับลูกเราออกไปได้โดยที่เราไม่ทราบหรือไม่ได้อนุญาต
- คุณภาพของครูและจำนวนครูที่เพียงพอ จำนวนครูหรือพี่เลี้ยงที่ดูแลเด็กเป็นปัจจัยสำคัญอันดับแรก ๆ เพราะเด็กทารกหรือเด็กเล็กยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ทั้งเรื่อง หิว ขับถ่าย ไม่สบายตัว อาการต่าง ๆ เด็กจะแสดงออกได้เพียงการร้องงอแงเท่านั้น อาจยังพูดสื่อสารไม่ได้ ครูหรือพี่เลี้ยงจึงสำคัญที่จะช่วยดูแลเด็กวัยนี้ได้ดี คุณพ่อคุณแม่ต้องสอบถามถึงจำนวนครูหรือพี่เลี้ยงว่ามีกี่คน และมีเด็กที่ผู้ให้บริการต้องดูแลเป็นจำนวนทั้งหมดเท่าไหร่ หากครูหรือพี่เลี้ยง 1 คนต้องดูแลเด็กมากถึง 10 คน แบบนี้ถือว่าไม่เพียงพอ ลูกเราอาจไม่ได้รับการดูแลที่ดีพอและอย่างทั่วถึง ไม่เพียงแต่จำนวนครูหรือพี่เลี้ยงเท่านั้น คุณภาพครูและพี่เลี้ยงก็สำคัญไม่แพ้กัน คนดูแลเด็กต้องรักเด็ก ใจเย็น มีทักษะที่สามารถดูแลเด็กได้ ถ้าผ่านการอบรมเรื่องการดูแลเด็ก รวมถึงเรื่องการช่วยชีวิตและการปฐมพยาบาลเบื้องต้นมาด้วย จะยิ่งดีมาก
- อาหารกลางวัน คุณพ่อคุณแม่ควรสอบถามข้อมูลอย่างละเอียดถึงอาหารกลางวัน กรณีเด็กโตทานอาหารได้แล้ว โดยอาหารกลางวันควรมีสารอาหารครบ 5 หมู่ ควรมีผลไม้ และมีนมให้เด็กดื่มด้วย
- ทำเลสถานที่ตั้ง คุณพ่อคุณแม่ควรเลือกสถานรับเลี้ยงเด็กที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากบ้านหรือที่ทำงานมากจนเกินไป เพื่อให้การรับส่งลูกในแต่ละวันใช้เวลาไม่นาน ลูกจะไม่ต้องอยู่ในรถนานจนเกินไป อีกเหตุผลสำคัญคือหากมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้น คุณพ่อคุณแม่สามารถเดินทางไปได้ทันท่วงทีโดยใช้เวลาไม่มาก
- มีกล้องวงจรปิด สถานรับเลี้ยงเด็กที่ดีนั้นต้องมีกล้องวงจรปิดติดตั้งอยู่ เพื่อให้ตรวจสอบได้ตลอดเวลา กล้องวงจรปิดทำให้ผู้บริหารสถานที่สามารถมอนิเตอร์ครูหรือพี่เลี้ยงที่ดูแลเด็กได้ด้วย หากสถานรับเลี้ยงเด็กแห่งนั้นสามารถแชร์ภาพกล้องวงจรปิดให้ และคุณพ่อคุณแม่มีงบพอที่จะจ่ายในส่วนนี้เพิ่มได้ก็สามารถตกลงกับทางเนอสเซอรี่ได้ แต่โดยมากจะเป็นบริการที่มีอยู่แล้วเพราะเป็นจุดขายเพื่อให้ความมั่นใจกับคุณพ่อคุณแม่
- ตารางกิจกรรม คุณพ่อคุณแม่ควรตรวจสอบตารางกิจกรรมประจำวันของทางสถานรับเลี้ยงเด็กว่าเป็นอย่างไร เพื่อให้ตรงกับเป้าหมายที่ต้องการให้ดูแลลูกของเรา เช่น หากคุณพ่อคุณแม่ต้องการให้พัฒนาการของลูกค่อยเป็นค่อยไปตามวัยที่สมควร ก็ควรเลือกที่ไม่ได้มีตารางเร่งรัดการเรียนรู้ในเชิงวิชาการมากจนเกินไป เป็นต้น คุณพ่อคุณแม่ควรตรวจสอบของเล่นเสริมพัฒนาการของเด็กว่ามีเพียงพอหรือไม่ มีลักษณะเป็นอย่างไร และที่สำคัญคือการดูแลรักษาความสะอาดของเล่นดังกล่าวว่าทำเป็นประจำหรือไม่อย่างไรด้วย
- ค่าใช้จ่าย ค่าใช้จ่ายในการฝากดูแลที่เนอสเซอรี่เป็นเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่ต้องนำมาพิจารณาพูดคุยกัน โดยงบประมาณในส่วนนี้ของแต่ละบ้านอาจมากน้อยต่างกันไป ควรเลือกสถานรับเลี้ยงเด็กที่ดีเพียงพอ และมีค่าใช้จ่ายที่เหมาะสมกับงบประมาณของครอบครัวที่ตั้งไว้ เพื่อไม่ให้เป็นภาระมากจนเกินไป
การส่งลูกไปเนอสเซอรี่นั้น คุณพ่อคุณแม่ต้องไม่ลืมเตรียมอุปกรณ์สำคัญและจำเป็นที่ลูกน้อยต้องใช้ในแต่ละวันใส่กระเป๋าไปด้วย เช่น ผ้าเช็ดหน้า เสื้อผ้าสำรอง แก้วน้ำ ยาสีฟัน ฯลฯ โดยสินค้าเด็กเหล่านี้ สามารถเข้าไปเลือกช้อปได้ที่เว็บไซต์ของลาซาด้า
คุณพ่อคุณแม่อาจใช้วิธีสอบถามจากเพื่อน ๆ หรือคนรู้จักที่เคยมีประสบการณ์ในการฝากลูกกับ เนอสเซอรี่ เพื่อให้ได้ความคิดเห็นจากคนที่เคยใช้บริการโดยตรง จะทำให้ได้คำแนะนำว่ามีเรื่องไหนที่ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษบ้าง เขามีวิธีเลือกเนอสเซอรี่อย่างไร เมื่อได้อ่านบทความนี้แล้ว หวังว่าคุณพ่อคุณแม่จะมีแนวทางในการตัดสินใจเลือกสถานรับเลี้ยงเด็กให้กับลูกได้อย่างมั่นใจขึ้น
ที่มาข้อมูล: siaminter , simplymommynote , momandbaby