สำหรับคนที่ชื่นชอบการดื่มกาแฟหรือเครื่องดื่มเย็นอื่น ๆ เชื่อว่าทุกคนจะต้องมี แก้วเก็บความเย็น ประจำตัวสำหรับเอาไว้ใช้ซื้อเครื่องดื่มที่ชอบอยู่อย่างแน่นอน แต่เราเชื่อว่าหลายคนอาจจะต้องเคยเจอกับปัญหาที่ว่าแก้วที่ซื้อมาใช้นั้นเก็บความเย็นได้ไม่ค่อยดี วันนี้เราจึงอยากจะขอแนะนำแนวทางและเทคนิคดี ๆ ในการเลือกแก้วเก็บเครื่องดื่มเย็น ๆ ที่ใช้งานได้จริง เก็บความเย็นได้นานทั้งวันมาฝากกัน
แก้วเก็บความเย็น มีหลักการทำงานอย่างไร?
หลักการทำงานของแก้วเก็บอุณหภูมิคือการจัดการกับความร้อน ด้วยหลักการที่ว่าความร้อนเป็นสิ่งที่ไม่อยู่กับที่และจะมีการเคลื่อนย้ายตำแหน่งอยู่ตลอดเวลา ซึ่งหลักที่ความร้อนใช้เดินทางก็จะมีอยู่ 3 หลัก คือ การนำความร้อน การพาความร้อน และการแผ่รังสีความร้อน
ด้วยการเดินทางของความร้อนนี้คือสิ่งที่ทำให้เครื่องดื่มเย็น ๆ ที่อยู่ในแก้วของเราเปลี่ยนแปลงไป ทำให้น้ำแข็งละลาย รสชาติของเครื่องดื่มเปลี่ยน ความเย็นความสดชื่นน้อยลง จึงมีคนคิดหาแนวทางในการจัดการกับเรื่องนี้ ด้วยการป้องกันการถ่ายโอนความร้อนทั้ง 3 ทาง
โดยมีการออกแบบแก้วให้ป้องกันการพาความร้อนด้วยการทำให้มีผนังสองชั้น คั่นกลางด้วยสุญญากาศอีกทีเพื่อป้องกันการพาความร้อน และสุดท้ายคือการเคลือบภายในด้วย Silver Coating เพื่อให้เกิดการแผ่รังสีความร้อนน้อยที่สุด
เทคนิคเลือก แก้วเก็บความเย็น
- เลือกแก้วที่ทำมาจากสเตนเลส แก้วเก็บความเย็นที่ผลิตมาจากสเตนเลสจะมีความสามารถในการเก็บอุณหภูมิทั้งร้อนและเย็นตามหลักของการถ่ายเทความร้อน ทั้งยังเป็นแก้วที่มีความแข็งแรง ทนทาน ทนสนิมและการกัดกร่อน แถมยังมีน้ำหนักเบาด้วย
- ส่วนพลาสติกควรเป็น BPA-Free แก้วที่มีชิ้นส่วนเป็นพลาสติกบางส่วนหรือทั้งใบ เวลาเลือกควรจะดูด้วยว่าพลาสติกที่เอามาใช้ผลิตนั้นเป็นพลาสติกคุณภาพที่มีความปลอดภัยหรือไม่ โดยให้ดูได้จากสัญลักษณ์ BPA-Free ซึ่งเป็นตัวที่บอกว่าแก้วใบนี้สามารถนำไปใส่เครื่องดื่มได้อย่างปลอดภัย
- เลือกแก้ว 2 ชั้น เท่านั้น ข้อนี้สำคัญมาก เพราะตามหลักในการถ่ายเทความร้อนที่เราบอกไป ถ้าแก้วมี 2 ชั้น โดยมีช่องว่างตรงกลางเป็นสุญญากาศ ก็จะทำให้มีความสามารถในการเก็บอุณหภูมิได้ดีกว่าแก้วที่มีผนังหนา ๆ แต่มีเพียงชั้นเดียว
- ขนาดเครื่องดื่มที่ดื่มประจำ ปกติแล้วเรามักจะมีขนาดของเครื่องดื่มที่เรานิยมสั่งกับคาเฟ่ประจำอยู่ อย่างพวกแก้วเล็ก กลาง ใหญ่ ทางร้านก็จะมีปริมาณกำหนดไว้ ถ้าไม่รู้ว่าขนาดที่เราสั่งเป็นเท่าไหร่ ให้ถามจากร้านได้เลย พยายามเลือกให้ขนาดพอดีกับปริมาณเครื่องดื่ม เพราะจะช่วยให้การเก็บอุณหภูมิทำได้ดีกว่า
- ขนาดของช่องใส่แก้วในกระเป๋าและในรถ นี่คือตัวเลือกสำคัญอีกข้อที่เราไม่ควรมองข้าม ก่อนจะเลือกแก้วน้ำไปใช้ เพราะหลายครั้งที่เวลาเราซื้อเครื่องดื่มใส่แก้วไปแล้ว แต่เอาไปใส่ไว้ในที่วางแก้วที่รถยนต์ไม่ได้ หรืออยากจะใส่ไว้ข้างกระเป๋าสะพายตัวโปรดเวลาเดินทาง แต่ขนาดแก้วกลับไม่พอดี ดังนั้นตอนเลือกซื้อก็อย่าลืมวัดขนาดของที่วางแก้วในรถบวกกับเอากระเป๋าไปลองใส่ดูด้วยนะ
รีวิวร้านค้า แก้วเก็บอุณหภูมิ ที่น่าสนใจ ตัวไหนน่าซื้อมาใช้บ้าง
- SHEEPOLA
แก้วใบนี้นอกจากจะเป็นแก้วเก็บอุณหภูมิแล้ว ก็ยังเป็นแก้วที่สามารถใช้ผสมเครื่องดื่มได้ด้วย กับฟังก์ชันปั่นเครื่องดื่มที่คุณสามารถใช้ชงกาแฟ โกโก้ อาหารเสริม และเครื่องดื่มประเภทอื่น ๆ ที่ต้องการการคนให้เข้ากัน ตัววัสดุผลิตจากสเตนเลสสตีลและพลาสติกคุณภาพสูง เก็บรักษาอุณหภูมิของเครื่องดื่มได้ดี ปลอดภัย ไร้กังวลเรื่องสารตกค้าง ทำความสะอาดง่าย
- UCAM
แก้วน้ำเก็บอุณหภูมิใบนี้สามารถใช้เก็บได้ทั้งเครื่องดื่มร้อนและเย็นนานประมาณ 3-4 ชั่วโมง เลยทีเดียว ผลิตจากสเตนเลสสตีล เกรด 304 แท้ การันตีเรื่องเก็บอุณหภูมิได้เป็นอย่างดี จุเครื่องดื่มได้สูงสุด 30 ออนซ์ สามารถวางในช่องวางแก้วน้ำในรถยนต์ได้พอดี เหมาะสำหรับเป็นแก้วใส่เครื่องดื่มขณะเดินทาง ทำความสะอาดง่าย ใช้วัสดุคุณภาพดี ไม่มีไอน้ำเกาะรอบแก้ว
- Super Lock
แก้วเก็บเครื่องดื่มร้อน-เย็นแก้วนี้มีมาให้เลือก 2 ขนาด คือรุ่น S141 กับความจุ 500 ML และรุ่น S140 ความจุขนาด 720 ML ตัวแก้วผลิตจากสเตนเลสสตีลคุณภาพดี ทนทานและไม่เป็นสนิม เลือกใช้วัสดุที่ปลอดภัย ปราศจากสารที่เป็นอันตราย จุดเด่นที่น่าสนใจมากก็คือความสามารถในการเก็บอุณหภูมิร้อนและเย็นได้นานสูงสุดถึง 12 ชั่วโมง ทั้งสองใบเป็นแก้วขนาดมาตรฐานสามารถวางในช่องวางแก้วน้ำของรถยนต์ได้ หรือพกพาไปไหนมาไหนก็สะดวกด้วยขนาดที่กะทัดรัด จะถือก็ง่ายหรือจะใส่กระเป๋าก็หายห่วงด้วยระบบกันน้ำรั่วซึมที่ได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดี
ต่อไปนี้เราก็ไม่ต้องห่วงแล้วว่าแก้วสำหรับเก็บความเย็นที่เลือกซื้อนั้นจะดีหรือไม่ เพราะถ้าคุณได้เลือกซื้อแก้วตามเทคนิคที่เรานำมาฝาก พร้อมกับเลือกแก้วเย็นแนะนำที่เราคัดมาให้ ก็จะทำให้คุณมั่นใจได้แล้วว่าเครื่องดื่มแก้วโปรดของคุณจะยังคงความเย็นสดชื่นและมีรสชาติที่ดี จิบอร่อยชิล ๆ ได้ทั้งวันชัวร์
ที่มาข้อมูล: สาระทีม
Comments 2