เวลาเลือกซื้อ เครื่องกรองน้ำ ตามห้างสรรพสินค้า ก็มักมีคำถามตามมาเสมอว่า แต่ละแบบทำงานต่างกันอย่างไร ? เพราะเมื่อพิจารณาถึงลักษณะภายนอกก็พบว่าเหมือนกันจนแยกไม่ออก อีกทั้งน้ำที่คุณได้ทดลองดื่มเข้าไป รสชาติก็แทบเหมือนกันทุกอย่าง ด้วยเหตุนี้เองเราจึงได้นำสาระความรู้เกี่ยวกับอุปกรณ์กรองน้ำมาให้คุณทราบว่าหลักการทำงานของเครื่องคืออะไร สำหรับเป็นข้อมูลประกอบการเลือกซื้อทุกครั้ง
เครื่องกรองน้ำ 3 ประเภทที่ทุกคนควรรู้จัก
1.Reverse Osmosis
หากพูดถึงเครื่องกรองน้ำคุณภาพสูงคงหนีไม่พ้นกับ Reverse Osmosis หรือรู้จักกันในชื่อ “RO” เป็นเครื่องกรองที่จัดว่าคุณภาพสูง ใช้กระบวนการกรองน้ำให้สะอาดไม่ต่ำกว่า 5 ขั้นตอน โดยหลักการเบื้องต้น คือ กรองน้ำเค็ม หรือน้ำประปา ด้วยไส้กรองสองด้าน จากนั้นนำน้ำที่กรองขั้นตอนแรกมาผ่านเยื่อเมมเบรนอาร์โอมากรองน้ำเพื่อแยกแร่ธาตุด้วยแรงดันน้ำสูง สุดท้ายน้ำบริสุทธิ์จะถูกนำไปใช้เพื่อดื่ม ส่วนน้ำที่ไม่ผ่านมาตรฐานจะนำไปทิ้ง หรือรีไซเคิล และด้วยกระบวนการซับซ้อนนี่เอง ทำให้แร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย ได้แก่ แคลเซียม แมกนีเซียม หรือโพแทสเซียม หายไป และค่า PH ของน้ำลดลงจาก 7 เป็น 5.5 ซึ่งออกไปที่ค่าของกรด ซึ่งในส่วนนี้เราสามารถเติมความเป็นด่างในน้ำ RO ได้ อย่างไรก็ตาม RO เป็นเครื่องกรองราคาแพง และใช้น้ำสำหรับการผลิตมากพอสมควร
2. Ultra Filtration (UF)
UF เป็นอุปกรณ์กรองน้ำที่หลักการทำงานคล้าย RO แต่ใช้แรงดันน้ำต่ำกว่าสำหรับผ่านเยื่อเมมเบรน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกรองน้ำสำหรับโมเลกุลขนาดใหญ่ ได้แก่ แบคทีเรีย สารแขวนลอย และเชื้อไวรัส ทำให้แร่ธาตุบางชนิดยังคงเป็นองค์ประกอบในน้ำอยู่ ไม่ถูกกรองหมดเหมือนกับ RO และตัวเครื่องกรองสามารถกรองได้ในระดับ 0.01 ถึง 1 ไมครอน
3.Ultra Violet (UV)
เป็นประเภทเครื่องกรองที่ได้รับความนิยมสูง เนื่องจากการดูแลรักษาทำได้ง่าย เน้นการกรองน้ำจากน้ำประปามากกว่าแหล่งน้ำแบบอื่น ซึ่งหลักการทำงานของ UV คือไม่ได้ผ่านไส้กรองเหมือนกับ RO และ UF แต่จะใช้แสง UV เพื่อฆ่าเชื้อโรคให้ปลอดเชื้อ ด้วยเหตุนี้เองเครื่องกรอง UV จึงไม่เหมาะสำหรับการทำงานคู่กับน้ำโคลน หรือน้ำที่แปดเปื้อนมาในดินนั่นเอง อย่างไรก็ดีน้ำที่ได้จากกระบวนการฆ่าเชื้อ UV ยังมีแร่ธาตุจำเป็นอยู่บ้าง ไม่ได้ถูกทำลายจนหมด
แนะนำ เครื่องกรองน้ำ ที่น่าสนใจ
เครื่องกรองน้ำ ทั้ง 3 ประเภทที่ได้ยกตัวอย่างมา แต่ละแบรนด์ได้ออกแบบตามดีไซน์ของตัวเองที่เป็นเอกลักษณ์เพื่อดึงดูดความสนใจของกลุ่มลูกค้า โดยเครื่องกรองน้ำรุ่นที่แนะนำมี 2 รุ่น ดังนี้
1. Standard Water Purifier
เครื่องกรองประเภท UF รูปทรงกระบอกวัสดุ Resin กำลังผลิตน้ำสูงสุดอยู่ที่ 500 ลิตรต่อวัน มีขั้นตอนสำหรับการกรองน้ำ คือ เมื่อน้ำประปาเข้าสู่กระบอก Polypropylene Sediment Filter (PP) จะกรองตะแกรงแขวนลอยขนาดเล็กที่ปนมากับน้ำเป็นขั้นแรก น้ำที่ผ่านขั้นตอนนี้จะถูกส่งไปยังไส้กรอง GAC CARBON CARTRIDGE เพื่อกำจัดวัตถุอินทรีย์ที่เป็นอันตรายสำหรับร่างกาย เช่น คลอรีน หรือโลหะหนัก จากนั้นเมื่อผ่านขั้นตอนการกรองด้วยไส้กรอง GAC น้ำจะเข้าไปยังกระบอก Block Carbon Cartridge Filter (CTO) เพื่อดูดซึมสารคลอรีน รวมทั้งกลิ่นเหม็นที่ยังหลงเหลืออยู่ สุดท้ายน้ำจะไหลต่อไปยังไส้กรองน้ำ Sediment และ กระบอก PCB สำหรับกำจัดสารแขวนลอยขนาดเล็ก และกรองสารเคมีที่อันตรายต่อร่างกายออกตามลำดับเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการบริโภคต่อไป
2. Mazuma รุ่น XF-100
เป็นเครื่องกรองชนิด UF เช่นเดียวกัน แต่ขนาดเล็ก เหมาะสำหรับติดตั้งในที่อยู่อาศัยประเภทหอพักหรือคอนโดมิเนียม หรือที่อยู่อาศัยที่มีผู้อาศัย 1 – 3 คน วิธีใช้คือติดตั้งกับก๊อกน้ำได้เลย กรองน้ำสูงสุดถึง 600 ลิตร น้ำมีอัตราไหล 0.6 – 3 ลิตรต่อนาที มีขั้นตอนกรองน้ำ 3 ขั้นตอน ได้แก่
- น้ำประปาผ่านไส้กรอง GAC สำหรับดูดซับสี กลิ่น หรือคลอรีน และสารอินทรีย์อื่นที่ปนเปื้อนมากับน้ำ
- น้ำเข้าไปยังไส้กรอง KDF ดูดซึมสารโลหะหนัก
- น้ำออกจาก KDF เข้าสู่ไส้กรอง UF Membrane เพื่อกรองแบคทีเรีย และเชื้อไวรัสที่เหลืออยู่ในระดับ 0.01 ไมครอน จากนั้นน้ำก็พร้อมดื่มได้ทันที
ขั้นตอนวิธีการทำความสะอาดเครื่องกรองน้ำ
ไม่ว่าจะเลือกซื้อเครื่องกรองแบบใดมา สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยคือ การทำความสะอาดเป็นประจำ หากไม่ทำความสะอาด เมื่อเปิดฝาด้านในเข้าไปจะพบว่าเป็นถังที่เต็มไปด้วยแบคทีเรีย แมลง และฝุ่น ทำเอาคุณไม่อยากดื่มน้ำอีกเลยทีเดียว หากพบสัญญาณน้ำมีกลิ่นเหม็น เจอตะกอนฝุ่นจำนวนมากตกลงไปในน้ำให้รีบทำความสะอาดโดยด่วน ซึ่งมีขั้นตอนให้เครื่องกรองสะอาดง่ายๆ ดังนี้
- ปิดวาล์วน้ำไหลเข้าทั้งหมด
- ถอดไส้กรองที่อยู่ในเครื่องออกมา หากเป็นไส้กรองที่วัสดุเป็นแก้วหรือพลาสติกแข็ง ให้ล้างสวนเข้าไปอย่างน้อย 5 นาที จนกว่าจะไม่เห็นคราบสกปรก และถ้าเป็นไส้กรองคาร์บอนอันทำหน้าที่ดูดซับกลิ่น ให้ใช้แปรงขนนิ่มทำความสะอาด
- เมื่อล้างไส้กรองเสร็จแล้ว อาจนำไส้กรองมาใส่ไว้ในกะละมัง แล้วเติมน้ำให้ท่วม จากนั้นใส่เกลือลงไป เพื่อแช่เป็นเวลา 30 – 40 นาที เพื่อให้ไส้กรองสะอาดยิ่งขึ้น และเป็นการฆ่าเชื้อโรคไปในตัว
หากคุณไม่ได้ล้างไส้กรองเป็นประจำ นอกจากเจอปัญหาเรื่องความสะอาดแล้ว ยังเจอกับอัตราการไหลของน้ำลดลง บางบ้านที่ไม่ได้สังเกตปริมาณน้ำไหล อาจมองว่าเครื่องกรองใช้มานานจนเสื่อมสภาพ แต่ที่จริงแล้วมันก็อาจเป็นแค่ปัญหาฝุ่นอุดตันบริเวณไส้กรองขวางทางเดินน้ำก็เป็นได้
จะเห็นได้ว่าประเภทของเครื่องกรองน้ำทั้ง 3 ชนิด ทำงานแตกต่างกันไป บางประเภทเหมาะกับการทำงานคู่กับน้ำประปาเท่านั้น น้ำบาดาลอาจกรองไม่ดีเท่าที่ควร ทั้งนี้อย่าลืมทำความสะอาดไส้กรองเป็นประจำทุกๆ 3 – 6 เดือน เพื่อป้องกันปัญหาท้องเสีย และเกิดโรคทางเดินอาหารอื่นๆ ได้