ในช่วงนี้เชื่อว่าหลายคนให้ความกังวลกับโรคโควิด-19 กันมาก ซึ่งอาจจะลืมไปว่าโรคไข้หวัดใหญ่ก็เป็นอีกโรคหนึ่งที่น่ากลัวไม่แพ้กัน แถมบางรายที่ติดแล้วอาการยังแยกไม่ออกอีกว่าเป็นโควิด-19 หรือเป็นไข้หวัดใหญ่ แน่นอนว่าเราอาจจะฉีดวัคซีนโควิดกันถึงเข็มกระตุ้นกันแล้ว แต่อาจจะลืมฉีด วัคซีนไข้หวัดใหญ่ หากป่วยขึ้นมาอาจอาการหนักกว่าการเป็นไข้หวัดธรรมดาได้ วันนี้เรามาทำความรู้จักโรคไข้หวัดใหญ่กันให้มากขึ้นดีกว่า จะได้ดูแลตัวเอง สามารถป้องกันและรักษาได้อย่างถูกวิธี
ทำความรู้จักโรคไข้หวัดใหญ่
ไข้หวัดใหญ่ (Influenza) เป็นโรคไข้หวัดที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา (Influenza Virus) ทั้งที่เป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลจากเชื้อไวรัสชนิด เอ บี และ ซี ซึ่งจะระบาดในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว และยังมีไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิด H1N1 ซึ่งกลายพันธุ์มาจากเชื้อเดิม โดยเมื่อติดเชื้อแล้วจะมีระยะฟักตัวเพียง 1-3 วัน ก่อนจะเริ่มแสดงอาการ
การติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สามารถติดได้ผ่านทางเดินหายใจจากเชื้อไวรัสที่กระจายตัวอยู่ในอากาศ ถ้าหากว่าภูมิคุ้มกันของเราอ่อนแอก็อาจจะติดเชื้อได้ นอกจากนั้นเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ยังติดต่อผ่านสารคัดหลั่ง เช่น เสมหะ น้ำลาย น้ำมูก รวมทั้งการสัมผัสหรือใช้ของร่วมกับผู้ป่วย
อาการของไข้หวัดใหญ่
หลังจากที่ได้รับเชื้อแล้ว จะฟักตัว 1-3 วัน แล้วจะเริ่มมีอาการแสดงอย่างไอแห้ง เจ็บคอ มีน้ำมูก ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและตามข้อกระดูก ปวดศีรษะอย่างรุนแรง ร่วมกับการมีไข้สูงเกินกว่า 39 – 40 องศาเซลเซียสติดต่อกัน 3 – 4 วัน อาจมีอาการหนาวสั่นร่วมด้วย บางรายเบื่ออาหารและมีอาการคลื่นไส้อาเจียน โดยในผู้ที่ร่างกายแข็งแรงและมีภูมิคุ้มกันดีมักจะหายได้เองใน 2 สัปดาห์ แต่ก็ใช่ว่าโรคไข้หวัดใหญ่จะไม่อันตราย เพราะอาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ปอดอักเสบ หอบเหนื่อย เจ็บหน้าอก เสี่ยงต่อการเกิดหลอดลมอักเสบหรือหัวใจวายได้ บางรายอาจมีอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ซึ่งภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้ทำให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ ยิ่งในกลุ่มเปราะบางอย่างเด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป รวมไปถึงผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวเรื้อรังต่าง ๆ
วิธีรักษาไข้หวัดใหญ่
เนื่องจากไข้หวัดใหญ่นั้นเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส วิธีการรักษาจึงต้องอาศัยภูมิคุ้มกันของร่างกายในการจัดการกับไวรัสเอง เน้นรักษาตามอาการ เช่น ให้ยาพาราเซตามอลเพื่อลดไข้ ให้ยาแก้ไอ ให้ยาละลายเสมหะ เป็นต้น คนไข้จะต้องรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอเพื่อให้ร่างกายฟื้นฟูตัวเองได้เร็วขึ้น แต่ถ้าเป็นหนักหรือมีอาการแทรกซ้อน แพทย์ก็อาจจะพิจารณาให้ยาต้านไวรัส (Antivirals) เพื่อยับยั้งการแบ่งตัวของเชื้อไวรัส Influenza ในร่างกาย
ป้องกันโรคได้ด้วย วัคซีนไข้หวัดใหญ่
ไข้หวัดใหญ่เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส ไม่มียารักษาเฉพาะ จำเป็นจะต้องให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาจัดการกับไวรัสเอง ดังนั้น การป้องกันด้วยการฉีด วัคซีนไข้หวัดใหญ่ เพื่อให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเรียนรู้และจดจำไวรัสจึงเป็นวิธีการสำคัญในปัจจุบัน โดยวิธีการก็คือฉีดเอาเชื้อไวรัส Influenza ที่ทำให้หมดสภาพแล้วเข้าร่างกาย เพื่อให้ร่างกายสร้างแอนติบอดี้ขึ้นมาจัดการกับไวรัส ทีนี้ถ้าเราเกิดติดเชื้อขึ้นมา ภูมิคุ้มกันของร่างกายก็จะเข้าทำงานได้ทันที เพราะถือว่าร่างกายมีภูมิแล้ว จะช่วยให้โอกาสที่จะติดเชื้อจนแสดงอาการนั้นน้อยลง หรือถ้าติดเชื้อแล้วอาจจะแสดงอาการไม่รุนแรง การฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่จึงมีความจำเป็นอย่างมาก โดยเราควรฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ กระตุ้นภูมิคุ้มกันทุกปี ปีละ 1 ครั้ง โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางอย่างเด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป รวมไปถึงผู้ป่วยที่มีโรคเรื้อรัง จะช่วยป้องกันหากติดเชื้อขึ้นมาจะได้ไม่ป่วยหนัก
แนะนำแพ็กเกจฉีด วัคซีนไข้หวัดใหญ่
1. โรงพยาบาลสมิติเวช ไชน่าทาวน์
วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่จากโรงพยาบาลสมิติเวช เยาวราช 1 เข็ม ป้องกันไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ โดยรวมค่าแพทย์ และค่าบริการโรงพยาบาลแล้ว
2. โรงพยาบาลรามคำแหง
โปรแกรมวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่จากโรงพยาบาลรามคำแหง สำหรับผู้ใหญ่ ครอบคลุม 4 สายพันธุ์ 1 เข็ม รวมค่าแพทย์ ค่าบริการโรงพยาบาล และค่าเวชภัณฑ์แล้ว
3. โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท
แพ็กเกจวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่จากโรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท ป้องกันไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ สำหรับผู้ที่อายุมากกว่า 15 ปี รวมค่าแพทย์ และค่าบริการโรงพยาบาลแล้ว
4. โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ
วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่จากโรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ ป้องกันไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ 1 เข็ม รวมค่าแพทย์และค่าบริการสถานพยาบาลแล้ว
จบไปแล้วกับสาระดี ๆ เกี่ยวกับโรคไข้หวัดใหญ่ที่เรานำมาฝาก จะเห็นได้ว่าโรคไข้หวัดใหญ่นั้นอันตรายมากกว่าที่คิด ดังนั้นเราควรป้องกันตนเองด้วยการฉีด วัคซีนไข้หวัดใหญ่ เป็นประจำทุกปี เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย ร่วมกับการดูแลตัวเองโดยรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ เท่านี้ก็จะช่วยให้เราห่างไกลจากโรคไข้หวัดใหญ่แล้ว
ที่มาข้อมูล: paolohospital , bumrungrad , bangkokhospital