เมื่อพูดถึงระบบปฏิบัติการของAppleคงนึกถึง iOS แน่นอน ด้วย Ecosystem ที่ออกแบบมาให้ใช้งานร่วมกับอุปกรณ์อื่นของค่ายไม่ว่าจะเป็น iPad หรือ Mac ด้วยฟีเจอร์ Air drop ต่างจากสมาร์ตโฟนค่ายอื่นที่ใช้ระบบ Android ทำให้ไม่สามารถรองรับการใช้งานกับอุปกรณ์อื่นได้ดีนัก ด้วยเหตุนี้เองระบบปฏิบัติการไอโอเอส ก็ได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องจนมาถึง iOS 16 ที่ใช้กับมือถือแอปเปิลหลายรุ่นในปัจจุบัน เราจึงพามาทำความรู้จักกับไอโอเอส รุ่นใหม่ให้มากขึ้น
iOS 16 ฟีเจอร์ใหม่ แตกต่างจาก iOS 15 อย่างไร
- หน้าจอ Lock Screen
ตอนนี้แอปเปิลได้อัปเดตระบบตกแต่งหน้าจอ lock screen รูปแบบใหม่มากกว่า iOS 15 ที่ทำให้เหล่าสาวกตกแต่งรูปภาพ/วอลล์เปเปอร์ที่ชอบ เพิ่มฟอนต์ที่ใช่ แถมในส่วนของเวลาและวันที่ก็ยังปรับเปลี่ยนสี ขนาดตัวอักษรได้อีกด้วย อีกทั้งยังดูแอปพลิเคชันแบบเรียลไทม์อื่น ๆ (widget) ได้สูงสุดถึง 4 แถบ ไม่ว่าจะเป็น ตลาดหุ้น สภาพอากาศ หรือแม้แต่แถบการแจ้งเตือนที่ถูกย้ายมาจากด้านบนมาอยู่ด้านล่างแถบ widget แทน เพื่อให้คุณอ่านข้อความโดยไม่โดนข้อความแจ้งเตือนบัง และช่วยให้คุณเห็นหน้าจอ Lock Screen โฉมใหม่ได้เต็มพิกัดนั่นเอง
- แชร์รูปภาพผ่าน Library
เวลาถ่ายรูปหมู่กับเพื่อนหรือครอบครัว ใคร ๆ ก็อยากได้ภาพถ่ายเก็บไว้ในสมาร์ตโฟนของตัวเองใช่ไหมล่ะ ซึ่งไอโอเอส 16 ได้สร้างฟีเจอร์ที่มีชื่อว่า iCloud shared Photo library เพื่อแชร์รูปภาพกับสมาชิกครอบครัวสูงสุด 6 คนง่าย ๆ โดยบุคคลที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมอยู่ในคลังรูปภาพ iCloud ไม่ใช่แค่ดูภาพได้อย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังปรับแก้ไขตามที่ต้องการได้ด้วย เปรียบเสมือนการทำงานบน Google Docs ที่ทำงานได้แบบเรียลไทม์ ทำให้ไม่ต้องเสียเวลานั่งแชร์ทีละคนภายหลัง
- ย้ายองค์ประกอบภาพไปอยู่ Background ใหม่
เมื่อถ่ายรูปกับเพื่อนแล้วเจอภาพที่ออกมาหน้าตาดูตลก หรือเป็นโมเม้นต์ตอนเผลอ เราก็อยากแกล้งเพื่อนเอารูปไปใส่ในอีกภาพพื้นหลังใช่หรือไม่ ซึ่งไอโอเอส 15 ไม่สามารถตัดต่อภาพคนออกไปแบบเนียน ๆ ได้ ต้องผ่านการใช้แอปพลิเคชันตัดต่อเท่านั้น แต่พอมาเป็น iOS รุ่น 16 เราก็ย้ายรูปคนออกจากรูปหนึ่งไปใส่อีกภาพหนึ่งได้เลย เรียกได้ว่าสร้างมีมฮา ๆ เอาไปแกล้งเพื่อนได้แบบสะดวกสุด ๆ
- ปักหมุดได้หลายครั้งในทีเดียว
สายท่องเที่ยวทุกคนย่อมเคยใช้ Google Map สำหรับปักหมุดพื้นที่ และค้นหาระยะทางที่ใกล้ที่สุด แต่ด้วยฟีเจอร์ใหม่ของ iOS ได้ช่วยให้คุณปักหมุดได้มากกว่า 1 พื้นที่ กล่าวคือ หากคุณต้องการไปเที่ยวเซ็นทรัลเวิลด์อาจปักหมุดต่อเนื่องไปที่สวนลุมพินี หรือพร้อมพงษ์ได้เลย ทำให้ช่วยคำนวณระยะทางที่ประหยัดเวลาเดินทาง แล้วฟีเจอร์ตัวนี้ปักหมุดได้จุใจถึง 16 แห่ง คนที่กำลังมองหาทริปไหว้พระ 1 วัน 9 วัดไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง
- iMessage แก้ไขได้
ใครใช้งานกับฟีเจอร์ iMessage คงเข้าใจดีว่าเวลาใช้งาน คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความที่ส่งออกระหว่างอุปกรณ์ในเครือแอปเปิลได้ ไม่เหมือนกับการส่ง gmail ที่มีเวลาลบอีเมลผิดในเวลาที่กำหนด แต่ตอนนี้ด้วย iOS รุ่นใหม่ คุณแก้ไขข้อความที่เขียนผิดได้แล้ว ซึ่งฟีเจอร์การแก้ไขข้อความ มีระยะเวลาประมาณ 15 นาทีเท่านั้น
แนะนำไอโฟนรุ่นไหนเปิดตัวพร้อมกับไอโอเอส 16
ตามธรรมเนียมแอปเปิลแล้ว ไอโฟนรุ่นไหนเปิดตัวพร้อม ไอโอเอสรุ่นใหม่ แสดงว่าถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการทำงานระบบปฏิบัติการอย่างเต็มที่ ซึ่งนั่นคือ iPhone 14 Pro นั่นเอง โดยระบบปฏิบัติการรุ่นล่าสุดได้เข้ามามีบทบาท ดังนี้
- iPhone 14 Pro
iPhone 14 Pro และ Pro Max เป็นหนึ่งในสมาร์ตโฟนที่ได้รับการอัปเกรดจากไอโอเอส 16 มากที่สุด มาพร้อมกับโหมดใหม่ “Always on Display” ซึ่งหลักการทำงานของโหมดนี้ คือ เห็นการทำงานของตัวเครื่องอยู่ตลอดเวลาโดยไม่จำเป็นต้องปิด ด้วยอัตรารีเฟรช 1Hz ทำให้เห็นข้อมูลเกี่ยวกับเวลา วันที่ และ widget ที่คุณตั้งมาอย่างเห็นได้ชัด และมีการปรับปรุงในส่วนของความล่าช้าสำหรับสายโทรเข้า รวมทั้งการแจ้งเตือน ซึ่งนอกจากจะได้รับการพัฒนาเพิ่มเติมจากไอโอเอส รุ่น 16 ยังทำงานคู่กับชิป A16 Bionic ที่คุณภาพเต็มประสิทธิภาพทุกด้านไม่ว่าจะเป็นระบบประมวลผล การประหยัดพลังงาน และเล่นเกมก็ไหลลื่น
- iPhone 14 Plus และ iPhone 14
แม้ว่า iPhone ทั้ง 2 รุ่นไม่ได้รับการพัฒนาด้านฟีเจอร์ “Always on Display” เหมือนกับ iphone 14 Pro และใช้ชิป A15 Bionic ที่คุณภาพน้อยกว่า แต่ความละเอียดของหน้าจอก็ทดแทนได้เป็นอย่างดี เริ่มที่ iPhone 14 Plus ใช้จอภาพ Super Retina XDR OLED ขนาด 6.7 นิ้ว หน้าจอมีความละเอียด 2778 x 1284 พิกเซล ที่ระดับ 458 ppi และ iPhone 14 ใช้หน้าจอชนิดเดียวกัน ขนาด 6.1 นิ้ว มาพร้อมความละเอียด 2532 x 1170 พิกเซล ระดับ 460 ppi ด้วยความละเอียดที่คมชัด จึงมองเห็นหน้าจอ Lock Screen แบบใหม่ได้ชัดเจน และความจุเริ่มต้น คือ 128 GB ทำให้การถ่ายรูปผ่านฟีเจอร์ library ทำได้ดี หมดกังวลเรื่องความจุไปได้เลย
ไอโฟนรุ่นไหนได้ไปต่อ รุ่นไหนร่วงตกรุ่นแล้ว หลังอัปเดต iOS 16
iPhone 8, iPhone SE รุ่นที่ 2 และ iPhone SE รุ่นที่ 3 จนถึง iPhone 14 จะได้รับการอัปเดตระบบปฏิบัติการ ซึ่งสามารถอัปเดตได้ผ่านเมนูตั้งค่า เช็กให้แน่ใจว่าต่อสัญญาณ Wi-Fi แล้ว จากนั้นให้เริ่มกดปุ่มอัปเดต ส่วน iPhone ตั้งแต่รุ่น iPhone 6, iPhone7 และ iPhone SE รุ่นแรก จะไม่ได้รับการพัฒนาต่อ อย่างไรก็ดี iPhone กลุ่มดังกล่าวจะยังพัฒนาในส่วนของระบบความปลอดภัยมากขึ้น
จะเห็นได้ว่า iOS รุ่นล่าสุดรองรับการทำงานกับ iPhone 14, iPhone 14 Plus และ iPhone 14 Pro อย่างเต็มที่ ถึงแม้เปิดให้อัปเดตตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา แต่ยังมีการอัปเดตรุ่นย่อยอีกหลายครั้ง เช่น 16.01,16.02, 16.0.3 จนถึง 16.1.2 สำหรับการแก้ไขปัญหาเล็กน้อย อาทิ แก้ไขเสียงไอโฟน 14เบาเมื่อเชื่อมต่อกับ Carplay ดังนั้นผู้ใช้งานจึงควรหมั่นอัปเดตอยู่เสมอ เพื่อให้ระบบของคุณเป็นรุ่นปัจจุบันมากที่สุด
ที่มาข้อมูล: techmoblog , dailygizmo , iphonemod , iphonemod , apple , apple
Comments 1