เวลาพูดถึงสัตว์เลี้ยงแสนน่ารักที่ต้องการเลี้ยงไว้แก้เหงา แน่นอนว่าหลายคนต้องนึกถึงน้องหมา น้องแมว หรือไม่ก็นก เนื่องจากเป็นสัตว์เลี้ยงยอดฮิตที่คนส่วนใหญ่เลี้ยงไว้เป็นเพื่อน แต่ถึงอย่างนั้นยังมีสัตว์อีกหนึ่งชนิดที่ทุกคนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีและสามารถเลี้ยงไว้ดูเล่นได้เช่นกัน นั่นก็คือ ไก่ซิลกี้ แต่สัตว์สายพันธุ์นี้คืออะไร เหมือนไก่ที่พวกเรารับประทานกันหรือไม่ เรามีคำตอบมาฝาก
ทำความรู้จัก ไก่ซิลกี้ สัตว์เลี้ยงยอดนิยมที่ใคร ๆ ก็เอ็นดู
ไก่พันธุ์ซิลกี้ หรือ Marco Silkie คือ ไก่สายพันธุ์หนึ่งมีต้นกำเนิดที่ประเทศจีน มีลักษณะโดดเด่นไม่เหมือนไก่ทั่วไปตรงที่มีขนาดเล็ก ตัวอ้วนกลม หนังดำ กระดูกดำ มีนิ้วเท้า 4 นิ้ว ต่างจากไก่เลี้ยงทั่วไปที่มี 5 นิ้ว หางเป็นพวง ขนปุยสีขาว สีเทา สีน้ำตาล หรือหลาย ๆ สีผสมกัน ขนมีลักษณะนุ่มฟู สัมผัสเหมือนผ้าไหมเป็นที่มาของชื่อสายพันธุ์ เพราะคำว่า Silk แปลว่าเส้นไหม โดยตามธรรมชาติมีขนทั้งสิ้น 4 แบบ ได้แก่ ขนใบเรียบ ขนใบย้อน ขนซิลกี้ และขนซิลกี้แบบย้อนกลับ
เมื่อบวกกับลักษณะนิสัยที่เชื่องช้า ไม่ดื้อ ไม่ซน รักสะอาด ชอบอยู่นิ่ง ๆ ต่างจากไก่บ้านทั่วไป ทำให้ไก่สายพันธุ์นี้ดูน่ารักน่าเอ็นดูและถูกนำมาเลี้ยงไว้ดูเล่นมากกว่าการเลี้ยงไว้เพื่อการรับประทานเนื้อหรือไข่ สำหรับการเลี้ยงไก่สายพันธุ์นี้ในประเทศไทยมีหลายสายพันธุ์ ซึ่งส่วนมากมาจากทางยุโรปและอเมริกา โดยมีราคาขายเริ่มต้นตั้งแต่ 1,000 – 70,000 บาท ขึ้นอยู่กับอายุ เกรด และความโดดเด่น
วิธีการเลี้ยงไก่ซิลกี้ง่าย ๆ ที่มือใหม่ควรรู้
สำหรับใครที่เห็นไก่ซิลกี้แล้วชอบในความน่ารักของสัตว์เลี้ยงชนิดนี้ และอยากลองลี้ยงสักตัวสองตัว แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นเลี้ยงอย่างไร วันนี้เรามีคำตอบมาฝาก
- โรงเรือน
แน่นอนว่าก่อนเริ่มต้นเลี้ยงสิ่งแรกที่ต้องเตรียมให้พร้อมคือ โรงเรือนเลี้ยงไก่ ซึ่งไม่จำเป็นต้องสร้างแบบหรูหรา อาจทำเป็นบล็อกคอนกรีตสูง 2 ชั้น ด้านบนมุงหลังคาคอนกรีต ติดลวดกรงไก่ให้รอบ ส่วนพื้นให้นำทรายมาเทเพื่อให้ไก่ได้เขี่ยเล่นตามอุปนิสัยทั่วไปของไก่ สำหรับการทำความสะอาดควรเปลี่ยนทรายเมื่อหมดสภาพ โดยการนำทรายที่มีมูลสัตว์และเศษอาหารปะปนอยู่ออกและล้างทำความสะอาดโรงเรือน
- การเลี้ยง
ทั่วไปแล้วสามารถเริ่มเลี้ยงไก่สายพันธุ์ซิลกี้ได้ตั้งแต่อายุ 1 เดือน โดยในช่วง 3 เดือนแรก แนะนำว่าให้อนุบาลในกรงที่แห้งก่อน ไม่ควรปล่อยวิ่งอย่างอิสระ เพราะในช่วงอายุน้อยไก่ยังมีภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรง อาจติดโรคตายได้ สำหรับการเลี้ยงตัวเดียวไก่ชนิดนี้จะมีความเชื่องเป็นพิเศษ
เนื่องจากสัตว์ชนิดนี้เป็นสัตว์ที่อยู่อาศัยรวมกันเป็นฝูง หากอยู่ตัวเดียวจะเข้าใจว่าเจ้าของเป็นฝูงเดียวกัน แต่หากต้องการเลี้ยงแบบหลายตัวในโรงเรือนเพื่อขยายพันธุ์ควรเลี้ยงในอัตราส่วนตัวผู้ 1 ตัว ต่อตัวเมีย 4 ตัว และที่สำคัญไม่ควรเลือกตัวผู้ที่มีขนาดใหญ่กว่าตัวเมีย ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันการผสมพันธุ์มากเกินไปและกรณีตัวผู้เหยียบตัวเมียตาย อย่างไรก็ตามกรณีเลี้ยงไว้ดูเล่นไม่จำเป็นต้องเลี้ยงตัวผู้ก็ได้
- อาหาร
สำหรับอาหารที่ใช้เลี้ยงสามารถใช้อาหารสำเร็จรูปสำหรับเลี้ยงไก่โดยเฉพาะ เนื่องจากมีโปรตีนที่เหมาะสำหรับใช้สร้างขนและร่างกายในช่วงแรก โดยแนะนำให้เลือกเป็นหัวอาหารออแกนิกที่มีส่วนผสมของวัตถุดิบจากธรรมชาติจะช่วยให้ ไก่ซิลค์กี้ แข็งแรงมากขึ้น เพราะไม่มีส่วนผสมของสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อสัตว์
- โรคและศัตรูตามธรรมชาติ
โดยธรรมชาติแล้วไก่สายพันธุ์ซิลกี้มีโรคและศัตรูตามธรรมชาติเหมือนไก่ทั่วไป แต่ที่ควรต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ คือ โรคหลอดลม หวัด อหิวาต์ไก่ในฤดูฝน และโรคไข้หวัดนกในช่วงฤดูร้อน ซึ่งสามารถป้องกันได้โดยการกางมุงให้ไก่และรักษาความสะอาดในโรงเรือนหรือบริเวณที่ไก่อยู่ ส่วนศัตรูตามธรรมชาติตัวสำคัญคือ งู แต่สามารถป้องกันได้โดยการราดน้ำยากันงูและสัตว์มีพิษ รวมถึงเลือกติดตะแกรงกรงแบบถี่ก็จะช่วยป้องกันได้มากยิ่งขึ้น
เกร็ดน่ารู้ที่คนอยากเริ่มเลี้ยงไก่ซิลกี้ควรรู้
หลังจากรู้แล้วว่า ไก่ซิลกี้ คืออะไร และต้องเลี้ยงแบบไหนแล้ว เพื่อให้คนอยากเลี้ยงเข้าใจและเลี้ยงได้ตลอดรอดฝั่ง เรามีเกร็ดน่ารู้เล็ก ๆ น้อย ๆ มาฝาก
- ในช่วง 3 เดือนแรก ไม่ควรอาบน้ำให้ไก่อย่างเด็ดขาด เพราะยังเป็นไก่เล็กที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ การอาบน้ำอาจทำให้ไก่ป่วยได้ แต่ถึงแม้จะถึงวัยที่สามารถอาบน้ำได้ หลังอาบน้ำควรใช้ไดร์เป่าขนไก่ให้แห้งเพื่อลดความชื้น
- ไก่สายพันธุ์นี้โตเต็มที่และสามารถผสมพันธุ์ได้เมื่ออายุ 7 – 8 เดือนไปแล้ว โดยหลังจากผสมพันธุ์แล้วขนที่หลังจะเริ่มหายและฟอร์มไก่เปลี่ยนจากเดิม ทำให้ดูไม่สวยน่ารักเหมือนก่อนผสมพันธุ์
- ไก่สายพันธุ์ซิลกี้จะผลัดขนในช่วงฤดูฝน
- สายพันธุ์ที่นิยมเลี้ยงในประเทศไทยคือ สายพันธุ์ซิลกี้ที่มีขนนุ่มเป็นพิเศษและสายพันธุ์โปแลนด์ที่มีจุกบนหัวเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมคล้ายหมวกของทหารโปแลนด์
เป็นอย่างไรบ้างสำหรับข้อมูลดี ๆ เกี่ยวกับ ไก่ซิลค์กี้ ที่เรานำมาฝาก ซึ่งจะเห็นได้ว่าเป็นอีกสัตว์เลี้ยงที่น่าสนใจ เพราะนอกจากจะสวยน่ารักเวลามองทำให้ชุ่มชื่นหัวใจแล้ว ยังเลี้ยงง่าย เผลอ ๆ ถ้าเลี้ยงจนชำนาญสามารถเลี้ยงเป็นอาชีพเสริมสร้างรายได้เพิ่มอีกด้วย
ที่มาข้อมูล : homeday , mgronline , บ้านและสวน , VPN