คุณแม่ท้องอ่อนที่กำลังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการรับประทาน อาหารเสริมคนท้อง ว่าสามารถทานได้หรือไม่นั้น ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่าเมื่อร่างกายของผู้หญิงเข้าสู่สภาวะปฏิสนธิและตั้งครรภ์จะถึงเวลาสำคัญที่ร่างกายของผู้หญิงต้องทำงานหนักมากขึ้น เริ่มตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนภายในร่างกายไปจนถึงระบบการทำงานของอวัยวะภายในที่ต้องทำงานหนักมากขึ้น ส่งผลให้คุณแม่หลายคนมีอาการวิงเวียนศีรษะ อ่อนเพลีย เหนื่อยง่ายและยังทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ ไม่สบายตัวในบางรายด้วย
วิตามินและอาหารเสริมจำเป็นต่อคนท้องแค่ไหน
ในช่วงระหว่างตั้งครรภ์ร่างกายของคุณแม่จะต้องทำงานหนักมากขึ้นเพื่อนำสารอาหารต่าง ๆ ที่คุณแม่ได้รับมาเสริมสร้างระบบประสาท เซลล์สมอง และสร้างอวัยวะของทารก ทำให้ร่างกายของคุณแม่จะต้องได้รับวิตามินและแร่ธาตุที่เพียงพอต่อร่างกายในช่วงเวลาสำคัญนี้ แม้ว่าการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่จะเป็นสารอาหารหลักที่คุณแม่จะต้องได้รับอย่างครบถ้วน แต่เป็นเรื่องยากที่เราจะสามารถรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ในทุกมื้อ การรับประทานวิตามินหรืออาหารเสริมสำหรับคนท้องจึงเป็นสิ่งที่จะช่วยให้คนท้องได้รับวิตามินและแร่ธาตุเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายแม่และลูกน้อยในครรภ์ โดยวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ ได้แก่
- ธาตุเหล็ก เป็นแร่ธาตุที่มีส่วนช่วยในการลำเลียงออกซิเจนไปยังเซลล์ต่าง ๆ ภายในร่างกาย และหากคุณแม่ไม่ได้รับธาตุเหล็กในปริมาณที่เพียงพอตามที่ร่างกายต้องการ นั่นคือประมาณ 27 มิลลิกรัมต่อวัน จะมีส่วนทำให้ลูกน้อยในครรภ์น้ำหนักไม่ถึงเกณฑ์ที่เหมาะสมได้และยังทำให้คุณแม่ตั้งครรภ์เกิดภาวะโลหิตจาง
- กรดโฟลิก หนึ่งในแร่ธาตุที่มีความจำเป็นมาก ๆ ต่อกระบวนการเสริมสร้างระบบประสาทและเซลล์สมอง ซึ่งคุณแม่ที่ได้รับกรดโฟลิกไม่เพียงพอจะส่งผลต่อความผิดปกติของการสร้างอวัยวะ ระบบประสาท และเซลล์สมองของทารกได้
- แคลเซียม กระบวนการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์จำเป็นต้องดึงเอาแคลเซียมจากร่างกายของคุณแม่ ซึ่งกระบวนการดังกล่าวสามารถทำให้คุณแม่เกิดภาวะขาดแคลเซียมได้ เมื่อร่างกายคุณแม่ขาดแคลเซียมก็จะส่งผลต่อการเจริญเติบโตของลูกได้เช่นกัน
- วิตามินและแร่ธาตุอื่น ด้วยสภาพร่างกายของคุณแม่ตั้งครรภ์แต่ละคนมีความแตกต่างกัน ทำให้ร่างกายคุณแม่แต่ละคนต้องการวิตามินและแร่ธาตุอื่น ๆ ที่แตกต่างกันไปด้วย การรับประทานวิตามินรวมจึงเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ช่วยให้ร่างกายของคุณแม่พร้อมต่อการส่งต่อสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ได้
แนะนำ 5 อาหารเสริมคนท้อง ยอดนิยม
สำหรับคุณแม่ที่ไม่มีเวลาดูแลตัวเองหรือทานอาหารได้น้อยเนื่องจากเกิดการแพ้ท้อง การรับประทานอาหารเสริมที่ออกแบบมาเพื่อคุณแม่ตั้งครรภ์เป็นสิ่งที่ช่วยให้ร่างกายของคุณแม่และทารกแข็งแรงได้ โดย 5 อาหารเสริมสำหรับคนท้องที่ขอแนะนำมีดังนี้
- Ginger Gold จินเจอร์โกลด์
ขิง เป็นสมุนไพรไทยที่ได้รับคำนิยามว่าเป็นตัวช่วยสำคัญของคุณแม่ตั้งครรภ์และคุณแม่หลังคลอด เนื่องจากขิงจะช่วยลดอาการคลื่นไส้อาเจียนได้ดีและยังช่วยให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย รวมถึงการรับประทานขิงหลังคลอดจะช่วยในการผลิตน้ำนมได้
- BRAND’S แบรนด์เม็ดซุปไก่สกัดผสมวิตามินบี
ในซุปไก่สกัดไม่เพียงแต่อุดมไปด้วยโปรตีนที่ช่วยในการเสริมสร้างความแข็งแรง ผิวหนัง และกล้ามเนื้อของทารก แต่ยังช่วยให้แม่ตั้งครรภ์รู้สึกสดชื่นมากขึ้นและมีส่วนผสมของวิตามินบีที่ช่วยพัฒนาระบบประสาท สมอง รวมถึงเซลล์ต่าง ๆ ภายในร่างกายด้วย
- Blackmores Folic Acid
คุณแม่ที่วางแผนจะตั้งครรภ์และอยู่ในระหว่างการตั้งครรภ์ควรรับประทาน เนื่องจากอุดมไปด้วยกรดโฟลิกที่ช่วยในการเสริมสร้างระบบประสาทของทารกแรกเกิด และหากมีโฟลิกไม่เพียงพอจะส่งผลต่อการเจริญเติบโต รวมถึงเกิดความผิดปกติในระบบประสาทของทารกได้
- Milk Plus & More
เครื่องดื่มเสริมอาหารที่ออกแบบมาเพื่อคุณแม่ตั้งครรภ์และคุณแม่หลังคลอดโดยเฉพาะ โดยในผลิตภัณฑ์นี้จะมีให้เลือกหลายรสชาติ หลายสูตร เหมาะกับคุณแม่ที่ต้องการบำรุงร่างกายแต่ไม่อยากรับประทานยาเม็ดมาก ๆ
- Dary Vit Zinc Plus
ร่างกายที่ขาดสังกะสีมีผลทำให้เซลล์เม็ดเลือดขาวอ่อนแอส่งผลกระทบต่อความแข็งแรงของระบบภูมิคุ้มกัน การรับประทานซิงค์ในปริมาณที่เหมาะสมจะทำให้เกิดการไหลเวียนของเลือดดีขึ้น พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกันด้วย
แม้ว่าอาหารเสริมจะเป็นตัวช่วยที่ทำให้ร่างกายของคุณแม่และลูกในครรภ์มีสุขภาพดี แต่การรับประทานอาหารเสริมที่ดีควรอยู่ในปริมาณที่เหมาะสมต่อความต้องการของร่างกายเท่านั้น ดังนั้นหากต้องการรับประทานอาหารเสริมเพื่อบำรุงร่างกายควรนำไปปรึกษาสูติแพทย์ก่อนทุกครั้ง และสำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ สิ่งที่สำคัญที่สุดเลยคือการทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ หมั่นดูแลสุขภาพ และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อาหารเสริมเป็นทางเลือกเพิ่มเติมที่ช่วยให้คุณแม่ได้รับวิตามินที่ขาดไป ดังนั้นอย่าลืมดูแลตัวเองเยอะ ๆ กันนะคะ เพื่อสุขภาพที่ดีของตัวคุณแม่และลูกในครรภ์
ที่มาข้อมูล: sikarin , beyondivf , babyandmom , samitivejhospitals , bumrungrad , bangkokhospital
Comments 3