สนุกเกอร์ (Snooker) ถือเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมในลำดับต้น ๆ ของโลก มีการแข่งขันระดับโลกหลายรายการ โดยลักษณะการเล่นนั้นจะมีอุปกรณ์คือโต๊ะรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีผ้าสักหลาดหนาเป็นพื้นโต๊ะด้านใน มีหลุมอยู่ที่มุมทั้ง 4 มุม และตรงกลางด้านยาวของโต๊ะฝั่งละหลุม รวมทั้งโต๊ะจะมี 6 หลุม โดยขนาดโต๊ะมาตรฐานที่ใช้ในการแข่งขันนั้นจะมีขนาด 12 ฟุต นอกจากโต๊ะแล้วจะมีลูกทรงกลมสีต่าง ๆ ได้แก่ สีขาว สีแดง สีเหลือง สีเขียว สีน้ำตาล สีน้ำเงิน สีชมพู สีดำ และไม้คิวในการเล่น
รู้จักกับต้นกำเนิดของกีฬาสนุกเกอร์
กีฬา Snooker มีรากฐานมาจากกีฬาบิลเลียด คาดว่าเริ่มต้นในปี ค.ศ. 1870 มาจากทหารอังกฤษที่ประจำการอยู่ที่ประเทศอินเดีย จนมาถึงในช่วงปี ค.ศ. 1875 เริ่มมีการนำกีฬาบิลเลียดมาผสมผสานกับเกมปิรามิด (ลูกแดง 15 ลูก เรียงเป็นลักษณะปิรามิดบนโต๊ะ) และเกมไลฟ์พูล (ลูกสีต่าง ๆ) มาเล่นรวมกัน โดยเริ่มแรกนั้นจะใช้การเล่นเพียงลูกสีแดง และจากนั้นก็เพิ่มลูกสีต่าง ๆ เข้าไปให้มีความหลากหลายมากขึ้น มีการคิดค้นวิธีการเล่นและพัฒนาเรื่อยมา จนถึงปี ค.ศ. 1884 เนวิลล์ แชมเบอร์เลน แห่งกรมทหารเดวอนเชอร์ ที่ชื่นชอบในการเล่นกีฬาชนิดนี้มากมักจะชอบพูดคำว่า Snooker ขึ้นมาเมื่อคู่ต่อสู้ของเขาแทงลูกพลาด ซึ่งคำ ๆ นี้เป็นคำศัพท์แสลงที่เอาไว้ใช้เรียกทหารใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์ คล้ายจะบอกว่าคู่แข่งเป็นมือใหม่ เป็นการเรียกแบบสนุก ๆ เพียงเท่านั้น แต่คำว่า Snooker ที่เขาพูดนั้นกลับกลายเป็นชื่อเรียกใหม่ของกีฬาชนิดนี้ไป และได้รับความนิยมมากขึ้นและเริ่มคิดค้นกติกาการเล่นเพิ่มขึ้น
ในช่วงนั้นสนุกเกอร์ถูกสงวนเอาไว้สำหรับสมาชิกสุภาพบุรุษเพียงเท่านั้น โดยจะมีการจัดตั้งชมรมและไม่อนุญาตให้บุคคลที่ไม่ใช่สมาชิกเล่นโดยเด็ดขาด ทำให้ชมรม Snooker เริ่มมีมากขึ้นเพื่อรองรับสมาชิกที่สนใจ
Snooker ได้รับความนิยมมากขึ้นในปี ค.ศ. 1927 จากการที่มีการจัดแข่งขันเวิลด์สนุกเกอร์แชมเปียนชิปเป็นครั้งแรกโดยนักกีฬาบิลเลียดชาวอังกฤษที่ชื่อว่า โจ เดวิส แต่หลังจากที่ โจ เดวิส เลิกเล่นกลับทำให้กระแสของกีฬาชนิดนี้ลดลง และกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้งเมื่อ เดวิด แอทเทนเบอเรอห์ จัดการแข่งขันในปี ค.ศ. 1969 และมีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ ในขณะนั้นเทคโนโลยีโทรทัศน์สีกำลังเริ่มต้นพัฒนา เมื่อมีการถ่ายทอดการแข่งขันด้วยโต๊ะสีเขียวกับลูกสีสันต่าง ๆ ที่อยู่บนโต๊ะ จึงช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับผู้ชมมากขึ้นทำให้การแข่งขันครั้งนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีและเริ่มกลับมาเป็นที่สนใจในวงกว้างอีกครั้ง และได้กลายเป็นกีฬายอดนิยมในสหราชอาณาจักรและประเทศในเครือจักรภพอังกฤษเป็นอย่างมาก จนกระทั่งพัฒนามาเป็นการแข่งขันระดับอาชีพ
ซึ่งในอดีตของประเทศไทยนั้นมีนักกีฬาSnookerที่โด่งดังระดับโลกด้วยเช่นกัน นั่นก็คือ วัฒนา ภู่โอบอ้อม หรือ ต๋อง ศิษย์ฉ่อย หากว่าเมื่อใดที่ ต๋อง ศิษย์ฉ่อย ลงแข่งขันและมีการถ่ายทอดสด ผู้คนชาวไทยต่างพากันเฝ้าเชียร์ที่หน้าจอโทรทัศน์ทั่วประเทศ ซึ่งได้เปลี่ยนความเชื่อของคนไทยที่ว่า Snooker คือการพนัน กลายเป็นกีฬาที่สนุกและสร้างรายได้ให้กับนักกีฬาได้เป็นอย่างดี
อุปกรณ์สำคัญในการเล่น สนุกเกอร์
มีอุปกรณ์เสริมหลายอย่างเพื่ออำนวยความสะดวกในการเล่น เช่น ไม้คิวยาว สามเหลี่ยมตั้งลูก ที่มาร์กจุด แต่อุปกรณ์หลัก ๆ เลยที่จำเป็น มีดังนี้
- โต๊ะ Snooker โต๊ะขนาดมาตรฐานที่ใช้ในการแข่งขันนั้นจะมีขนาดยาว 12 ฟุต กว้าง 6 ฟุต ความสูงตั้งแต่ 2 ฟุต 9 นิ้ว ถึง 2 ฟุต 10 นิ้ว โดยที่ด้านบนของโต๊ะจะปูผ้าสักหลาดเพื่อเพิ่มแรงเสียดทานในการเคลื่อนที่ของลูก นอกจากโต๊ะขนาดมาตรฐานแล้วก็ยังมีโต๊ะขนาด 10 ฟุต และ 6 ฟุต สำหรับการใช้เล่นที่ไม่ใช่การแข่งขันอย่างเป็นทางการด้วย
- ลูก Snooker ในการแข่งขันนั้นจะใช้ลูกทั้งสิ้น 22 ลูก โดยแบ่งเป็นลูกสีขาว สีเหลือง สีเขียว สีน้ำตาล สีน้ำเงิน สีชมพู สีดำ อย่างละ 1 ลูก และลูกสีแดง 15 ลูก
- ไม้คิว เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการแทงลูกขาวไปกระทบลูกสีอื่นให้ลงหลุมเพื่อทำคะแนน ไม้คิวนั้นมีทั้งที่ผลิตจากไม้แท้ ๆ และคาร์บอนหรือไฟเบอร์กลาส
- ชอล์ก ชอล์กนั้นจะมีเอาไว้เพื่อฝนที่หัวไม้คิวเพื่อไม่ให้หัวไม้ลื่นจนเกิดการแทงพลาด ทำให้ลูกที่แทงออกไปนั้นเคลื่อนที่ผิดตำแหน่ง
- ไม้เรสต์ เป็นอุปกรณ์ที่เอาไว้ใช้ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถเอื้อมมือไปวางเพื่อแทงลูกได้เนื่องจากมีระยะที่ยาวเกินเอื้อม โดยไม้เรสต์นั้นมีหลายแบบ เช่น Raise Cue รูปตัว X, Spider Raise หรือเรสต์โก่ง เป็นต้น
- ไม้ต่อ เป็นไม้คล้ายกับไม้คิว แต่มีขนาดที่สั้นกว่า มีหัวสกรูเอาไว้ใช้ในการต่อไม้คิวให้ยาวขึ้น ในกรณีที่ลูกอยู่ไกลไม่สามารถใช้ไม้คิวแทงถึงลูกได้
รู้จักกติกาเบื้องต้นของการเล่น สนุกเกอร์
กติกาการเล่นแบบคร่าว ๆ ก็คือ การแทงลูกสีขาวให้ไปกระทบลูกอื่นลงหลุมโดยต้องสลับการแทงเริ่มจากลูกสีแดงก่อน ซึ่งจะมีค่า 1 คะแนน เมื่อแทงลูกแดงลงจะต้องแทงลูกสีอื่น โดยจะมีค่าคะแนนดังนี้ ลูกสีดำมีค่า 7 คะแนน ลูกสีชมพูมีค่า 6 คะแนน ลูกสีน้ำเงินมีค่า 5 คะแนน ลูกสีน้ำตาลมีค่า 4 คะแนน ลูกสีเขียวมีค่า 3 คะแนน และลูกสีเหลืองมีค่า 2 คะแนน สำหรับลูกสีแดงที่แทงลงไปแล้วจะไม่นำขึ้นมาใหม่ แต่ลูกสีอื่น ๆ จะนำขึ้นมาวางตามจุดอีกครั้งจนกว่าลูกสีแดงจะหมด จากนั้นจะทำการแทงลูกสีอื่นโดยเริ่มจากลูกสีเหลืองที่มีคะแนนน้อยที่สุดไปจบที่ลูกสีดำ เมื่อจบเกมใครที่มีคะแนนมากที่สุดจะเป็นผู้ชนะ โดยการแข่งขันจะนับเป็นเกมที่เรียกว่า เฟรม ใครชนะครบตามจำนวนเฟรมที่กำหนดไว้ในแต่ละการแข่งขัน เช่น 4 เฟรม 5 เฟรม 7 เฟรม เป็นต้น ถือเป็นผู้ชนะในครั้งนั้น
สนุกเกอร์ นั้นเป็นกีฬาต้องใช้ทั้งการฝึกฝน ความแม่นยำ สมาธิ ความอดทน และการวางแผนการเล่น ซึ่งในปัจจุบันเป็นกีฬาที่มีผลตอบแทนสำหรับนักกีฬาระดับอาชีพเป็นอย่างดี ในประเทศไทยนั้นก็มีการส่งเสริมกันมากขึ้นเพื่อหวังว่าในวันข้างหน้าประเทศไทยเราจะมีนักกีฬาที่มีความสามารถมาให้ชาวไทยได้เชียร์และกลับมาเป็นที่นิยมเหมือนเช่นในอดีต สำหรับผู้ที่สนใจอยากลองเล่นกีฬาชนิดนี้สามารถเข้าเลือกซื้ออุปกรณ์กีฬาได้ที่ Lazada
ที่มาข้อมูล: wikipedia , cuethong , normabastidas