หากใครใช้งาน กระติกน้ำร้อน เป็นเวลานานย่อมเจอกับปัญหากดน้ำไม่ออก หรือไม่รู้ว่าวิธีทำความสะอาดอย่างไรให้ง่ายที่สุด เนื่องจากกระติกน้ำมีขนาดใหญ่จะให้ล้างน้ำออกเหมือนแก้วน้ำคงยากไม่น้อย ซึ่งหลาย ๆ คนมักเจอปัญหาในการล้างด้านในของกระติกคล้ายกัน บางครั้งถ้าทำความสะอาดไม่ดีมีโอกาสที่สายไฟโดนน้ำอีกต่างหาก ด้วยเหตุนี้เองเราจึงนำเทคนิคการทำความสะอาดกระติกใส่น้ำร้อน และการดูแลรักษามาฝากทุกคนกัน
วิธีการทำความสะอาด กระติกน้ำร้อน พร้อมเทคนิคการดูแลระยะยาว
- ถุงชาใช้งานแล้ว ใครว่าถุงชาที่ผ่านการต้มน้ำมาแล้วจะต้องเอาไปทิ้งอย่างเดียว ทำประโยชน์อื่นไม่ได้ ? ลองนำถุงชาที่เหลืออยู่ แช่กับน้ำร้อนในกระติกทั้งคืน เมื่อตื่นเช้ามาก็เทน้ำออก รับรองว่าคราบกลิ่นเหม็นด้านในหายเป็นปลิดทิ้งไม่เหลือกลิ่นชวนคลื่นไส้เลย
- น้ำส้มสายชู ผสมน้ำส้มสายชูกับน้ำอุ่นแช่ไว้สักระยะ ระหว่างนี้ให้คุณเขย่าตัวกระติกเบา ๆ ซึ่งน้ำส้มสายชูเหมาะสำหรับกำจัดคราบอย่างกาแฟหรือคราบน้ำซุปที่หกลงไปด้านในได้เป็นอย่างดี จากนั้นใช้แปรงขนขนาดเล็กสำหรับแปรงซอกด้านใน เพราะอาจมีคราบหลงเหลืออยู่ เมื่อเสร็จแล้วก็เทน้ำทิ้งก็เป็นอันเสร็จ
เมื่อคุณทราบวิธีการทำความสะอาดแบบไม่ต้องใช้น้ำยาล้างจานขัดด้านในให้เปลืองแรงมากเกินไปแล้ว การดูแลรักษาก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน ซึ่งปัญหาของกระติกน้ำมักเกิดจากการใช้งานมีดังนี้
- ใช้กระติกต้มน้ำร้อนนาน ปัญหาการใช้งานนานเกินไป เกิดจากการใช้งานที่ไม่ปกติ เช่น ใช้น้ำเย็นต้มน้ำร้อน ต้มน้ำในปริมาณมาก หรือเสียบปลั๊กทิ้งไว้ทั้งวัน ซึ่งระบบเครื่องด้านในจะทำงานหนักมากขึ้น ส่งผลให้อุปกรณ์มีโอกาสเสื่อมสภาพได้เร็วกว่าเดิม และถ้าใช้ระยะเวลาต้มน้ำนานขึ้น แน่นอนว่าค่าไฟอาจพุ่งพรวดเลย
- กดน้ำไม่ออก โดยทั่วไปกระติกต้มน้ำแบบฝาปิดยังได้รับความนิยมอยู่ เนื่องจากใช้งานง่าย ซึ่งปัญหากดน้ำไม่ลงมักเกิดจากกระติกชนิดนี้ เนื่องจากท่อปล่อยน้ำอาจเกิดปัญหาท่อน้ำอุดตันจากเศษคราบสกปรกต่าง ๆ วิธีการแก้ปัญหาก็ง่ายมาก เพียงแค่ฉีดน้ำสวนเข้าจากด้านใน เศษสกปรกก็จะหลุดออกมา ช่วยให้น้ำออกจากกระติกได้ง่ายขึ้น
แนะนำ กระติกน้ำร้อน คุณภาพดีที่คุณเป็นเจ้าของได้ง่าย ๆ
- SHARP KP-30T
กระติกน้ำร้อนจากแบรนด์ SHARP ขนาด 2.9 ลิตร ทำมาจากวัสดุสแตนเลส ฐานด้านล่างออกแบบมาด้วยระบบ Rotable Base หมุนได้รอบทิศทาง และยังออกแบบมาให้ดึงปลั๊กไฟออกได้ง่าย หมดกังวลปัญหาดึงปลั๊กเสียบจากกระติกแล้วจะตกหล่น อีกทั้งยังรับประกันนาน 3 ปีเต็ม ใช้งานได้หายห่วง
- SKG KG-2501
กระติกขนาด 2.4 ลิตร จากร้านค้า SKG ใช้กำลังไฟ 750 W ขนาดความสูงเพียง 30 เซนติเมตร จึงมั่นใจได้ว่ารองรับการใช้งานทุกพื้นที่ตั้งแต่ห้องครัวกว้าง ๆ จนถึงในแคมป์ปิ้งไซส์จิ๋ว ตัวกระติกด้านในใช้วัสดุสแตนเลส เพื่อป้องกันรอยสนิมที่อาจเกิดขึ้น ด้านนอกออกแบบตัวฝาล็อกมาบริเวณฝากด สำหรับลดปัญหากดน้ำออกโดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้เมื่อใช้งานเสร็จปิดตัวล็อกไม่ให้น้ำหกออกมาระหว่างขนย้าย
- SOHEF
กระติกน้ำแบบดิจิทัลจากร้านค้า SOHEF ขนาด 3.8 ลิตร ออกแบบการกดน้ำมา 3 วิธี ได้แก่ 1.กดปุ่มเซนเซอร์ให้เด็กหรือผู้สูงอายุใช้งานได้ง่าย 2.นำแก้วน้ำไปรองใต้รูท่อน้ำออก ระบบสัมผัสของกระติกจะปล่อยน้ำออกมาอัตโนมัติ และ 3.กดปั๊มน้ำเองได้เลยแม้ปิดเครื่องไปแล้ว แถมตัวกระติกยังออกแบบช่องระบายความร้อนออก เพื่อป้องกันไอน้ำเกาะบนฝาครอบอีกด้วย
- TOSHIBA PLK-G33TS
กระติกความจุ 3.3 ลิตร ด้านในเคลือบ Healthy Flon สำหรับป้องกันการเกาะติดของคราบตะกอน และช่วยให้ล้างออกได้ง่าย ตัวกระติกออกแบบการตัดไฟฟ้าลัดวงจรเอาไว้หากเกิดความผิดปกติของกระแสไฟ อีกทั้งคุณสามารถเสียบทิ้งไว้ทั้งวันด้วยระบบ Warm Heater ที่ช่วยให้น้ำร้อนอยู่เสมอ
- TOSHIBA PLKSF(WT)A
กระติกต้มน้ำร้อนขนาด 4.5 ลิตร มีหน้าจอ LCD ที่ช่วยบอกอุณหภูมิในกระติก เหมาะสำหรับคนที่อยากรู้ว่าน้ำร้อนเวลาใด ใส่น้ำเยอะเกินไปหรือไม่ มาพร้อมกับเทคโนโลยีเร่งปุ่มเดือด 100 องศาเซลเซียสภายใน 2 นาที ซึ่งตัวกระติกด้านในออกแบบมาให้ล้างตัวเองได้ และหุ้มด้วย Vacuum Insulator สำหรับรักษาอุณหภูมิน้ำด้านในให้คงที่ 75 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 3 ชั่วโมง อีกทั้งมีปุ่มกดน้ำให้โดยไม่ต้องปั๊มน้ำเองให้เสียแรง
ก่อนซื้อ กระติกน้ำ ต้องดูอะไรบ้าง
หากกำลังมองหากระติกน้ำร้อนสักเครื่องแล้วไม่รู้ว่าจะเลือกซื้ออย่างไรดี แถมกระติกน้ำเองก็มีข้อเปรียบเทียบกับกาน้ำร้อนหลายอย่าง ซึ่งมีหลักการพิจารณาอย่างน้อย 2 อย่างที่ช่วยให้ตัดสินใจเลือกซื้อได้ง่ายขึ้น ดังนี้
- ความจุ กระติกน้ำถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการต้มน้ำในปริมาณมาก ซึ่งน้ำที่ใส่ภายในย่อมต้องมีปริมาณเพียงพอตามขั้นต่ำที่กำหนด มิเช่นนั้นน้ำในกระติกจะไม่เพียงพอต่อการต้มเสร็จ 1 ครั้ง เพราะน้ำระเหยไวมาก ถ้าใครต้มน้ำปริมาณเล็กน้อยและอยากต้มน้ำให้เสร็จไว อาจพิจารณาเลือกซื้อกาน้ำร้อนที่ขนาดเล็กกว่า โดยเหมาะแก่การใช้งานกับสมาชิกเพียง 1 – 2 คน ส่วนกระติกน้ำจะใช้สำหรับครอบครัวที่มีสมาชิก 3 คนขึ้นไป ต้องอย่าลืมว่ากระติกน้ำจะใช้พลังงานทำความร้อนสูงกว่ากาน้ำร้อน ถ้าต้มด้วยน้ำด้วยปริมาณน้อยย่อมไม่คุ้มค่าต่อการใช้งาน ส่วนใครใช้น้ำร้อนเป็นปริมาณมากก็แนะนำให้ซื้อกระติกน้ำดีกว่า
- ความยาวของสายไฟ สายไฟของกระติกน้ำจะมีความยาวกว่าสายไฟของกาน้ำร้อนอย่างเห็นได้ชัด และถอดเก็บดูแลรักษาได้ง่ายกว่า ในขณะที่สายไฟของกาน้ำร้อนจะมีความยาวจำกัด และมักออกแบบมาให้ติดอยู่กับแผงทำความร้อน ซึ่งหากต้องการใช้งานโดยไร้อุปสรรคด้านพื้นที่ อาจเลือกใช้งานกระติกน้ำที่ความยาวสายไฟเกิน 1 เมตรย่อมดีกว่ากาต้มน้ำที่เวลาจะใช้งานต้องวางติดปลั๊กไฟตลอดเวลา
จะเห็นได้ว่าถ้าต้องการเลือกใช้งานอุปกรณ์ต้มน้ำโดยมีฟังก์ชัน ความจุ และความยาวสายไฟมากกว่า กระติกน้ำร้อน ก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งสำหรับใครที่กำลังเปรียบเทียบว่าจะเลือกซื้อกาต้มน้ำ หรือกระติกน้ำดี ซึ่งเมื่อตัดสินใจเลือกซื้อกระติกน้ำมาแล้วต้องระวังปัญหากดน้ำไม่ออก และใช้งานหนักเกินไปด้วย เพื่อรักษาอายุการใช้งานให้ยาวนาน สามารถใช้วิธีดี ๆ ที่เราแนะนำกันไปข้างต้นได้เลย
ที่มาข้อมูล: eatingwell