ในช่วงฤดูฝนแบบนี้ หลาย ๆ คนคงมีปัญหาปวดหัวกับการที่บ้านเริ่มมีความชื้นอีกแล้ว เพราะไหนจะปัญหากลิ่นอับ เชื้อรา เฟอร์นิเจอร์บวมต่าง ๆ ที่ส่งผลเสียต่อทั้งตัวบ้านและสุขภาพ ดังนั้นวันนี้เราจึงมีเคล็ดลับดี ๆ ช่วยให้ ดูดความชื้น ออกไปจากบ้านได้ และไม่ต้องกังวลปัญหาเหล่านี้อีกต่อไป ตามมาดูกันเลย
ความชื้นในอากาศส่งผลอย่างไรในชีวิตประจำวัน
Relative Humidity (RH) คือ ความชื้นสัมพัทธ์ที่มีอัตราส่วนของปริมาณไอน้ำจริงในอากาศต่อ ปริมาณไอน้ำที่จะทำให้อากาศอิ่มตัว ณ อุณหภูมิเดียวกัน แสดงในรูปของร้อยละ (%) ซึ่งมีความสำคัญต่อมนุษย์เป็นอย่างมาก เพราะช่วยในเรื่องการรักษาสมดุลของร่างกาย เมื่อร่างกายต้องการกำจัดความร้อนภายในจะทำการขับเหงื่อออกมาทางผิวหนัง
หากอากาศมี RH 100% เหงื่อจะไม่สามารถระเหยในอากาศได้ แต่ถ้าค่า RH ต่ำมาก ๆ จะทำให้เหงื่อระเหยได้เร็วและทำให้ร่างกายรู้สึกเย็น ซึ่งความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศมีความสำคัญเป็นอย่างมาก ไม่เพียงแต่ช่วยให้ร่างกายรู้สึกดีแล้ว ยังช่วยให้บ้านน่าอยู่และปลอดภัยจากโรคภัยไข้เจ็บอีกด้วย
ปริมาณความชื้นในอากาศมีผลต่อการดำเนินชีวิตในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการตากผ้าให้แห้ง การเกษตรกรรม การอุตสาหกรรม ที่อยู่อาศัยและการดำรงชีวิต ซึ่งความชื้นที่เหมาะสมในแต่ละด้านก็จะช่วยให้กิจกรรมนั้น ๆ ได้รับการตอบสนองที่ดีและมีประสิทธิภาพ แต่ถ้าไม่เหมาะสมก็จะทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพและทรัพย์สินให้เสียหายได้ เช่น
- อุตสาหกรรมการผลิตไวน์ ที่ต้องบ่มและควบคุมความชื้นภายในห้องบ่ม
- อุตสาหกรรมอาหาร ที่ต้องควบคุมความชื้นและอุณหภูมิที่เหมาะสมในการจัดเก็บวัตถุดิบ
- ทางด้านการแพทย์และการวิจัย ที่ต้องใช้ห้องควบคุมความชื้นในการเพาะเชื้อ
- บ้านและที่อยู่อาศัย ที่ภายในบ้านจะต้องไม่ชื้นจนเกินไปและไม่แห้งจนเกินไป เพราะอาจทำให้ทรัพย์สินภายในบ้านและตัวบ้านเสียหายได้ เช่น การเกิดเชื้อราบนฝาผนัง เฟอร์นิเจอร์บวม พองและเปื่อย มีการสะสมของเชื้อราและเชื้อโรค
- ด้านสุขภาพ หากมีความชื้นมากเกินไปก็จะส่งผลต่อการเกิดภูมิแพ้ โรคระบบทางเดินหายใจ ในขณะที่มีน้อยเกินไปก็จะทำให้ผิวแห้งปากแห้ง
จะรู้ได้อย่างไรว่าความชื้นในอากาศเหมาะสมหรือไม่?
ความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศที่เหมาะสมต่อร่างกายมนุษย์ที่ทำให้รู้สึกสบายตัวจะมีค่า RH (Relative Humidity) อยู่ที่ 40 – 60% ณ อุณหภูมิ 18 – 25 องศาเซลเซียส โดยสามารถวัดค่าความชื้นได้จากอุปกรณ์ที่มีชื่อว่า Hygrometer หรืออาศัยจากการสังเกตสิ่งรอบ ๆ ตัวว่ามีความชื้นในอากาศมากหรือน้อย ดังนี้
- หากความชื้นในอากาศมีมาก ให้สังเกตจากการเกิดคราบน้ำตามผนัง วอลเปเปอร์ คราบน้ำ ละอองน้ำบนกระจก หรือการเกิดกลิ่นอับภายในห้อง รู้สึกไม่สบายตัว
- หากความชื้นในอากาศน้อยเกินไป จะมีโอกาสเกิดไฟฟ้าสถิต และผิวจะแห้งกว่าปกติ
รวมเคล็ดลับ ดูดความชื้น ภายในบ้านและที่อยู่อาศัย
การดูดความชื้นภายในบ้านมีความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในฤดูฝนที่กำลังจะมาถึงในเร็ววันนี้ เพราะจะช่วยในเรื่องของการรักษาความสะอาดในอากาศ ความสมบูรณ์ของตัวบ้านและทรัพย์สินต่าง ๆ รวมถึงการดูดซับกลิ่นอับภายในบ้านให้มีอากาศที่สะอาดสดชื่นอยู่ตลอดเวลา เพื่อสุขอนามัยที่ดีของผู้ที่อยู่อาศัย
- ติดตั้งพัดลมดูดอากาศ
การติดตั้งพัดลมดูดอากาศควรติดตั้งในพื้นที่หรือบริเวณที่มีความชื้นอยู่มาก เช่น ห้องน้ำ หรือบริเวณซักล้าง (ในกรณีที่เป็นคอนโดมิเนียม) เพื่อที่จะได้เปิดพัดลมให้ดูดความชื้นออกไป โดยสามารถเปิดพัดลมได้ทั้งระหว่างการใช้งานพื้นที่หรือเปิดทิ้งไว้หลังจากใช้งานเสร็จสักระยะ เมื่อรู้สึกถึงความชื้นลดน้อยลงค่อยปิดพัดลมระบายอากาศ ซึ่งวิธีดังกล่าวสามารถที่จะช่วยลดปัญหากลิ่นอับและเชื้อราภายในห้องน้ำและบริเวณใกล้เคียงได้
- ใช้วัสดุจากธรรมชาติ
ถือเป็นหนึ่งในวิธีที่คนโบราณนิยมใช้และยังใช้สืบทอดต่อมาได้ดีในปัจจุบัน แต่อาจจะมีการประยุกต์ใช้ตามกาลเวลา ได้แก่ ถ่านไม้ เกลือ น้ำส้มสายชู หรือแม้แต่การปลูกต้นไม้บางชนิด สามารถที่จะช่วยลดปัญหากลิ่นอับชื้นต่าง ๆ ภายในห้องได้ เช่น ถ่านไม้สามารถที่จะนำมาบรรจุลงในถุงผ้าก่อนที่จะนำไปวางหรือแขวนตามจุดต่าง ๆ ภายในห้อง เพื่อที่จะได้ดูดซับความชื้นและกลิ่นต่าง ๆ ภายในห้องได้
- การใช้พลังงานจากธรรมชาติ
แสงแดดและลมถือเป็นพลังงานธรรมชาติที่ช่วยในเรื่องของการลดความชื้นภายในบ้านได้อย่างดี โดยเฉพาะการออกแบบบ้านให้มีลมพัดผ่านจากภายนอกและการเลือกใช้กระจกใสให้แสงแดดสามารถส่องเข้าถึงภายในตัวบ้านได้ เพื่อไม่ให้ความชื้นก่อตัวภายในบ้านได้
- ใช้กล่องดูดความชื้น
เป็นกล่องที่มีส่วนประกอบของเจลดูดความชื้น หรือซิลิกาเจล ซึ่งเป็นสารสกัดจากทราย สีใส มีคุณสมบัติในการดูด ซับ ความชื้นได้ดี โดยสามารถที่จะดูดเอาความชื้นมากักเก็บไว้ภายในตัวได้มากถึง 30 – 40% ทั้งยังสามารถลดกลิ่นอับและเพิ่มกลิ่นหอมสดชื่นได้อีกด้วย ซึ่งปัจจุบันมีหลากหลายกลิ่นให้เลือก รวมถึงพัฒนาให้มีหลายขนาดเพื่อรองรับการใช้งานในพื้นที่จำกัด เช่น ตู้เสื้อผ้า ตู้รองเท้า เป็นต้น และการใช้งานในพื้นที่ขนาดใหญ่ เช่น ห้องนอน ห้องรับแขก เป็นต้น
- การใช้เครื่องปรับอากาศ
เครื่องปรับอากาศบางรุ่นมีฟังก์ชันในการควบคุมความชื้นให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมกับร่างกายของมนุษย์ โดยฟังก์ชันดังกล่าวจะทำงานร่วมกับการปรับตั้งอุณหภูมิที่เหมาะสมด้วย ซึ่งเจ้าของบ้านจะต้องศึกษาข้อมูลและคุณสมบัติเหล่านี้ก่อนการติดตั้ง
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้จะเห็นได้ว่าความชื้นมีความสำคัญแค่ไหนและส่งผลกระทบอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะสุขภาพของผู้อยู่อาศัย บ้าน และทรัพย์สินภายใน ถ้าไม่อยากป่วยอย่าลืมที่จะดูแลและควบคุมความชื้นภายในบ้านให้เหมาะสมเพื่อทุกคนในครอบครัว ด้วยการหาสิ่งของและเครื่องใช้ต่าง ๆ มาช่วยในเรื่องของการไล่ความชื้นภายในบ้าน เพื่อสุขภาพที่ดี มีอากาศภายในบ้านที่สะอาด สดชื่น ไร้เชื้อโรคและกลิ่นอับ
ที่มาข้อมูล: tools , ktc , home