ต้องยอมรับว่าปัจจุบันมีความหลากหลายของไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตค่อนข้างมากโดยเฉพาะในเรื่องสุขภาพ เราจึงมักจะได้ยินคำว่า คีโต IF แพลนต์เบสต์ รวมทั้ง “วีแกน” อยู่บ่อย ๆ แล้ววีแกนคืออะไร ทำไมจึงเป็นทางเลือกที่คนยุคใหม่ให้ความสนใจรวมถึง เครื่องสำอางวีแกน แตกต่างจากเครื่องสำอางอื่น ๆ อย่างไร มาค้นหาคำตอบไปด้วยกัน
วีแกน (Vegan) เทรนด์การบริโภคอย่างมีจริยธรรมที่กำลังได้รับความนิยมไปทั่วโลกนั้นมีจุดเริ่มต้นจากสมาคมมังสวิรัติ (Vegetarian Society) ในประเทศอังกฤษ ต่อมาจึงแพร่ขยายไปยังอเมริกาและกระจายสู่ประเทศอื่น ๆ รวมทั้งประเทศไทยด้วย ซึ่งนับวันสมาชิกชาววีแกนเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ จนได้มีการกำหนด “วันวีแกนโลก หรือ World Vegan Day” โดยตรงกับวันที่ 1 พฤศจิกายนของทุกปี จากเป้าหมายแรกเริ่มที่ต้องการเพียงดูแลสุขภาพ เป้าหมายรองลงมาคือต้องการควบคุมน้ำหนัก ปัจจุบันวิถีวีแกนยังใช้ชีวิตด้วยการคำนึงถึงผลกระทบต่อสัตว์ สิ่งแวดล้อม และความปลอดภัยเป็นสำคัญ
เครื่องสำอางวีแกน คืออะไร ?
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วีแกน (Vegan) เป็นเทรนด์ทางเลือกสำหรับคนรักสุขภาพที่ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นแบบก้าวกระโดดทั้งยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทุกวันนี้จึงมีผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ มากมายทั้งของกินของใช้ที่ออกมารองรับความต้องการของชาววีแกน
ซึ่งนอกจากจะไม่รับประทานเนื้อสัตว์แล้วชาววีแกนยังละเว้นผลิตภัณฑ์หรือผลผลิตจากสัตว์ด้วย ไม่ว่าจะเป็นนม เนย ชีส ไข่ น้ำผึ้ง รวมทั้งเจลาตินซึ่งทำจากไขกระดูกของสัตว์ ในขณะที่ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตประจำวันของชาววีแกนก็ยังคงยึดหลักไม่เบียดเบียนสัตว์ ดังนั้นวัสดุที่ใช้ผลิตเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เฟอร์นิเจอร์ หรือเครื่องสำอาง ย่อมจะต้องไม่สร้างความเดือดร้อนให้แก่สัตว์ด้วยเช่นกัน ชาววีแกนจึงค่อนข้างพิถีพิถันไม่เลือกของใช้ที่ทำมาจากหนังสัตว์ ส่วนประกอบจากสัตว์หรือเครื่องสำอางที่ใช้สัตว์ทดลอง
คอนเซ็ปต์เดียวกับอาหารนั่นคือการไม่เบียดเบียนสัตว์ เครื่องสำอางวีแกนจึงไม่มีส่วนผสมใดที่มาจากสัตว์ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม เช่น แปรงขนสัตว์, ไข่ขาว (Albumen), ไขมันที่ได้จากขนแกะ (Lanolin), น้ำผึ้ง (Honey), ขี้ผึ้ง (Beeswax) , พิกเม็นต์ Carmine, เจลาติน (Gelatin) รวมทั้งคอลลาเจนจากปลาทะเล เป็นต้น นอกจากนี้เครื่องสำอางวีแกนยังไม่ใช้สัตว์ทดลองในการทดสอบผลิตภัณฑ์ แต่จะเลือกทำการทดลองกับมนุษย์ที่เป็นอาสาสมัครเท่านั้น เรียกได้ว่าเครื่องสำอางวีแกนเป็นผลิตภัณฑ์ Cruelty Free ซึ่งต่างจากเครื่องสำอางทั่วไปที่มักจะมีการทดสอบอาการแพ้โดยใช้สัตว์ทดลอง
สิ่งที่ชาววีแกนมือใหม่ควรทราบเพิ่มเติม คือ แม้เครื่องสำอางวีแกนทุกชนิดจะเป็น Cruelty Free แต่ใช่ว่าผลิตภัณฑ์ Cruelty Free ทุกชนิดจะเป็นวีแกน นั่นเพราะ Cruelty Free หมายถึงผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้ทำการทดลองในสัตว์เท่านั้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีการใช้ส่วนผสมที่มาจากสัตว์ ดังนั้นก่อนตัดสินใจซื้อ เครื่องสำอาง Vegan ควรดูฉลากหรือบรรจุภัณฑ์ให้ดี และเลือกที่มีการระบุคุณลักษณะว่าเป็น 100% Vegan, No Animal Ingredients หรือ Cruelty Free & Vegan เท่านั้น
เครื่องสำอาง Vegan ดีอย่างไร?
- มีความปลอดภัยสูงเนื่องจากผ่านการทดสอบในมนุษย์ซึ่งจะให้ข้อมูลแม่นยำและน่าเชื่อถือกว่าการทดลองในสัตว์
- ส่วนใหญ่ใช้พืชหรือสารสกัดจากธรรมชาติเป็นส่วนผสมหลักจึงปลอดภัยจากสารเคมีและสารพิษต่าง ๆ
- อ่อนโยนต่อผิวมากกว่าผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางทั่วไป จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบาง แพ้ง่าย และยังช่วยลดอาการระคายเคืองผิว
- ดีต่อใจเพราะไม่ได้เบียดเบียนสัตว์หรือสิ่งมีชีวิตอื่นใด
- ดีต่อโลกเพราะเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมทั้งเนื้อผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ที่ใช้
ข้อเสียของ เครื่องสำอาง Vegan
- ราคาสูงกว่าเครื่องสำอางทั่วไปในท้องตลาดเนื่องจากมีกระบวนการผลิตที่พิถีพิถันกว่า
- หาซื้อได้ยากกว่าเครื่องสำอางทั่วไป
อย่างไรก็ตามในปัจจุบันมีหลายแบรนด์ของไทยที่ผลิตเครื่องสำอางวีแกนออกมาให้สาว ๆ ได้เลือกใช้จึงหาซื้อง่ายและราคาถูกกว่าในอดีตไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอาง แปรงและฟองน้ำ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ผลิตภัณฑ์สปา น้ำหอม หรือลิปบาล์ม เป็นต้น
เครื่องสำอางวีแกน และเครื่องสำอางออร์แกนิค เหมือนหรือต่างกันอย่างไร?
เครื่องสำอาง Organic เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับสายบิวตี้ที่ใส่ใจในสุขภาพ โดยเครื่องสำอางออแกนิคนั้นจะใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติซึ่งอาจมีหรือไม่มีส่วนประกอบจากสัตว์ก็ได้ แต่ทุกขั้นตอนการผลิตต้องปราศจากสารเคมี ดังนั้นจึงจำเป็นต้องควบคุมการผลิตทุกขั้นตอนตั้งแต่การปลูก การเก็บเกี่ยว ไปจนถึงกระบวนการสกัดเพื่อให้ได้สารประกอบตามต้องการ เครื่องสำอางออแกนิคเหมาะสำหรับผิวบอบบางแพ้ง่ายเนื่องจากไม่มีการใช้สารเคมีในขั้นตอนการผลิต ทั้งยังไม่มีส่วนผสมของพาราเบน น้ำหอม หรือส่วน ผสมอื่น ๆ ที่ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง
จะเห็นได้ว่าแม้เครื่องสำอาง Vegan และเครื่องสำอาง Organic จะมีความปลอดภัยและเหมาะสำหรับผิวบอบบางแพ้ง่ายเช่นเดียวกัน แต่ทั้งคู่มีหลักการแตกต่างกัน กล่าวคือ เครื่องสำอาง Vegan เน้นเรื่องไม่เบียดเบียนสัตว์ในทุกกรณี ขณะที่เครื่องสำอาง Organic เข้มงวดเรื่องสารเคมี โดย
- เครื่องสำอาง Organic ใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติซึ่งอาจจะมีหรือไม่มีส่วนผสมจากสัตว์ก็ได้เครื่องสำอาง Vegan ต้องไม่มีส่วนผสมหรือสารประกอบใดที่ได้มาจากสัตว์เลย
- เครื่องสำอาง Organic ควบคุมการผลิตอย่างเข้มงวด ทุกขั้นตอนต้องปราศจากสารเคมี
- เครื่องสำอาง Vegan ไม่ใช้สัตว์ทดลอง หากแต่ทำการทดสอบผลิตภัณฑ์กับอาสาสมัคร จึงต้องเลือกใช้ส่วนผสมที่ปลอดภัยและอ่อนโยนต่อผิว
เครื่องสำอาง Veganไม่ได้จำกัดวงแคบให้ใช้ได้แค่เพียงเฉพาะชาววีแกนเท่านั้น แต่ยังเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพผิว ผิวบอบบางแพ้ง่าย และผู้ที่ใส่ใจสุขภาพทั่วไป ดังนั้นจึงเป็นเครื่องสำอางที่สามารถใช้ได้ในวงกว้าง โดยบางแบรนด์ก็เป็นเครื่องสำอางวีแกนทั้งแบรนด์ ในขณะที่บางแบรนด์เลือกออกมาแค่เพียงบางไอเทมเท่านั้น
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังมองหาเครื่องสำอางวีแกน ลาซาด้าได้รวบรวมเอาไว้ให้เลือกช้อปมากมายหลากหลายแบรนด์ ช่วยให้คุณช้อปง่าย จ่ายสะดวก และยังมาพร้อมโปรเด็ด ๆ ดีลดัง ๆอีกเพียบ รับรองว่าคุ้ม แนะนำให้เข้าไปช้อปได้เลยที่ลาซาด้า
ที่มาข้อมูล: Salehere , Smeone , Sgethai , Punpro , siam2nite , Jeban , Gqthailand