โทรศัพท์ร้อน นับเป็นปัญหาสำคัญที่ผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนทุกคนต้องเคยเจอกันมาก่อนแน่นอน เรียกได้ว่าเป็นปัญหาที่อยู่คู่กับสมาร์ทโฟนเป็นยาวนาน ซึ่งอาการมือถือร้อน นอกจากทำให้แบตเตอรี่หมดเร็วแล้ว ยังส่งผลต่ออายุการใช้งานของโทรศัพท์มือถือ และมีโอกาสทำให้สมาร์ทโฟนต้องหยุดการทำงานกะทันหัน หรือที่เรียกกันว่า Forced Shutdown อีกด้วย ดังนั้นการทราบถึงสาเหตุและวิธีป้องกันจึงเป็นสิ่งที่ผู้ใช้งานมือถือควรรู้อย่างยิ่ง
สาเหตุของปัญหา โทรศัพท์ร้อน
- การชาร์จไปเล่นไป ปัจจุบันการชาร์จมือถือมีรูปแบบที่เรียกว่า “Fast Charging” ซึ่งเป็นระบบที่ออกแบบมา เพื่อให้การชาร์จสมาร์ทโฟนรุ่นที่มีความจุแบตเตอรี่สูงเต็มไวขึ้น รวมทั้งช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้งานสายเกมเมอร์ให้ชาร์จแบตเตอรี่ได้เร็ว ไม่ต้องเสียเวลารอคอยมากนัก แต่รู้หรือไม่ว่าการชาร์จรูปแบบ Fast Charging จะเร่งให้แบตเตอรี่ร้อนจัด อันเกิดจากประจุไฟฟ้าเร่งอัดเข้าแบตเตอรี่มากเกินไป และหากผู้ใช้งานชาร์จไปในขณะที่เล่นมือถือไปด้วยแล้ว ไม่ว่าจะใช้เล่นเกม ฟังเพลง ดูหนัง ฯลฯ จะยิ่งทำให้อุณหภูมิสูงมากขึ้น ส่งผลเสียต่ออายุการใช้งานแบตเตอรี่ เร่งให้แบตเสื่อมเร็วกว่าเดิมด้วย
- เล่นเกมเป็นเวลานาน การเล่นเกมถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้แบตเตอรี่หมดไวกว่าการดูหนัง ฟังเพลง เล่นโซเชียล ฯลฯ เพราะระบบการประมวลผล (CPU) ของสมาร์ทโฟนทำงานหนัก จึงเร่งอุณหภูมิมือถือสูงขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกมที่มีอัตราเฟรมเรตสูง เล่นในรูปแบบออนไลน์ และมีภาพกราฟิกสวยด้วยแล้ว ผู้ใช้งานต้องรู้สึกถึงความร้อนจากสมาร์ทโฟนได้มากกว่าเกมทั่วไปที่เล่นในลักษณะออฟไลน์ และยิ่งเล่นเป็นเวลานาน อุณหภูมิก็ยิ่งสูงขึ้นตามระยะเวลาที่ใช้งาน ดังนั้นระยะเวลาเล่นเกมที่เหมาะสมคือ 1 ชั่วโมงแล้วค่อยพัก จะช่วยให้ความร้อนไม่สูงมากเกินไป
- เปิดแอปจำนวนมาก ผู้ใช้งานบางกลุ่มเข้าใจว่าเมื่อเปิดแอปพลิเคชันใหม่ จะทำให้แอปพลิเคชันก่อนหน้าปิดการทำงานอัตโนมัติ ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะระบบของแอปพลิเคชันจะยังคงทำงานบนพื้นหลังอยู่ ถึงแม้เปิดแอปใหม่แล้ว ดังนั้นการเปิดแอปจำนวนมากจะส่งผลให้ระบบประมวลผลทำงานหนัก แบตเตอรี่จะทำงานหนักตามไปด้วย จึงควรปิดการใช้งานแอปก่อนหน้าเมื่อเริ่มต้นใช้งานแอปพลิเคชันใหม่ทุกครั้ง
- การใช้งานสัญญาณ Wi-Fi Wi-Fi เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สมาร์ทโฟนร้อน เพราะสัญญาณ Wi-Fi ไม่ได้เสถียรเหมือนกับอินเทอร์เน็ตส่วนตัว ทำให้ระหว่างค้นหาสัญญาณ โทรศัพท์จะทำงานหนักขึ้น ส่งผลให้แบตเตอรี่ร้อนตามมา หากเป็นไปได้ควรปิดการใช้งาน Wi-Fi ในกรณีที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว ถ้าเปิดทิ้งไว้จะเร่งให้แบตเตอรี่หมดเร็วกว่าเดิม
วิธีป้องกันแก้ไขปัญหา โทรศัพท์ร้อน
- ถอดเคสมือถือ หน้าที่ของเคสออกแบบมาสำหรับป้องกันมือถือตกกระแทกจากที่สูง ซึ่งอาจทำให้อุปกรณ์ด้านในเกิดการเสียหายได้ โดยเคสมือถือส่วนมากทำมาจากวัสดุที่มีคุณสมบัติกักเก็บความร้อนไว้ เช่น พลาสติก หนังเทียม เป็นต้น เมื่อมือถือร้อนขึ้นในขณะที่ใส่เคสที่ทำมาจากวัสดุเหล่านี้จะไม่สามารถระบายความร้อนออกได้ ยิ่งเร่งให้อุณหภูมิมือถือร้อนกว่าเดิม ดังนั้นหากรู้สึกว่าสมาร์ทโฟนร้อนขึ้น จึงควรถอดเคสออก เพราะจะช่วยให้มือถือระบายความร้อนออกได้ดี
- หลีกเลี่ยงการใช้งานมือถือในที่อุณหภูมิร้อนจัด หลายครั้งผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนจำเป็นต้องใช้งานมือถือในพื้นที่กลางแดด โล่งแจ้ง ซึ่งพื้นที่ลักษณะดังกล่าวอุณหภูมิสูง ทำให้เมื่อเปิดหน้าจอ ระบบของมือถือจะเร่งปริมาณแสงสว่างให้มากขึ้น เพื่อสอดคล้องกับระดับแสงสว่างของพื้นที่ โดยการเร่งระดับความสว่างของหน้าจออัตโนมัตินี้เอง ส่งผลต่ออุณหภูมิของมือถือให้สูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
- เปิดโหมด Airplane ทันที Airplane หรือโหมดการบิน เมื่อเปิดการใช้งาน จะทำให้ระบบการสื่อสารของมือถือทุกอย่างหยุดใช้งานทันที ไม่ว่าจะเป็น Wi-Fi, Bluetooth, GPS หรือ Cellular ช่วยให้มือถือไม่รับภาระทำงานที่หนักเกินไป การเปิดโหมด Airplane จึงเป็นวิธีการแก้ไขเครื่องร้อนเฉพาะหน้า หากรู้สึกว่าแบตเตอรี่ลดระดับเร็วผิดปกติ
- ลบแอปพลิเคชันบางอย่างออกไป แอปพลิเคชันบางประเภทมีระบบการทำงานบนพื้นหลัง กล่าวคือ สามารถทำงานได้อัตโนมัติแม้ไม่ได้เปิดแอปนั้นขึ้นมา โดยตัวอย่างของระบบทำงานพื้นหลัง ได้แก่ การส่งข้อมูลตำแหน่ง การแจ้งเตือน หรือการอัปเดตอัตโนมัติ หากปิดแอปบางตัวที่ใช้งานบนพื้นหลังเยอะออกไปได้ จะช่วยประหยัดแบตเตอรี่และป้องกันไม่ให้เครื่องร้อนเร็วได้ด้วย
แนะนำแบรนด์สมาร์ทโฟนที่ช่วยลดอาการ โทรศัพท์ร้อนเร็ว
สมาร์ทโฟนบางรุ่นก็ถูกออกแบบมาโดยมีระบบป้องกันไม่ให้เครื่องร้อนเร็ว ดังนี้
1.Samsung Galaxy A04
สมาร์ทโฟนรุ่นเล็ก หน้าจอขนาด 6.5 นิ้ว ที่มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 5000 mAh โดยระบบ AI ได้ออกแบบการประหยัดพลังงาน ช่วยให้ใช้งานดูหนัง ฟังเพลงได้เกือบตลอดทั้งวัน ที่สำคัญมาพร้อมกับ chipset อย่าง MediaTek Helio P35 ซึ่งมีคุณสมบัติโดดเด่นด้านประหยัดพลังงาน ช่วยลดโอกาสเกิดโทรศัพท์ร้อนได้ดีเยี่ยม
2.Infinix Hot 30
สมาร์ทโฟนที่ออกแบบมาเพื่อเอาใจเหล่าเกมเมอร์โดยเฉพาะ ซึ่งหน้าจอมีขนาด 6.78 นิ้ว แบตเตอรี่ขนาด 5000 mAh มาพร้อมกับระบบ DAR-LINK 3.0 อันเป็นระบบที่ช่วยจัดการความร้อนของเครื่องอย่างดีเยี่ยม ได้รับการทดสอบเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าแม้เล่นเกม Free Fire ต่อเนื่อง 1 ชั่วโมง อุณหภูมิสูงสุดอยู่ที่ 34.5 องศา และเป็นระดับอุณหภูมิที่เหมาะสม ไม่ร้อนจนเกินไป อีกทั้งใช้ชิปชนิด MediaTek Helio G88 เน้นประสิทธิภาพการใช้พลังงานอีกด้วย
นอกจากนี้การไม่ปล่อยให้แบตเตอรี่มือถือหมดบ่อย ๆ ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยป้องกันไม่ให้มือถือร้อนเช่นกัน เพราะเมื่อแบตเตอรี่หมด แล้วชาร์จให้เต็ม จะทำให้อายุการใช้งานของแบตเตอรี่สั้นลง ส่งผลให้แบตเสื่อมและเกิดอาการ โทรศัพท์ร้อน ตามมา การชาร์จเมื่อแบตเตอรี่เหลือราว 20 – 30% จะดีกว่าการปล่อยให้แบตหมดแล้วค่อยชาร์จนั่นเอง
ที่มาข้อมูล : Rabbitcare , sanook , Thaimobilecenter